เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 183
หลินเช่อมองดูมู่หว่านฉิงและพูดขึ้นว่า “คุณแม่ขา หนูพูดจริงๆ นะคะ ตอนที่เจอคุณแม่ครั้งแรกน่ะ หนูไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะเป็นแม่ของกู้จิ้งเจ๋อ คุณแม่ดูเหมือนคุณนายอายุซักสามสิบเท่านั้นเอง”
“โอ๊ยตายจริง ถ้าฉันอายุแค่นั้นจริงๆ ก็ดีน่ะสิจ๊ะ”
“คุณแม่ก็ยังดูเหมือนอายุแค่นั้นจริงๆ นะคะ ดูหน้าคุณแม่สิไม่มีริ้วรอยเลยซักนิด ถ้าหนูแก่แล้วดูเด็กได้เท่าซักครึ่งหนึ่งของคุณแม่ก็ดีใจจะแย่แล้วละค่ะ”
“เธอเองก็จะต้องดูอ่อนเยาว์แน่ๆ จ้ะ หลินเช่อ ดูเธอสิสวยออกอย่างนี้” มู่หว่านฉิงว่า
หลินเช่อบอก “หนูไม่อยากจะคิดถึงอย่างอื่นแล้วละค่ะ หนูว่าคนเราถ้าแก่ตัวลงแล้วจะมีริ้วรอยบ้างก็คงจะไม่เป็นไร หนูแค่หวังว่าต่อให้แก่จนหน้าเ**่ยวแล้วก็ขอให้ยังดูสวยอยู่เท่านั้นก็ดี แต่แน่ละว่าถ้าหน้าเนียนใสไร้ริ้วรอยเหมือนกับคุณแม่แบบนี้ย่อมจะดีที่สุด จริงมั้ยล่ะคะ”
มู่หว่านฉิงหัวเราะและบอกว่า “เข้าใจคิดนะจ๊ะ ยังไงซะริ้วรอยเ**่ยวย่นก็จะต้องมาในไม่ช้าก็เร็ว เธออย่ากลัวไปเลยจ้ะ”
ถึงจะออกปากเช่นนั้น แต่มู่หว่านฉิงก็อดภูมิใจกับใบหน้าของตัวเองไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะไม่รักสวยรักงาม “ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีทัศนคติที่ดี ถ้าไม่มีพวกลูกชายเจ้าปัญหาทั้งหลายที่ทำให้ต้องคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อยแบบนี้ ฉันคงจะดูเด็กกว่านี้มากเลยละจ้ะ แต่ถึงจะดูเด็กได้เพียงเท่านี้โดยที่มีพวกเขาอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเหมือนกันนั่นแหละ ใช่มั้ยล่ะจ๊ะ”
“จริงค่ะ พวกเขานี่ตัวก่อเรื่องกันทั้งนั้นเลย”
ทั้งสองเดินคุยกันไปพลางชี้ชวนดูข้าวของต่างๆ ที่อยากได้ไปพลาง
มู่หว่านฉิงรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน และคิดว่ากิจกรรมนี้ดูจะเป็นสิ่งดีต่อสุขภาพมากกว่าการอยู่กับบ้านเฉยๆ
ขณะที่กำลังเดินดูของกันอยู่นั้นเอง เสียงพูดคุยจากคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นไม่ไกลนัก
หลินลี่มาช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ นั่นเอง
ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้น่าจะเป็นห้างที่มีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่าห้างไหนๆ ในเขตบีเลยก็ว่าได้ หลินลี่และเพื่อนจึงเลือกที่จะมาเดินซื้อของที่นี่ พวกเธอซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพงมากมายและเดินถือถุงช้อปปิ้งไปทั่วห้างอย่างภาคภูมิใจ และระหว่างที่เดินช้อปปิ้งนั้น บรรดาผองเพื่อนก็พากันแซ่ซ้องหลินลี่ไม่ขาดปากว่า “เธอนี่ช้อปโหดมากเป็นบ้า ซื้อเอาซื้อเอาโดยที่ไม่ต้องพลิกดูป้ายราคาเลย แบบนี้เขาไม่เรียกช้อปปิ้งนะจ๊ะเธอ เขาเรียกมากวาดเรียบร้านจ้ะ”
หลินลี่หัวเราะอย่างพอใจและบอกว่า “แหม การช้อปปิ้งคือการผ่อนคลายนะจ๊ะ จะมาคิดคำนวณอะไรกันมากมายให้ปวดหัวล่ะ”
“ก็เธอเป็นว่าที่คุณนายตระกูลฉินนี่จ๊ะ ก็ผ่อนคลายแบบนี้ได้น่ะสิ”
ขณะที่หัวร่อต่อกระซิกกันนั้นเอง หลินลี่ก็ชะงักฝีเท้า
เธอคิดว่าเธอจำคนผิด แต่แล้วก็กลับไม่ใช่
เพราะผู้หญิงที่กำลังเดินตรงมาทางเธอพร้อมกับหญิงสูงวัยอีกคนหนึ่งนั้น เป็นหลินเช่อไม่ผิดแน่
เธอไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเป็นที่ศัตรูต้องมาเจอกันบนเส้นทางที่คับแคบแบบนี้
บรรดาเพื่อนๆ ของเธอก็หันมาเห็นหลินเช่อเข้าเช่นกัน
แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้จักหลินเช่อดี พวกเธอคุ้นเคยกับนอกสาวนอกกฎหมายของหลินลี่ผู้นี้ และเคยช่วยกันรุมรังแกหล่อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนด้วย
แต่ตอนนี้ หลินเช่อกลายเป็นหนึ่งในดาราหน้าใหม่ที่กำลังโด่งดังและเป็นที่กล่าวขวัญอยู่ในอินเทอร์เน็ตเสียแล้ว
ส่วนหลินลี่เองที่แม้ว่าจะเข้าวงการมาก่อน แต่กลับมีชื่อเสียงไม่มากเท่าน้องสาว
“อ๊ะ นั่นหลินเช่อไม่ใช่เหรอ” เพื่อนคนหนึ่งอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อเหลียวไปมองหลินเช่อด้วยสีหน้ารังเกียจ
ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินเช่อและตระกูลกู้ เพราะหลินลี่ไม่เคยปริปากบอกใคร ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะหันไปชื่นชมหลินเช่อแทนตัวเธอเอง หลินลี่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังค่อยๆ พ่ายแพ้ต่อหลินเช่อมากขึ้นทุกที
ด้วยเหตุนี้บรรดาเพื่อนๆ ที่เห็นหลินเช่อจึงพากันล้อเลียนอย่างสนุกปากว่า “นี่แม่นั่นมีปัญญามาซื้อของแบรนด์เนมพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะเนี่ย”
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง หลินเช่อก็หันมาเห็นหลินลี่และเพื่อนสาวที่แต่งตัวอย่างสวยงามหรูหราทั้งสามเข้าพอดีเช่นกัน
“หลินเช่อ” เพื่อนคนหนึ่งของหลินลี่ฉีกยิ้มและส่งเสียงเรียกออกไป
มู่หว่านฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินจึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “นั่นใครกันน่ะ”
หลินเช่อตอบเพียงสั้นๆ ว่า “คนที่ฉันเคยรู้จักสมัยเด็กๆ น่ะค่ะ”
“โอ้” มู่หว่านฉิงอุทาน
หญิงสาวทั้งกลุ่มพากันเดินกรูเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น คนหนึ่งถามหลินเช่อว่า “เป็นไงมาไงถึงมาถึงนี่ได้ล่ะจ๊ะ”
อีกคนหนึ่งเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงดูแคลนว่า “ตายจริงเธอนี่ มาพูดจากับเขาเหมือนเป็นหลินเช่อคนเก่าได้ยังไงกันจ๊ะ ตอนนี้เขาเป็นดาราแล้วนะ”
“เฮอะ! เป็นดาราแล้วยังไงล่ะ กะไอ้ความเป็นดารากระจอกๆ นี่มันทำให้เธอมีปัญญาซื้ออะไรที่นี่กับเขาได้ด้วยหรือยังไง หลินเช่อ ฉันรู้นะว่าดาราอย่างเธอน่ะชอบถูกถ่ายรูปในสถานที่หรูๆ ดูดี เธอคงชอบให้ใครต่อใครเห็นว่าเธอใช้ชีวิตหรูเริ่ดสินะ แต่ยังไงก็อย่าถึงขนาดทำหน้าใหญ่ใจโตซื้อของแพงๆ ด้วยเงินทองที่หามาอย่างลำบากยากเย็นของตัวเองเลยนะจ๊ะ”
หญิงสาวกลุ่มนี้พูดจาดูถูกหลินเช่อมานับตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนหญิงสาวไม่คิดจะตอบโต้อะไร จนกระทั่งหลินลี่เดินตามหลังมาร่วมสมทบ
หลินลี่ชอบที่จะได้เห็นหลินเช่อถูกรุมรังแก และครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของเพื่อนและยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยทักว่า “หลินเช่อ ทำไมช่วงนี้ไม่กลับบ้านบ้างเลยล่ะ”
ก่อนจะมองเลยไปยังสตรีสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาว
มู่หว่านฉิงดูเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่ของมียี่ห้อ ทั้งรูปร่างหน้าตาก็ยากจะคาดเดาอายุ ท่าทีของเธอจึงดูเหมือนคุณแม่ทั่วๆ ไปในชุดเดรสสีม่วงตัวยาวและรองเท้าส้นเตี้ย ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาในเครื่องแต่งกายเหล่านั้น
