เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 199
“มันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…” หลินเช่อดึงมือกลับมา “ไม่ได้เจ็บอะไรมาก เพียงแต่ปวดเมื่อยเท่านั้นเอง ฉันคงจะออกแรงมากไปหน่อย…”
“ฉันขอโทษ…” กู้จิ้งเจ๋อก้มศีรษะลงมองเธอ
เมื่อคืนนี้เขาดูเหมือนจะไร้สิ้นซึ่งเหตุผลใดๆ ไปจนหมด และสนใจแต่เพียงว่าจะทำยังไงให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นโดยไม่ได้คิดถึงหลินเช่อเลย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่ครั้ง ทว่าแต่ละครั้งที่เธอทำให้ก็ไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ เลย มันคงทำให้เธอหมดแรงเอามากๆ
หลินเช่อส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่โทษคุณหรอก”
แต่กู้จิ้งเจ๋อพูดว่า “ไม่ได้สิ ต้องโทษฉันนี่แหละ”
“ฉันไม่ได้โทษคุณจริงๆ นะคะ” หลินเช่อว่า “ฉันทนดูคุณต้องทำร้ายตัวเองไม่ได้น่ะค่ะ”
“…”
และเมื่อนึกย้อนกลับไปว่า เธอเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายเสนอตัวให้เขาเมื่อคืนนี้ หญิงสาวจึงรีบอธิบายต่อไปว่า “คือ…ตอนที่ฉันบอกว่าฉันจะช่วยคุณเองนั่นน่ะ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องใช้ตัวฉันเองหรืออะไรนะคะ คือตอนนั้นคุณดูไม่สบายเอามากๆ ถ้าคุณเอาชนะฤทธิ์ยาไม่ได้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณขึ้นมาละก็ ฉันก็มีส่วนต้องรับผิดชอบใช่มั้ยล่ะคะ”
การอธิบายเช่นนี้เป็นการบอกว่า เธอไม่ได้มีเจตนาอื่นใดนอกจากต้องการที่จะช่วยเขา
ชายหนุ่มมองหน้าคนพูด “ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจว่าเธอทำไปเพราะอะไร แต่ฉันจะทำกับเธอเหมือนเป็นยาถอนพิษไม่ได้ เธอไม่ใช่วัตถุ เธอเป็นคน ฉันจะทำกับเธอแบบนั้นไม่ได้”
หลินเช่อตัวแข็ง
เธอไม่นึกเลยว่าเขาจะคิดแบบนี้
การให้เกียรติของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ
นี่คือกู้จิ้งเจ๋อตัวจริงละ เขาเป็นคนที่แสนดีเหลือเกิน
กู้จิ้งเจ๋อเชื่อว่าเขาจะต้องพยายามรักษาคำสัญญาที่ให้กับหลินเช่อไว้ให้ดีจนถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเป็นอันขาด
หลินเช่อใช้นิ้วไล้ไปบนผ้าปูที่นอนอย่างขัดเขิน เธอก้มหน้าเมื่อพูดกับเขาว่า “แต่…แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ใช่ยาถอนพิษจริงๆ นั่นแหละ”
“เธอเป็นยาถอนพิษของฉัน จิตใต้สำนึกของฉันอยากจะระบายความต้องการออกมา แต่ฉันจะระบายมันใส่ตัวเธอไม่ได้” ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาอยากทำใจจะขาดก็ตามที แต่ชายหนุ่มเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ควรจะเกิดขึ้นจากการยินยอมพร้อมใจและให้เกียรติกันและกันมากกว่า
มันเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง และบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่การระบายความใคร่เท่านั้น
ถ้ามันจะเป็นแค่การระบายความต้องการธรรมดา มันคงทำให้หลินเช่อต้องเจ็บปวดแทนที่จะเป็นสุข และนั่นแหละว่าเขาไม่ได้ให้เกียรติเธอ
