เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 185
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินลี่ มู่หว่านฉิงก็หัวเราะและแก้ขึ้นว่า “ไม่หรอกจ้ะ ฉันเข้าใจดีว่าเธอเหมือนถึงอะไร ฉันอาจจะแก่ แต่หูตาฉันยังดีอยู่นะจ๊ะ”
หลินลี่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอจะเป็นมารดาของกู้จิ้งเจ๋อ
แต่เมื่อเธอรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอก็รู้สึกได้ถึงรัศมีบางอย่างที่ส่องสะท้อนออกมาจากตัวของมู่หว่านฉิง
หลินลี่นึกถึงตอนที่เธอเรียกมู่หว่านฉิงว่ายัยป้าแล้วก็นึกอยากจะตบปากตัวเองเป็นกำลัง
“คุณนายกู้คะ คุณดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน ไม่มีใครคิดหรอกค่ะว่าคุณจะเป็นแม่ของท่านประธานกู้น่ะ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยจำคุณไม่ได้ แถมคุณยังแต่งเนื้อแต่งตัวทันสมัยอย่างนี้ แล้วก็ไม่ค่อยจะได้ทำตัวเป็นข่าวอีกต่างหาก ใครๆ ก็เลยจำไม่ได้ว่าเป็นคุณน่ะค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ” หลินลี่พยายามแก้ตัวเป็นพัลวัน มองดูมู่หว่านฉิงด้วยท่าทีนอบน้อมยำเกรงอย่างที่สุด โดยหวังว่ามู่หว่านฉิงจะแลเห็นความอ่อนน้อมนี้และนึกชื่นชอบเธอขึ้นมา
มู่หว่านฉิงหัวเราะเรียบๆ และตอบว่า “อย่างนั้นเองหรอกหรือจ๊ะ คนแก่อย่างฉันก็ไม่ค่อยจะได้ออกมาข้างนอกกับเขานักหรอก แต่ต่อไปฉันเห็นทีจะต้องออกมาให้บ่อยกว่านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้รู้เลยว่า ผู้หญิงสาวๆ ทุกวันนี้ทำตัวไร้ยางอายกันถึงขนาดนี้แล้ว”
หลินลี่หน้าเสีย เธอรู้ดีว่ากำลังโดนมู่หว่านฉิงตำหนิ และไม่อาจที่จะตอบโต้อะไรได้
เธอตวัดสายตาไปมองหลินเช่อซึ่งยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งทำให้หลินลี่นึกอยากจะเดินเข้าไปตบหน้าน้องสาวต่างมารดาซักฉาด
มู่หว่านฉิงถามขึ้นว่า “หลินเช่อ แม่คนนี้เป็นพี่สาวของเธอจริงๆ หรือจ๊ะนี่”
หลินเช่อหันไปมองหลินลี่และตอบว่า “ค่ะ เรามีพ่อคนเดียวกัน แต่คนละแม่น่ะค่ะ”
มู่หว่านฉิงดึงมือหลินเช่อเข้ามาหาและหันไปมองทางหลินลี่ “เช่อน้อยจ๊ะ เธอน่ะโชคดีแล้วนะที่โตมาโดยไม่กลายเป็นคนแบบนั้นน่ะ ต่อไปคราวหน้าคราวหลังอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีกนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องโดนคนพวกนี้รังแกอีกแน่ๆ เช่อน้อยผู้ไร้เดียงสา”
หลินลี่นิ่งฟัง ก่อนจะหันไปมองหลินเช่อด้วยสายตาชิงชัง
ผองเพื่อนของหลินลี่ที่พากันกระหน่ำด่าอย่างไม่ยั้งก่อนหน้านี้ ต่างพากันยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าแบบอ้าปากค้าง ตกตะลึงเสียจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
พวกเธอมองหลินลี่ด้วยสายตาแปลกใจ ตระกูลกู้ไหนกันที่ทำให้ว่าที่สะใภ้ตระกูลฉินอย่างหลินลี่ต้องหงอให้ถึงขนาดนี้ หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะกล่าววาจาตอบโต้กลับไปด้วยซ้ำ
ในประเทศซีแห่งนี้ ก็มีตระกูลกู้อยู่เพียงตระกูลเดียวเท่านั้นที่สร้างความหวาดหวั่นในใจให้ผู้คนได้ แต่ว่า…มันจะเป็นไปได้หรือ
นี่หลินเช่อไปข้องเกี่ยวกับตระกูลกู้จริงๆ น่ะหรือ
คุณนายกู้งั้นรึ
หลินลี่กัดฟันแน่นและรีบพูดว่า “คุณนายกู้คะ คุณอาจจะไม่รู้อะไร แต่หลินเช่อนี่เป็นลูกเมียน้อยนะคะ แม่ของหล่อนยั่วยวนพ่อฉันจนกระทั่งท้องหลินเช่อขึ้นมา ครอบครัวของเราก็เลยไม่มีใครยกย่องหล่อน หลินเช่อเองก็ได้เลือดชั่วของแม่มาไม่น้อย หล่อนก็เลยได้เชื้อผู้หญิงแพศยาคอยยั่วยวนผู้ชายมาจากแม่ด้วย”
หลินเช่อตัวแข็ง เธอรีบก้าวออกมาข้างหน้าและมองหน้าหลินลี่ด้วยความโกรธจัด “เธอเรียกใครว่าแพศยา!”
หลินลี่คิดว่าที่หลินเช่อโกรธเป็นเพราะตัวเองกำลังถูกเปิดโปงชาติกำเนิด เธอคิดว่าหลินเช่อไม่เคยเล่าให้ใครในตระกูลกู้ฟังถึงหัวนอนปลายเท้าของตัวเองมาก่อน ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงยิ้มเยาะด้วยความสะใจและพูดว่า “จะบอกว่าฉันพูดผิดหรือไงจ๊ะ ถึงแม้ว่าเธอจะใช้แซ่หลิน แต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาโดยคนตระกูลหลินเรา เป็นแค่ลูกนอกสมรส ลูกเมียน้อยเท่านั้น”
“นี่เธอ…”
มู่หว่านฉิงดึงมือหลินเช่อไว้และหันไปพูดกับหลินลี่ “อืม แต่พอดูจากการอบรมที่เธอได้รับมานี่ ฉันเชื่อว่าแม่ของหลินเช่อคงจะเป็นผู้หญิงที่มีกิริยามารยาทดีกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว ต้องขอบคุณหลินเช่อที่ได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติเหล่านี้มาด้วยจนไม่กลายเป็นผู้หญิงแบบเดียวกันเธอนะจ๊ะ ถ้าพ่อของเช่อน้อยเป็นคนอื่น ป่านนี้เธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมมากๆ เลยละ”
“คุณนายกู้ ฉันพูดความจริงนะคะ ทุกคนต่างก็รู้ดีทั้งนั้นว่าแม่ของหลินเช่อเป็นมือที่สาม หล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับตระกูลกู้เลยซักนิด” หลินลี่พยายามอย่างหนักที่จะป้ายสีชื่อเสียงของหลินเช่อให้ด่างพร้อยให้จงได้
แต่มู่หว่านฉิงตอบกลับอย่างเยาะๆ ว่า “ฉันยังหูตาดีพอที่จะมองออกอยู่จ้ะ ว่าใครที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่ฉันละแปลกใจเหลือเกินที่คนอย่างเธอกล้ามาพูดโอ้อวดว่าตัวเองถูกเลี้ยงดูมายังไงด้วยนี่สิ”
มู่หว่านฉิงเหลือบไปเห็นผู้จัดการห้างที่กำลังปรี่ตรงเข้ามา “ฉันละผิดหวังกับระบบรักษาความปลอดภัยของห้างซะจริงเชียวที่ปล่อยให้คนแบบนี้หลุดเข้ามาได้ แบบนี้มีแต่จะทำให้คุณภาพของห้างเราเสื่อมเสียเปล่าๆ”
เมื่อผู้จัดการได้ยินก็รีบรับคำว่า “ครับ ครับ คุณนายกู้ เป็นเพราะพวกเราหละหลวมกันอง เราจะพาตัวพวกเขาออกไปทันทีเลยครับ”
มู่หว่านฉิงยังถามสำทับอีกว่า “ฉันอยากรู้ว่าถ้ามาคราวหน้าฉันยังจะต้องเจอคนพวกนี้อีกมั้ย”
ผู้จัดการรีบรับคำปากคอสั่น “ไม่ ไม่อย่างแน่นอนครับท่าน”
ก่อนจะหันไปหารปภ.และออกคำสั่งว่า “จำไว้ด้วยล่ะ เราไม่อนุญาตให้คนพวกเนี้เข้ามาในห้างของเราอีกต่อไป”
หลินลี่ไม่คาดคิดเลยว่ามู่หว่านฉิงจะไร้ความเมตตาได้ถึงขนาดนี้ ออกคำสั่งชนิดที่ไม่ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
เพื่อนของหลินลี่ต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง
แล้วรปภ.สองสามคนก็เริ่มปฏิบัติการลากตัวพวกเธอไปยังประตูทางออก
แล้วพวกเธอทุกคนก็ถูกจับโยนออกมาราวกับขอทาน
ขณะที่ถูกพาตัวเดินมายังประตูนั้น พวกเธอต้องเผชิญกับสายตาดูหมิ่นของบรรดาคนที่เดินผ่านไปมา ทุกคนกรีดร้องอย่างโกรธจัดว่า “ปล่อยนะ นี่แกทำอะไรน่ะ อย่ามาแตะตัวฉัน! ฉันเดินเองได้ย่ะ คราวหน้าต่อให้ไปมาอ้อนวอนฉันก็ไม่มีทางกลับมาที่ห้างนี้อีกแน่”
