เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 182
หลินเช่อลงจากรถไปยืนอยู่ที่ริมถนน มองดูกู้จิ้งเจ๋อ
ชายหนุ่มยืนอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ถือโทรศัพท์ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างล้วงกระเป๋า เขาดูเหมือนนายแบบบนหน้าปกนิตยสารไม่มีผิด ทั้งสูงสง่าและหล่อเหลา
กู้จิ้งเจ๋อขยับตัวสองสามก้าว ทำท่าจะเดินกลับมาหาเธอ หลินเช่อส่งยิ้มให้เขา
แต่แล้วทันใดนั้น รถคันหนึ่งก็โผล่มาโดยไม่รู้ทิศทาง พุ่งตรงดิ่งเข้ามา
“กู้จิ้งเจ๋อ หลบไป!”
เขาเงยหน้าขึ้น หลินเช่อตกใจจนตัวแข็งทื่อ เธอเห็นรถคันนั้นพุ่งตรงเข้ามา และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ภาพของกู้จิ้งเจ๋อก็แทบจะรวมกันเป็นภาพเดียวกับด้านหลังของรถคันนั้น
รถบรรทุกส่งขนมปังคันใหญ่แล่นเข้ามาบังสายตาทำให้มองไม่เห็นอะไรอีก หลินเช่อวิ่งตะบึงข้ามถนนไปราวกับคนบ้า
กู้จิ้งเจ๋อนอนอยู่บนพื้นถนน ดูเหมือนจะหมดสติ
น้ำตาของหลินเช่อไหลพรากอาบแก้มเมื่อเธอตรงรี่เข้าไปข้างตัวเขา
เธอร่ำไห้พลางพยายามที่จะยกไหล่ของชายหนุ่มขึ้นและร้องเรียก “กู้จิ้งเจ๋อ กู้จิ้งเจ๋อ ตื่นสิ! ตื่นสิคะ!”
น้ำตาเม็ดใหญ่ราวกับไข่มุก หยดลงบนแก้มของชายหนุ่ม
กู้จิ้งเจ๋อลืมตาขึ้นและพบกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจของหลินเช่อ
ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่อยากจะแก้แค้นเธอ ด้วยการล้อเธอเล่นแบบเดียวกันกับที่เธอทำกับเขาเมื่อเช้านี้
แต่ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นกังวลมากขนาดนี้
จนเขาไม่อาจเสแสร้งที่จะแกล้งเธอต่อไปได้
เขามองหน้าเธอ และสวมกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน ใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบหลังเธออย่างปลอบประโลม “เอาละ เอาละ อย่าร้องไห้เลยนะ…”
แต่น้ำตาของหลินเช่อยังไหลลงมาไม่ขาดสาย เหมือนจะหยุดไม่ได้
เธอมองเขาด้วยดวงตาเปียกรื้น ไม่สามารถระงับอารมณ์ทั้งหลายได้
ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาตายไปแล้วเสียอีก
ในหัวของเธอขาวโล่งไปหมดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
ลึกลงไปข้างใน เธอนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำอย่างไรถ้าเขาอยู่ใต้รถคันนั้นและไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย
เธอจึงกอดเขาแน่นและฝังหน้าลงไปในอ้อมแขนนั้น สูดเอากลิ่นตัวของเขา พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองลงทีละน้อย เขาไม่เป็นไร เขายังอยู่ตรงนี้
เธอยังไม่สูญเสียเขาไป
เป็นครู่ใหญ่ทีเดียว ที่หลินเช่อยังนึกกลัวไม่หาย เธอมองกู้จิ้งเจ๋อแล้วเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าเขา เธอต้องการที่จะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นความจริงหรือจินตนาการของเธอเองกันแน่