หลินเช่อมองหน้าเขาอีกครั้งและรู้สึกได้ว่า เขากำลังเคารพและให้เกียรติเธอจริงๆ เพราะกู้จิ้งเจ๋อก็เป็นคนที่แสดงออกซึ่งการให้เกียรติผู้อื่นอย่างเต็มใจอยู่เสมอ
ผู้ชายหลายคนที่อยู่ในสถานะเดียวกันกับเขาคงจะทำกับผู้หญิงเหมือนเป็นเพียงถ้วยรางวัล หรือการสะสมแสตมป์ เพียงแค่เล่นเอาเถิดกับผู้หญิงทั่วไปหมด และไม่เคยคิดจะให้เกียรติพวกเธอเลย แต่ถึงแม้ว่าจะร่ำรวยและทรงอำนาจขนาดไหน กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่เคยละทิ้งหลักการประจำตัวเหล่านี้ของตัวเอง
เขาบอกเธอว่า “มาเถอะ ฉันจะช่วยนวดแขนให้”
เขาจับแขนเธอยกขึ้น
“อย่าค่ะ…ฉันยังไม่ได้ล้างมือ มันสกปรกน่ะ…” เธอพยายามดึงแขนกลับมา
แต่ชายหนุ่มนิ่วหน้าและยึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“อย่าขยับสิ ให้ฉันนวดให้” เขาพูดพลางเอื้อมมือออกมาและเริ่มนวดคลึงแขนเธอเบาๆ
ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่จากคืนก่อนบนแขนเธอ หลินเช่อเหนื่อยเกินกว่าจะลุกขึ้นไปล้างออกในห้องน้ำ เพราะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้มองดูคราบที่ติดอยู่บนแขนของหลินเช่อตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าฤทธิ์ยาจะกำเริบขึ้นอีกครั้ง
ร่องรอยของตัวเขาบนผิวขาวเนียนและอ่อนนุ่มของผู้หญิง นี่เป็นความรู้สึกของฤทธิ์ยาระดับสุดยอดเลยทีเดียว…
ความปรารถนาที่จะได้ครอบครองของบุรุษเพศในตัวเขาเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนี พลางก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ
หลินเช่อเองก็มองเห็นเช่นกัน หญิงสาวหน้าแดงและรีบพูดว่า “มันสกปรก…มากค่ะ…”
“จะสกปรกได้ยังไง เมื่อกี้นี้ฉันพูดว่ายังไง มันไม่สกปรกซักหน่อย” และขยับเข้ามากระซิบที่ใกล้หูเธอว่า “มันเป็นของฉัน จะสกปรกได้ยังไงกัน…”
“…”
หลินเช่อรีบปัดมือเขาออก “เอาละพอที ฉันหายปวดแล้วละค่ะ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
พูดพลางก็ลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ เธอก้มลงมองร่องรอยของเขาบนตัวของเธออีกครั้ง…หลินเช่อนิ่งอั้นจนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เมื่อมองดูตัวเองในกระจก เธอก็ยิ่งคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างน่าเสียสติสิ้นดี
บนผิวเนื้อเธอเต็มไปด้วยรอยมือและร่องรอยการขบกัดนับไม่ถ้วน ดูแล้วราวกับว่าเธอเพิ่งเอาชีวิตรอดมาจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ได้กระนั้น
ภาพอารมณ์อันรุ่มร้อนรุนแรงและรสจูบของเขายังฉายวนอยู่ในหัว เมื่อเธอมองดูรอยแผลต่างๆ ที่ถูกทิ้งไว้บนร่างกาย นี่มันช่าง…น่าอายเหลือเกิน
หลินเช่อมองกระจกและได้เห็นว่า ตัวเธอเองตอนนี้หน้าแดงก่ำลงไปจนถึงลำคอทีเดียว
นี่เธอกลายเป็นผู้หญิงบ้าตัณหาขนาดนี้เลยเหรอนี่ หรือว่าเป็นพวกมาโซคิสต์ที่ชอบถูกทรมาน เธอถึงได้อายนักเมื่อได้เห็นตัวเองในสภาพนี้…
อันที่จริง มันไม่ได้เจ็บอะไรซักเท่าไหร่หรอก รอยแผลพวกนี้อาจจะดูน่ากลัว แต่ก็เป็นเพราะว่าร่างกายของเธอเองนั่นแหละ ผิวของเธอนั้นบอบบางมาก จนแม้แต่การถูกกดเพียงเบาๆ ก็อาจจะทิ้งรอยช้ำเอาไว้ได้ จึงได้มีสภาพน่ากลัวแบบนี้
อีกด้านหนึ่ง
คนรับใช้เข้ามาแจ้งกับกู้จิ้งเจ๋อว่า คุณโม่มาพบและรอเขาอยู่ที่ด้านนอก
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว และหันไปบอกว่า “บอกให้เขากลับไปซะ วันนี้ฉันอยากพัก”
แต่คนรับใช้ยังคงยืนกราน “ท่านครับ คุณโม่บอกว่า ถ้าวันนี้เธอไม่ได้พบท่าน เธอจะไม่ยอมกลับครับ”
กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจเสียงดัง เมื่อหันไปดูหลินเช่อที่ยังคงอยู่ในห้องน้ำ เขาก็ไม่อยากให้เธอต้องออกมาเจอกับโม่ฮุ่ยหลิงที่ยืนเตร็ดเตร่อยู่หน้าประตู ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะออกไปจัดการเรื่องนี้เสียให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง
ชายหนุ่มจึงพยักหน้าเป็นการตกลง
เมื่อเขาออกมา ก็ได้เห็นโม่ฮุ่ยหลิงที่กำลังมีท่าทางว้าวุ่นกังวลอยู่ที่หน้าประตู เธอรีบโผเข้ามาทันทีที่ได้เห็นหน้าเขา
“จิ้งเจ๋อ คุณเป็นยังไงบ้างคะ…ตอนนี้คุณไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย”
เมื่อเงยหน้ามอง เธอก็ไม่อาจอ่านสีหน้าของเขาได้ออก แต่ท่าทางเขาก็ไม่ได้ดูอ่อนเพลียอีกแล้ว ตรงกันข้ามกลับดูสดใสแข็งแรงดีด้วยซ้ำ
โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มสับสน เขาน่าจะต้องพยายามฝืนกลั้นตัวเองอยู่ตลอดคืนเพราะไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงได้ไม่ใช่หรือ และฤทธิ์ยานี้ก็แรงมากจนไม่น่าจะสลายตัวไปในระยะเวลาอันสั้นด้วย แล้วทำไมเขาถึงได้ดูมีชีวิตชีวานักล่ะ
กู้จิ้งเจ๋อเบี่ยงตัวไม่ให้เธอเข้ามาใกล้ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากทำตัวเหมือนกันใจดำ แต่ครั้งนี้เขาอดแสดงความรังเกียจออกมาไม่ได้จริงๆ
โม่ฮุ่ยหลิงตัวแข็ง เธอกัดปากตัวเองด้วยความเจ็บใจ เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นล้ำเส้นไปมากจึงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก จึงได้แต่ทำเสียงสะอึกสะอื้น “ฉันขอโทษ ฉันรู้ค่ะว่าฉันผิด ฉันไม่คิดเลยว่ายานั่นจะแรงขนาดนี้ ฉันแค่อยากอยู่กับคุณมากจริงๆ ฉันฝันที่จะได้เป็นผู้หญิงของคุณนะคะ ต่อให้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นก็เถอะ อย่างน้อยมันก็คงทำให้หลายปีที่เฝ้ารอมาของฉันคุ้มค่า ฉันอุตส่าห์ถนอมตัวเอาไว้ตั้งหลายปีเพื่อที่จะมอบครั้งแรกของฉันให้คุณ แต่ก็กลับทำไม่ได้ ฉันแค่อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดของฉันให้คุณเท่านั้นเอง…”
“พอทีเถอะ ฮุ่ยหลิง”
จริงอยู่ว่าเขาทำให้เธอต้องผิดหวัง เขาไม่สามารถมอบความสุขที่เธอคู่ควรจะได้รับให้เธอได้ เธอเป็นคนรักของเขามานานหลายปี แต่กลับไม่เคยมีช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดแนบแน่นกันเลย
แต่ทำไมเธอถึงยังคงวนเวียนและพร่ำพูดซ้ำๆ ซากๆ อยู่อย่างนี้นะ มันน่ารำคาญเหลือเกิน
โม่ฮุ่ยหลิงพูดต่อไปอย่างหวาดวิตกว่า “ฟังฉันหน่อย ได้มั้ยคะ คืนนั้นฉันก็อยากจะอยู่ช่วยดูแลคุณ แต่ฉันเกรงว่าจะยิ่งทำให้อาการป่วยของคุณยิ่งแย่ลงไปอีกถ้าฉันแตะต้องตัวคุณ ฉันก็เลยต้องออกมา จริงๆ นะคะ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันหัวใจสลายแค่ไหนที่ต้องทิ้งคุณไว้แบบนั้นน่ะ…”