เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 192
แต่เมื่อหลินเช่อหมุนตัวจะเดินออกไป ชายหนุ่มก็คว้ามือเธอไว้เสียก่อน
หลินเช่อเงยหน้ามอง
เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาเธอ
กู้จิ้งเจ๋อมองคนทั้งสองด้วยหัวใจร้อนรุ่มราวกับสุมไฟ
กู้จิ้งเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันเองก็ต้องรีบกลับไปด้วยเหมือนกัน เข้าไปรอฉันข้างในก่อนนะ แผลเธอห้ามโดนน้ำ เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
หลินเช่อมองมือใหญ่ที่กุมมือเธออยู่ ก่อนจะค่อยๆ ดึงออกอย่างนุ่มนวลและรับคำว่า “โอเคค่ะ ฉัน…ฉันเข้าใจ”
ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโดยไม่สบตาใครทั้งสิ้น
เมื่อหลินเช่อลับตาไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาหาโม่ฮุ่ยหลิง “ถ้าเธออยากสูดอากาศละก็ ฉันจะหาคนไปเป็นเพื่อนให้เอง”
โม่ฮุ่ยหลิงรีบส่ายหน้าและบอกว่า “ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นค่ะ ฉันแค่…ฉันแค่คิดถึงคุณแล้วก็อยากเจอหน้าคุณ ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ แค่ขออยู่ที่นี่ด้วยซักสองสามวันเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะพยักหน้าตกลงในที่สุด “ที่นี่ไม่มีห้อง ฉันจะส่งคนไปจัดการจองห้องที่โรงแรมให้เธอเอง”
ทีแรกโม่ฮุ่ยหลิงไม่พอใจนักที่จะต้องไปพักที่โรงแรม เธออยากอยู่ที่นี่ต่างหาก แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เริ่มคลายความเครียดขึงลงแล้วของชายหนุ่ม เธอก็ยอมพยักหน้ารับคำแต่โดยดี
กู้จิ้งเจ๋อเข้าไปจัดการเรื่องโรงแรม ก่อนจะนึกได้ว่าหลินเช่อยังรออยู่ในห้อง จึงแวะเข้าไปดูว่าหญิงสาวเป็นอย่างไร
ก็พบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟา พลางเปิดไล่ดูข่าวต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นภาพของหลินเช่อเขาก็อดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้
หลินเช่อคงคิดไปสารพัดเมื่อต้องนั่งอยู่เพียงคนเดียวลำพังในห้องนี้
เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ “หลินเช่อ”
“เฮ้ ทำไมถึงมาอยู่นี่ล่ะคะ แล้วคุณหนูโม่ล่ะ”
เขามองหน้าเธอดื่มด่ำ นิ่งนาน “ฉันกำลังจะส่งเขาไปพักที่โรงแรม”
“อ้าว แล้วเราไม่มีห้องพักที่นี่หรอกหรือคะ…ไปอยู่โรงแรมแบบนั้นคงลำบากแย่ ถ้ามีปัญหาอะไรละก็ จะให้ฉันเดินทางกลับคืนนี้เลยก็ได้นะคะ ยังไงแผลฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
“พอที” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะบอกให้เธอหยุดพูด
เขาเชยคางเธอขึ้นมาอย่างแผ่วเบา มองดวงหน้าเรียวเล็กนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันจะไม่ให้เขาพักที่นี่ แล้วเธอก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับไปด้วย ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะพาเธอไปเล่นสกี ฉันก็จะต้องทำอย่างนั้น”
หลินเช่อมองหน้าเขา
ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมือขยี้หัวเธอแรงๆ “ยัยบื้อเอ๊ย”