ในตอนแรกกู้จิ้งเจ๋อคิดว่าการเอาคืนครั้งนี้คงจะสาแก่ใจ แต่เมื่อได้เห็นหลินเช่อร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ เขาก็เริ่มนึกเสียใจขึ้นมา
ถ้าเขารู้มาก่อน เขาคงจะไม่ทำให้เธอเป็นกังวลแบบนี้
ถ้าเขารู้มาก่อน เขาจะยอมปล่อยวางเรื่องที่เธอแกล้งเขาเมื่อเช้า และไม่คิดที่จะเอาคืนเลย
“ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ แตะตัวฉันสิ ฉันปกติดี รถนั่นแค่โฉบผ่านหน้าฉันไปเท่านั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซักนิดเดียว”
เขาค่อยๆ จับมือเธอแล้วยกขึ้นมาแตะหน้า
เมื่อรู้สึกได้ถึงมือเล็กๆ ที่สั่นระริกนั้น ชายหนุ่มก็ต้องตำหนิตัวเองอีกรอบ
“เอาละ เอาละ อย่าร้องอีกเลยนะ”
เธอทาบมือลงบนหน้าเขา สัมผัสเขาอย่างเงียบเชียบ ซึ่งทำให้หัวใจเธอเริ่มสงบลง
ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาบนพวงแก้มให้ด้วยความสงสาร “ฉันขอโทษ”
หลินเช่อส่ายหน้า แค่เขาบอกว่าไม่เป็นไร เธอก็ไม่สนใจอะไรอื่นอีกแล้ว
แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่คนขับรถคันนั้นก็ถูกจับในเวลาอันรวดเร็ว
ทางครอบครัวตระกูลกู้เป็นผู้ได้รับแจ้งข่าวนี้ก่อนใคร และพากู้จิ้งเจ๋อมายังโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจเช็กโดยละเอียดก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้าน
มู่หว่านฉิงรีบตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาล เมื่อได้เห็นว่าบุตรชายไม่เป็นอะไร เธอก็ตำหนิว่า “แม่บอกแล้วไงว่าให้เอาคนมาด้วยหลายๆ คน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะทำยังไง”
ใบหน้าของหลินเช่อนั้นแดงเรื่อจากการร้องไห้ มู่หว่านฉิงปลอบโยนเธออย่างเห็นใจ “เอาละ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
ปลอบหลินเช่อเสร็จ หล่อนก็หันไปอาละวาดลูกชายต่อ “เห็นมั้ย ว่าลูกทำให้หลินเช่อกลัวแทบแย่น่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหญิงสาวก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แต่ถึงกระนั้น หัวใจเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมานิดๆ ไม่ได้
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาแค่อยากจะแกล้งหลินเช่อด้วยการลงไปนอนบนพื้นถนนเท่านั้น
เมื่อทุกคนออกมาจากโรงพยาบาล มู่หว่านฉิงก็ยืนกรานให้เขากลับไปพักที่บ้านของเธอก่อน
ตอนนี้กู้จิ้งเจ๋อเริ่มนึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว เขาไม่คิดเลยว่าการแกล้งทำเป็นเกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว จะทำให้เขาต้องยกเลิกงานทั้งหมดในวันนี้ และเขาควรที่จะได้กลับไปพักอย่างสบายที่บ้านของตัวเอง
หลินเช่อตามมาด้วยเพื่อช่วยดูแลกู้จิ้งเจ๋อ
เมื่อมู่หว่านฉิงเห็นท่าทางของหลินเช่อดูเบื่อๆ เธอจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “ถ้าอยากจะไปเล่นที่ไหนก็ไปได้นะจ๊ะ ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่หรอก”
หลินเช่อรีบตอบ “โอ้ ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้มีอะไรต้องทำ”
“ไหนบอกฉันหน่อยสิ ปกติแล้วเธอชอบทำอะไรจ๊ะ ฉันไม่ค่อยจะรู้แล้วละว่าหนุ่มสาวยุคนี้เขาชอบทำอะไรกัน”
หลินเช่อตอบอายๆ “ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวนักหรอกค่ะ”
ทุกอย่างที่เธอทำไม่ใช่เรื่องที่จะอวดใครได้เลยซักนิด
หลินเช่อนึกสงสัยว่ามู่หว่านฉิงจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงไร้การอบรมหรือเปล่านะ
“นอกจากทำงานแล้ว หนูก็เล่นอินเทอร์เน็ต ไปช้อปปิ้ง หาอะไรกิน อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ”
“โอ้ ช้อปปิ้งเหรอจ๊ะ มีที่ช้อปปิ้งดีๆ ที่ไหนบ้างเหรอ”
หลินเช่อตอบว่า “คุณแม่คะ ถึงแม้ว่าทางตระกูลกู้จะมีแทบทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจนอกจากการซื้อของอีกนะคะ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้า ของใช้จำเป็นหรือว่าอาหาร การออกไปซื้อของอาจจะเป็นเรื่องไม่สะดวกนัก แต่การได้ออกไปข้างนอก มองดูข้าวของต่างๆ และเลือกเอาสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกพอใจได้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อมีของให้เลือกมากมายเต็มไปหมดนี่ มันเป็นเรื่องสนุกจริงๆ นะคะเวลาที่เราได้เลือกอะไรให้ตัวเองน่ะ”
มู่หว่านฉิงว่า “ตัวฉันเองไม่เคยออกไปช้อปปิ้งเองมาก่อนเลยจ้ะ”
“จริงหรือคะ ก็เพราะว่าบ้านหลังนี้มีทุกอย่างพร้อมสรรพหมดแล้ว แต่เวลาที่เราต้องการจะซื้ออะไรซักอย่าง เราจะออกไปช้อปปิ้งด้วยตัวเองค่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะเคยลำบากยากจนมาก่อน แล้วก็ไม่ได้มีสาวใช้เหมือนที่บ้านนี้ แต่คนทั่วๆ ไปก็มักจะออกไปช้อปปิ้งกันเป็นประจำนะคะ”
เมื่อผู้เป็นแม่สามีได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาเป็นประกาย “ทำไมเธอไม่พาฉันออกไปช้อปปิ้งบ้างล่ะจ๊ะ”
“หือ”
มู่หว่านฉิงว่า “ฉันไม่เคยได้ออกไปซื้อของมาก่อนเลยจ้ะ หลินเช่อ พาฉันไปหน่อยสิ ที่ไหนก็ได้”
หลินเช่อยังคงไม่แน่ใจ “เราออกไปได้หรือคะ”
“ได้สิจ๊ะ!”
ด้วยเหตุนี้ อีกชั่วโมงให้หลัง หลินเช่อก็พามู่หว่านฉิงออกไปยังช้อปปิ้งมอลล์ในเขตบี
มู่หว่านฉิงไม่ได้ออกมาช้อปปิ้งนานมากแล้วจริงๆ เธอมองเห็นทุกอย่างเป็นของแปลกใหม่น่าตื่นใจไปเสียทั้งหมด “ห้างสรรพสินค้าเดี๋ยวนี้ทำออกมาสวยจังนะจ๊ะ ฉันจำได้ว่าสมัยยังเป็นเด็ก ฉันก็ชอบมาเดินสำรวจห้างเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นทุกอย่างถูกทางครอบครัวเตรียมให้ ฉันก็เลยไม่มีอะไรที่ตัวเองอยากจะซื้อ ยิ่งพอแก่ก็ยิ่งไม่ค่อยได้ไปไหนอีก”
หลินเช่อหัวเราะ “คุณแม่คะ คุณแม่ยังไม่แก่เลยซักนิด จะมาบ่นว่าแก่แล้วได้ยังไงกันคะ ไม่เห็นเหรอคะ คนพวกนั้นจะต้องคิดว่าฉันมาช้อปปิ้งกับพี่สาวแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆๆ เธอนี่รู้วิธีทำให้ฉันมีความสุขจริงๆ นะ”