เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 179
เมื่อหลินเช่อเข้าไปดูในวีแชท เธอก็ได้เห็นว่าแม้แต่กู้จิ้ิ้งอวี่ก็ยังส่งข้อความมาบอกว่า “ฝ่ายพีอาร์ของเธอรับมือกับข่าวได้เยี่ยมไปเลย ดูเหมือนว่าทีมของเธอจะไม่ได้รับเชื้อซื่อบื้อจากเธอไปด้วยสินะ”
หลินเช่อระดมพิมพ์ตอบกลับไปในวีแชทด้วยความโกรธว่า “ไปตายซะไป๊ อย่ามาว่าฉันโง่นะ!”
อย่างไรก็ตาม การที่คนระดับกู้จิ้ิ้งอวี่ยังยอมรับวิธีที่อวี๋หมินหมิ่นใช้ในการรับมือ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าผู้จัดการของเธอทำได้ดีจริงๆ
จากการโดนโจมตีไปจนถึงการล้อเลียนตัวเองเพื่อตอบโต้ ทำให้หลินเช่อได้รับประสบการณ์ที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองให้กับเธออย่างมากในวันคริสต์มาสปีนี้
กู้จิ้งเจ๋อกลับมาถึงห้องในตอนกลางคืน เมื่อได้เห็นว่าหลินเช่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นอันดีแล้ว เขาก็จัดแจงสั่งการสนามบินให้เตรียมเครื่องบินและเส้นทาง เพื่อที่เขาจะได้พาหลินเช่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลกู้และเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
อวี๋หมินหมิ่นเองก็ตามมาด้วย และเธอก็ได้สัมผัสด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกว่าเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลกู้นั้นเป็นอย่างไร ระหว่างที่ช่วยกันเก็บกระเป๋า อวี๋หมินหมิ่นก็พูดกับหลินเช่อว่า “ตระกูลกู้มีเส้นทางบินที่ถูกกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะสำหรับพวกเขาเองในประเทศซี ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วนี่เป็นเรื่องที่จะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น คนตระกูลกู้จึงสามารถสั่งเอาเครื่องบินขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ที่พวกเขาต้องการ”
“จริงหรือคะ”
“แน่นอนสิ ต่อให้เป็นคนอื่นที่มีเครื่องบินส่วนตัว ก็ยังต้องรอให้มีการประสานงานจัดเตรียมเส้นทาง”
“สุดยอดไปเลย…”
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อไปว่า “ต้องขอบใจเธอหรอกนะ ที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้บินในเส้นทางส่วนตัวแบบนี้กับเขาด้วย”
หลินเช่อกระทุ้งอีกฝ่ายอย่างขัดเขิน “พี่ก็ล้อฉันเล่นอยู่ได้!”
หลินเช่อรู้ดีว่าอวี๋หมินหมิ่นเพียงแต่หยอกล้อเธอเล่นเวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น
ไม่ช้า กู้จิ้งเจ๋อก็มาตาม อวี๋หมินหมิ่นรู้จังหวะที่จะปลีกตัวออกไปอยู่ที่อื่นอย่างเงียบๆ เพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้สนทนากัน
กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อขึ้นเครื่อง และในไม่ช้า เครื่องบินก็เทคออฟและบินตรงไปยังเมืองบี
ชายหนุ่มหันมาบอกว่า “กลับไปถึงแล้ว เรายังต้องไปที่บ้านตระกูลกู้กันอีกนะ เพราะนี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปฉลองคืนส่งท้ายปีเก่ากับครองครัวนี่ จริงมั้ย”
“โอ้ ก็ได้ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อจำได้ถึงตอนที่หลินเช่อฟาดงวงฟาดงาด้วยความโกรธเมื่อตอนก่อนหน้า ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินให้ถ้าต้องการให้เธอไปที่นั่นอีก ด้วยเหตุนี้ คนตัวใหญ่จึงกระตุกยิ้มและบอกว่า “ถ้าเธอแสดงได้ดี ฉันจะส่งเงินรางวัลเข้าบัญชีเธอเอง”
หน้าของหลินเช่อร้อนฉ่าทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ตอนนั้นที่เธอพูดออกไปก็เพราะความโกรธ ว่ากันตามตรง เธอก็ไม่ใช่คนหิวเงินอะไรขนาดนั้นหรอก
แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายขึ้นมาเอง เธอก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ
“คุณยังจะต้องรอดูผลงานอีกหรือคะ แล้วนี่ถ้าฉันแสดงได้ไม่สมบทบาท จะต้องถูกหักเงินหรือเปล่า”
“แน่นอนสิ ก็นี่แหละกลไกตลาดละ ในฐานะนักธุรกิจแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียเปรียบแน่นอน”
หลินเช่อทำจมูกขยุกขยิกใส่อีกฝ่าย
กู้จิ้งเจ๋อนึกย้อนไปถึงพฤติกรรมของหลินเช่อก่อนหน้านี้ เมื่อลองมานึกๆ ดูแล้ว ไอ้ท่าทีเย็นชาอาละวาดของเธอนั่น ทั้งหมดเป็นเพราะความหึงหวงอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดในทันที
และเมื่อจำเหตุการณ์เมื่อวันก่อนได้ ชายหนุ่มก็อดอารมณ์ขึ้นมาทันตาไม่ได้
ถ้าเขารู้ว่าเธอทำไปเพราะหึงหวงละก็ เขาก็คงไม่กังวลใจขนาดนั้นหรอก
แล้วเขาก็จะปล่อยให้เธออยู่คนเดียวที่นี่นานขึ้นอีกหน่อยด้วย เผื่อจะได้ช่วยดัดนิสัยกันได้มั่ง เพราะเขาค่อนข้างจะสปอยล์เธออยู่เป็นประจำทุกวัน จนตอนนี้เธอแทบจะทำให้เขาคลั่ง สองวันที่ผ่านมาเขาแทบจะตายด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว
หลินเช่อฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์และกดพนักเก้าอี้ให้เอนลง ทั้งสองนั่งกันอยู่ตามลำพังในเครื่องบินส่วนตัว โดยที่เก้าอี้หันหน้าเข้าหากัน เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของกู้จิ้งเจ๋อที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไป ทำให้หลินเช่อจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ และนึกสงสัยว่าทำไมรอยยิ้มของเขาถึงได้เปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจขึ้นมาในพริบตาแบบนั้น
แต่แล้วอาการคลื่นไส้ที่แล่นขึ้นมาเป็นระลอกในช่องท้อง ก็เรียกสติหลินเช่อกลับมา
เมื่อชายหนุ่มได้เห็นเธอยกมือขึ้นนวดท้อง รอยยิ้มของเขาก็คลายลงและถามว่า “เป็นอะไร ยังปวดท้องอยู่อีกเหรอ”
“ยังปวดอยู่หน่อยๆ น่ะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก คงเป็นเพราะคราวนี้ฉันกังวลมากไป มันก็เลยปวดมาก ปกติแล้วจะปวดอยู่แค่วันเดียวเท่านั้นเองค่ะ”
“คราวหน้าอย่าลืมจดบันทึกวันที่รอบเดือนของเธอมาไว้ด้วย!” ชายหนุ่มนิ่วหน้า “ยัยบื้อเอ๊ย นี่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารอบเดือนตัวเองมาวันไหน”
หลินเช่อแลบลิ้นใส่อีกฝ่าย
หลังจากนิ่งเงียบไปเป็นครุ่ กู้จิ้งเจ๋อก็ลุกขึ้นเดินมาหาเธอ “นอนลงไปสิ เดี๋ยวฉันจะช่วยนวดท้องให้เอง”
“อา…ฉันว่าไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอนึกอายที่จะให้เขามานวดท้องให้
“พอที ยังมีอะไรน่าเกลียดๆ เกี่ยวกับเธอที่ฉันยังไม่ได้เห็นอีกเหรอ มาตอนนี้จะมาอายอะไรอีก”
“…” หลินเช่อบุ้ยปาก แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ที่เขาพูดก็ถูกแฮะ ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงยอมเอนกายนอนลงแต่โดยดี
กู้จิ้งเจ๋อยกศีรษะเธอขึ้นวางบนหน้าขาเขา ก่อนที่มือใหญ่จะวางลงบนท้อง และลงมือนวดเฟ้นเพื่อคลายความปวดให้
อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงกว่าเธอ ทำให้มือของเขาอุ่นกำลังดี หลินเช่อรู้สึกสบายและผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดตะขิดตะขวงใจนิดๆ ไม่ได้ที่มานอนราบอยู่แบบนี้
ที่สำคัญเธอกำลังนอนอยู่บนขาเขาเสียด้วยสิ
หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมามองกู้จิ้งเจ๋อ พลางคิดว่า นี่ตัวเธอกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการให้บริการของท่านประธานกู้ผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ ถ้ามีใครอื่นมาเห็นเข้าละก็ รับรองได้ว่าคนนั้นเป็นต้องอ้าปากค้างแทบถึงพื้นเป็นแน่แท้…
ไม่ช้า เครื่องบินก็ร่อนลงจอดที่เมืองบี
เมื่อกลับมาถึง สิ่งแรกที่กู้จิ้งเจ๋อทำก็คือการเดินทางไปเยี่ยมโม่ฮุ่ยหลิง ซึ่งได้ย้ายออกจากโรงพยาบาลไปยังศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวตั้งใจจะพักฟื้นอยู่ที่นั่นสักพักก่อนที่จะกลับบ้าน
หลินเช่อแม้จะรู้ดีว่ากู้จิ้งเจ๋อเดินทางไปเยี่ยมโม่ฮุ่ยหลิง แต่เธอกลับไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่
แม้ว่าในใจเธอจะไม่ค่อยชอบนัก แต่โม่ฮุ่ยหลิงก็เพิ่งผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายมาหมาดๆ การที่กู้จิ้งเจ๋อจะไปเยี่ยมหล่อนก็เป็นเรื่องที่เธอพอจะเข้าใจได้
หลินเช่อรู้ดีว่าเธอพยายามที่จะปลอบใจตัวเองอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นที่เธอจะทำได้อีกแล้ว ต่อให้เธอไม่สบายใจกับเรื่องนี้นักก็ตาม
หลังคริสต์มาสผ่านพ้นไป เทศกาลปีใหม่ก็มาถึง ในวันสิ้นปี กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อเดินทางไปที่บ้านตระกูลกู้ด้วยกัน
อากาศหนาวเย็นลงมากทำให้ทั้งคู่ต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้น แต่เมื่อมาถึงบ้าน มู่หว่านฉิงก็ยังคงพูดกับหลินเช่อว่า “ทำไมสวมเสื้อน้อยชั้นแบบนี้ล่ะจ๊ะ เร็วๆ เข้า รีบเข้ามาข้างในนั้น ใครไปเอาเสื้อโค้ตให้คุณผู้หญิงหน่อยซิ”
หลินเช่อถูกห่อด้วยเสื้อผ้าอีกหลายชั้นทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน หญิงสาวหมุนตัวมองดูรอบๆ แล้วก็ได้เห็นบรรดาบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่านประธานาธิบดียืนระแวดระวังอยู่ด้านนอก ทำให้เธอรู้ว่า กู้จิ้งหมิงก็กลับมาร่วมฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าที่บ้านด้วยเช่นกัน
กู้จิ้งหมิงเดินเข้ามาทักทายหลินเช่ออย่างเป็นกันเอง แต่เมื่อเหลียวมองอยู่นาน หลินเช่อกลับไม่เจอกู้จิ้ิ้งอวี่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงลากตัวกู้จิ้งเจ๋อเข้ามาถาม “ทำไมกู้จิ้ิ้งอวี่ถึงไม่กลับมาฉลองส่งท้ายปีเก่าด้วยล่ะคะ”
ชายหนุ่มตอบว่า “จิ้งอวี่ไม่เคยกลับมาอีกเลยตั้งแต่ที่เขามีเรื่องกับที่บ้านน่ะ อย่าหวังว่าจะได้เจอเขาวันนี้เลย”
“ใครบอกว่าฉันอยากเจอเขากันล่ะคะ ก็แค่คิดว่ามันแปลกเท่านั้นเอง เพราะเห็นอยู่ชัดๆ ว่พวกคุณเป็นพี่น้องกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่กลับมาบ้าน” หลินเช่อถามด้วยสุ้มเสียงใคร่รู้ “แล้วเขามีเรื่องทะเลาะอะไรกับทางบ้านหรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่เพราะจิ้งอวี่เป็นน้องเล็กที่สุดของครอบครัว เขาก็เลยออกจะถูกตามใจมากเกินไป เลยทำให้เป็นคนขวางโลกแบบนี้นี่แหละ”
“เพราะเรื่องนี้หรอกเหรอคะ ฉันนึกว่าเป็นเรื่องฝ่าฝืนธรรมเนียมอะไรของครอบครัวซะอีก”
“เฮ้ นี่เธอไม่ควรจะพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าตาสามีของตัวเองไม่ใช่หรือไง”
“…” หลินเช่ออยากเถียงว่ากู้จิ้ิ้งอวี่ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่นซักหน่อย
แต่เมื่อได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังทำตาขวางใส่เธออยู่ หญิงสาวจึงทำได้แค่แลบลิ้นแผล็บและหยุดพูดเท่านั้น
แล้วกู้จิ้งหมิงก็เดินเข้ามาพร้อมใครอีกคน ทำให้ทั้งสองไม่มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้กันต่อ
กู้จิ้งหมิงแนะนำขึ้นว่า “นี่เซียวเซียว เซียวเซียว นี่หลินเช่อ ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไงล่ะ”
หลินเช่อยังคงงุนงงเมื่อมองดูหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
กู้จิ้งเจ๋ออธิบายด้วยสุ้มเสียงต่ำว่า “ที่บ้านเราจับพี่ชายใหญ่ให้เข้าพิธีดูตัวกับผู้หญิงที่เหมาะสมน่ะ เธอคนนี้เป็นลูกสาวของสส.”
แล้วหลินเช่อก็เข้าใจได้ในทันที
แม้แต่ประธานาธิบดีก็ยังโดนบังคับให้แต่งงานได้หรือนี่