“อะไรเนี่ย ทำไมถึงชอบขยี้หัวนัก ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” หลินเช่อทำมาเขียวใส่ ก่อนจะรีบจัดผมให้เข้าทรงอย่างเร่งร้อน
กู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงชอบที่จะขยี้หัวหลินเช่อ
แต่มันทำให้เขารู้สึกมั่นคงมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าบูดบึ้ง เขาจึงเอื้อมมือออกไปขยี้หัวเธออีกเป็นครั้งที่สอง
“ก็เพราะว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต่ความฉลาดเท่ากับเด็กน่ะสิ”
“อะไรนะ ไม่มีทาง…”
ไม่มีใครรู้ตัวว่าโม่ฮุ่ยหลิงมายืนอยู่ที่ประตู และเธอก็ได้เห็นอากัปกิริยาอันสนิทสนมกันของกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อเข้าพอดี
โม่ฮุ่ยหลิงรู้สึกช็อกสนิทเมื่อได้เห็นชายหนุ่มจับแขนของอีกฝ่ายไว้ ในขณะที่หลินเช่อเองก็พยายามผลักไสเขาที่หน้าอก
ทั้งสองดูใกล้ชิดกันคุ้นเคยกันอย่างมาก
ในสายตาคนอื่น นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่สำหรับกู้จิ้งเจ๋อแล้ว นี่เป็นข่าวใหญ่ทีเดียว
อย่างน้อยก็สำหรับเธอ กู้จิ้งเจ๋อไม่เคยใกล้ชิดกับเธอมากขนาดนี้มาก่อน และเธอก็เชื่อว่าเขาก็น่าจะปฏิบัติแบบเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่นด้วย เพราะร่างกายของเขาต่อต้านผู้หญิง ด้วยเหตุนี้กู้จิ้งเจ๋อจึงไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนไหนได้
แล้วนี่เขากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หรือเป็นเพราะเธอห่างหายจากเขาไปนานจนพลาดอะไรบางอย่างไป
เมื่อหันไปเห็นโม่ฮุ่ยหลิง หนุ่มสาวทั้งสองก็ชะงัก
หลินเช่อรีบดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างขัดเขิน
ส่วนชายหนุ่มหันไปมองโม่ฮุ่ยหลิงพลางนิ่วหน้า ก่อนจะพูดว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่โรงแรมเอง”
โม่ฮุ่ยหลิงจ้องมองหลินเช่ออยู่เป็นครู่ ก่อนจะรับคำว่า “อืม ค่ะ”
ทว่า ในดวงตาของโม่ฮุ่ยหลิงนั้นกลับฉายแววบางอย่างอันเป็นประกายหลากสีที่ไม่อาจอธิบายได้
เธอก้มศีรษะให้หลินเช่อ ก่อนที่จะเดินออกไปด้วยท่าทีประดักประเดิด
กู้จิ้งเจ๋อคิดว่าโม่ฮุ่ยหลิงคงจะหัวเสียที่มาเห็นเขากับหลินเช่อเข้า จึงนึกที่จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดเสียดีกว่า เพราะการทำเช่นนั้นน่าจะช่วยให้โม่ฮุ่ยหลิงถอดใจและรามือจากเขาได้เร็วขึ้น
ไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงโรงแรม
ในห้องสวีท เมื่อหญิงสาวเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะกลับออกไป เธอก็รีบเข้าไปยืนขวางและพูดว่า “จิ้งเจ๋อคะ ฉันเดินทางมาตั้งไกล คุณช่วยอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนฉันซักมื้อได้มั้ยคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาว เขาก็คิดว่าไม่ควรที่จะทำตัวใจร้ายใจดำกับเธอมากไปกว่านี้ “ก็ได้ งั้นเรามากินมื้อค่ำด้วยกันก็แล้วกัน”