หนำซ้ำเธอยังเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน และไม่เคยที่จะปรากฏตัวต่อสื่อเลยแม้สักครั้ง ด้วยเหตุนี้หลินลี่จึงไม่รู้ว่าสตรีสูงวัยตรงนี้ผู้นี้เป็นใคร เมื่อเห็นว่าหล่อนเอาแต่มองหลินเช่อ หลินลี่จึงคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นลูกจ้างหรือพนักงานที่หลินเช่อพามาด้วย หรืออาจจะเป็นพี่เลี้ยงของหล่อนกระมัง
เมื่อปรายตามองเพียงเล็กน้อย หลินลี่ก็หันกลับไปเล่นงานผู้เป็นน้องสาวต่อ
หลินเช่อพูดขึ้นว่า “ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าแต่หลินอวี่โอเคดีหรือเปล่า ตั้งแต่กลับไปท่าทางเธอดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย” หลินเช่อพูดถึงหลินอวี่ขึ้นเพื่อที่จะเตือนพี่สาวว่า ให้ระมัดระวังคำพูด อย่าได้พลั้งเผลอไปล่วงเกินใครเข้าอีก
เมื่อชื่อของหลินอวี่ถูกเอ่ยขึ้นมา อารมณ์เบิกบานของหลินลี่ก็ปะทุเป็นฟืนไฟ
นังหลินเช่อนี่จะอวดดีเกินไปเสียแล้ว
“ไม่รู้หรอกเหรอว่าหลินอวี่ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ แต่ฉันเห็นเธอออกข่าวทีวีอยู่บ่อยๆ นี่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เลยนะ เธออาจจะยอมทำเรื่องเสียๆ หายๆ แลกกับการได้เป็นข่าว แต่ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นคนตระกูลหลินอยู่นะ ถ้าเป็นแบบนี้คนเขาจะมองครอบครัวเรายังไง”
หลินเช่อสวนกลับทันที “ไม่มีใครเขาคิดว่าฉันเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลินหรอกค่ะ”
หลินลี่ทำเสียงหยันๆ “ถึงยังไงในอนาคตก็จะต้องมีคนที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องแบบนี้ จะเป็นคนดังมันก็มีตั้งหลายวิธี เธอจะช่วยเลือกวิธีที่มันไม่เปลืองตัวไม่ได้หรือไงนะ”
เพื่อนของหลินลี่ที่ยืนฟังอยู่ก็สอดเข้ามา “อา หลินลี่ นี่เขาไม่เหมือนเธอนี่จ๊ะ บางคนก็ร่ำรวยพอที่จะสนับสนุนตัวเอง แต่บางคนเขายากจนข้นแค้นออกจะตาย แต่พอเข้าวงการมาแล้วเราก็ไม่รู้หรอกจ้ะว่าใครเป็นใคร บางคนก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มีชื่อเสียง ว่าแต่ หลินเช่อจ๊ะ ฉันได้ข่าวมาว่าคนแบบเธอนี่ยอมขึ้นเตียงกับใครก็ได้เพื่อให้ได้บทมาแสดงไม่ใช่เหรอ เธอเองก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเอาไว้ดูแลตัวเอง แล้วนี่เธอต้องนอนกับพวกตาลุงแก่ๆ หรืออะไรแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ จะได้พอประคองตัวเองอยู่ในวงการนี้ได้น่ะ”
มู่หว่านฉิงไม่เคยพบเจอใครที่พูดเรื่องสกปรกบัดสีแบบนี้มาก่อน ขณะที่ยืนฟังอยู่นั้น หญิงสูงวัยจึงขัดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะว่า “นี่พวกเธอพูดจาไร้สาระอะไรกันจ๊ะนี่ เช่อน้อยของเราน่ะทั้งสวยทั้งมีความสามารถ เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทางลัดสกปรกอะไรพวกนั้นเลยซักนิด แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอเงินสงเคราะห์จากใครด้วย เขาทำทุกอย่างด้วยความสามารถของตัวเอง”
“ต๊าย แล้วนี่ป้าเป็นใครมาจากไหนกันยะ” หญิงสาวคนหนึ่งของกลุ่มเมื่อได้ยินหญิงสูงวัยกล้าพูดจายอกย้อนกลับ ก็ชักจะอารมณ์เสีย “หลินเช่อ เธอไม่ได้เป็นดาราดังอะไรทั้งนั้น จะต้องมาจ้างผู้คนแบบนี้ไว้ทำไมกัน หรือว่านี่เป็นทั้งผู้ช่วยและยัยป้าพี่เลี้ยงแบบทูอินวันกันจ๊ะนี่”