“ใช่ นี่แกจะผลักฉันทำไมนักนะ ไม่รู้รึว่าฉันเป็นใคร นี่แกกล้าทำกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ เฮอะ เดี๋ยวรอฉันกลับถึงบ้านก่อนเถอะ…ครอบครัวฉันไม่มีทางปล่อยพวกแกไปแน่”
แต่น่าเศร้าที่ไม่มีตระกูลไหนจะชนะตระกูลกู้ไปได้ ต่อให้โกรธเกรี้ยวเพียงใด ทุกคนก็ถูกขับไล่ออกจากห้างนั้นอยู่นั่นเอง
เมื่อระเห็จออกมาอยู่ด้านนอก หญิงสาวทั้งหลายต่างก็พยายามจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะหันมองเข้าไปภายในห้างและพูดว่า “ตลกสิ้นดี ก็แค่ตระกูลกู้เท่านั้น พวกเขาใหญ่โตมาจากไหนกันรึ”
เพื่อนคนหนึ่งมองหน้าหลินลี่และถามขึ้นว่า “ว่าแต่แล้วทำไมนังหลินเช่อถึงไปอยู่กับคุณนายกู้ได้ล่ะเนี่ย”
“นั่นน่ะสิ ถ้าหลินเช่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลกู้จริงละก็ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหล่อนถึงได้โด่งดังขึ้นมาชั่วข้ามคืนได้แบบนี้”
หลินลี่ไม่เคยปริปากบอกใครถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินเช่อและตระกูลกู้มาก่อน
ทำให้บรรดาเพื่อนสาวอดสงสัยไม่ได้ว่า อาจเป็นเพราะหลินลี่อับอายเกินกว่าที่จะเล่า
เพราะหลินลี่นั้นเอาแต่กดขี่และกลั่นแกล้งผู้เป็นน้องมาตั้งแต่เด็ก แต่มาถึงตอนนี้หลินเช่อกลับได้ดิบได้ดีและย้อนมาเอาคืนเข้า แถมยังได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับตระกูลกู้อีกต่างหาก แล้วอนาคตของหลินลี่จะเป็นอย่างไรเล่า
ตระกูลฉินแม้ว่าจะมีฐานะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกันกับตระกูลกู้แล้วก็ต้องบอกว่าไม่ติดฝุ่นแม้ซักนิด
หลินลี่จ้องตอบสายตาสงสัยใคร่รู้ของบรรดาเพื่อนๆ อย่างไม่ลดละ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพวกหล่อนคิดอะไรกันอยู่
ด้วยใบหน้าซีดเผือด หญิงสาวไม่รู้จะเอาความโกรธไปลงกับใคร เธอจึงกระทืบเท้าอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อเอ่ยว่า “นี่พวกเธอมองอะไรกัน ยังไงซะไม่ช้าก็เร็วนังหลินเช่อก็ต้องถูกกู้จิ้งเจ๋อเขี่ยทิ้งอยู่แล้ว หึ ฉันก็แค่ปล่อยให้หล่อนได้ใจไปก่อนตอนนี้เท่านั้นแหละ แล้วค่อยมาดูตอนมันตกอับทีหลัง”
เมื่อพูดจบก็หันหลังวิ่งหนีไปทันที
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินลี่ก็กางแขนทิ้งร่างลงบนเตียงและร่ำไห้
หันไฉ่อิงเมื่อได้ยินก็รีบรี่เข้ามาถามไถ่ “เกิดอะไรขึ้น หลินลี่ ร้องไห้ทำไมกัน”
หลินลี่เงยหน้าขึ้นและตอบว่า “หนูอยากให้นังหลินเช่อมันทรมานจนต้องร้องขอชีวิต”
ในขณะนั้นเอง ฉินชิงที่บังเอิญได้ยินคำพูดนั้นเข้าก็นิ่วหน้าและเดินเข้าห้องมา “หลินลี่ นี่เธอพูดเรื่องอะไรกัน”