“เยี่ยมเลยค่ะ! ฉันเห็นภัตตาคารอาหารตะวันตกมีชื่อร้านหนึ่งใกล้ๆ แถวนี้ ฉันจะโทรไปจองนะคะ จิ้งเจ๋อ ตอนนี้คุณจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ เดี๋ยวถ้าได้โต๊ะเรียบร้อยแล้วฉันจะโทรบอกเอง ฉันรู้ค่ะว่าคุณงานยุ่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็พยักหน้ารับคำ
หลังจากที่ชายหนุ่มกลับออกไป โม่ฮุ่ยหลิงก็รีบยกหูโทรศัพท์และโทรหาใครบางคน ใบหน้าของเธอระบายไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อพูดว่า “หนูต้องการให้ช่วยเตรียมบางอย่างให้หน่อย และจะต้องเรียบร้อยก่อนอาหารค่ำนะ หนูต้องการมันวันนี้เลย!”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย ใบหน้าของเธอก็ผุดแววแห่งความมาดร้ายขึ้นมาแทนที่…
เพียงไม่นาน…
ใครคนนั้นก็โทรศัพท์กลับมาหา
“ฮุ่ยหลิง นี่ลูกจะต้องการยาไปทำไมกัน”
หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเนื้อเต้นว่า “หนูคิดว่าอาการป่วยของจิ้งเจ๋อน่าจะดีขึ้นแล้วละค่ะ คงเป็นเพราะการรักษาของหมอน่ะ ตอนนี้เขาโดนตัวผู้หญิงได้แล้ว หนูต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้เขาหายสนิทดีละก็ เขาอาจจะสามารถโดนตัวนังหลินเช่อนั่นได้ หนูจะไม่มีวันยอมให้มันตัดหน้าไปได้หรอก”
“แต่…ถ้าลูกทำแบบนั้นแล้วกู้จิ้งเจ๋อเกิดจับได้ขึ้นมาล่ะ…”
“พ่อคะ ถ้าเขารู้แล้วจะทำไมล่ะ อย่างเก่งหนูก็แค่ฆ่าตัวตายอีกก็เท่านั้น จิ้งเจ๋อกับหนูน่ะโตมาด้วยกันนะคะ เราใช้เวลาร่วมกันมาตั้งนานหลายปี ต่อให้เขารู้เรื่องนี้เขาก็ไม่โกรธหนูหรอกค่ะ อีกอย่าง ถ้าหนูได้เป็นของเขาแล้วละก็ เขาคงจะปลื้มใจเกินกว่าที่จะโกรธได้ลง ผู้ชายที่ไหนที่จะปฏิเสธผู้หญิงได้…หนูกำลังจะเสนอตัวให้เขานะคะ เขาจะไม่ชอบใจได้ยังไงกัน”
คนที่ปลายสายฟังคำอธิบายของเธอแล้วก็คล้อยตาม นั่นสินะ ผู้ชายที่ไหนจะปฏิเสธผู้หญิงที่เป็นฝ่ายรุกก่อนบ้างล่ะ
ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ถ้างั้นก็ได้ แต่ระวังตัวด้วยล่ะ”
จากนั้น โต๊ะอาหารที่จองไว้ก็ถูกจัดเตรียมเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพดีแล้ว หญิงสาวก็บรรจงแต่งตัวก่อนจะโทรศัพท์หากู้จิ้งเจ๋อ ไม่ช้าทั้งสองก็ไปพบกันที่ภัตตาคารดังกล่าว
โม่ฮุ่ยหลิงแต่งกายอย่างงดงาม และเมื่อมองดูชายหนุ่ม เธอก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อที่แตกต่างไปเป็นคนละคนจากในอดีต ด้วยความที่เขาไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวเธอได้ เธอจึงไม่เคยคิดถึงเขาในแง่นั้นมาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเธอมองดูเขา ในหัวเธอกลับเอาแต่คอยคิดว่าเขาน่าจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่บนเตียงนอน
โม่ฮุ่ยหลิงร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว เธอมองเขาด้วยสายตาอันกระหาย “จิ้งเจ๋อ มาแล้วเหรอคะ ฉันรอคุณตั้งนานแน่ะ มาเถอะค่ะ มาลองเครื่องดื่มของทางร้านกัน ฉันสั่งตรงมาจากห้องเก็บไวน์โดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย ไวน์แดงชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว”