เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 201
กู้จิ้งเจ๋อบ่นจนเลิกบ่น “ถ้าเป็นแบบนี้…เธอก็ไม่เหมาะจะเล่นสกีหรอก เธอเอาแต่คอยเกาะฉันอยู่ตลอดเวลา แล้วจะไปสนุกได้ยังไงล่ะ”
แต่หลินเช่อไม่ฟัง ยังคงเกาะเขาไม่ปล่อย “ไม่เอาหรอกค่ะ ถ้าปล่อยมือแล้วฉันล้มไปจะทำยังไงล่ะ”
“ฉันไม่ปล่อยให้เธอล้มหรอกน่า ปล่อยมือก่อนสิ”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะคว้าฉันทันน่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองดูอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ หลินเช่อเกาะเขาแน่นไม่ยอมขยับไปไหน ชายหนุ่มจึงแกล้งบ่นลอยๆ ว่า “ที่เอาแต่คอยพิงฉันไว้แบบนี้นี่ เพราะว่าเมื่อวานนี้ยังกอดฉันไม่หนำใจละสินะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็บอกกันมาตรงๆ ก็ได้ หรือว่าเราจะกลับบ้านแล้วไปนอนกอดกันต่อเดี๋ยวนี้เลยก็ยังได้นะ”
“…” หลินเช่อทำท่าจะคว้าแขนเขาอีก
คราวนี้คนตัวใหญ่รีบเบี่ยงตัวหลบโดยสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มลืมไปว่าหลินเช่อนั้นยืนอยู่บนหิมะ เธอจึงทรงตัวได้ไม่ดีนักและไถลพรืดไปด้านข้าง ก่อนจะล้มลงก้นกระแทกพื้น
“โอ๊ย! กู้จิ้งเจ๋อ ไหนบอกว่าจะไม่ยอมให้ฉันล้มไงล่ะ”
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบทรุดตัวลงไปช่วยประคองเธอขึ้นมาทันที “ก็ไม่มีใครบอกให้เธอทำอะไรโง่ๆ แบบนี้นี่นะ แค่ยืนให้มั่นคงยังทำไม่ได้ แล้วยังจะร้องอยากมาเล่นสกีทำไมกันเนี่ย”
“ก็ฉันไม่เคยเล่นสกีมาก่อนเลยนี่นา โดยเฉพาะลานสกีในร่มแบบนี้น่ะ หิมะเทียมนี่ดูเหมือนจริงเป็นบ้า สวยจังเลยนะคะ”
“แน่นอนสิ! ผู้คนที่นี่น่ะรู้จักหาความสนุก เพราะว่าอากาศในแอลเอจะอยู่ที่ประมาณยี่สิบองศาอยู่ตลอดปี ก็เลยไม่มีหิมะตกที่นี่ พวกเขาก็เลยสร้างหิมะเทียมขึ้น คราวหน้าฉันจะพาเธอไปดูไบ หิมะในลานสกีที่นั่นน่ะสั่งนำเข้ามาจากยุโรปเลยทีเดียวนะ”
“หรูหราอะไรขนาดนั้น…เป็นบ้านเมืองที่ร่ำรวยเหลือเกินนะคะ แต่ช่างเถอะ ถ้าฉันอยากเห็นหิมะละก็ ฉันก็แค่กลับไปที่ประเทศซีของเราก็ได้ ทางตอนเหนือน่ะมีหิมะออกเยอะแยะไป”
“มันไม่เหมือนกันนี่”
“ใช่สิคะ อันนึงต้องใช้เงิน ส่วนอีกอันเป็นของฟรี คนรวยๆ อย่างพวกคุณน่ะชอบหว่านโปรยเงินกันนักนี่นา”
กู้จิ้งเจ๋อเถียงว่า “ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันไม่ได้เป็นคนใช้เงิน เธอต่างหาก”
“…” หลินเช่อเงยหน้ามองเขาตาเขียว
ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น และเพียรสอนการเล่นสกีให้หลินเช่อต่ออย่างอดทน “ช้าๆ สิ ทำให้เท้าขนานกันไว้แล้วยืดตัวขึ้น นั่นแหละ อย่างนั้น อย่างนั้นแหละ”
ชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักเฝ้ามองกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่ออยู่ ทั้งสองยิ้มและเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษว่า “นั่นแฟนของคุณเหรอครับ มิสเตอร์ คุณปฏิบัติต่อเธอดีมากๆ เลยนะ”
พวกเขายืนมองอยู่พักใหญ่ จนได้เห็นความดูแลเอาใจใส่ของกู้จิ้งเจ๋อที่มีต่อหลินเช่อ เขาเฝ้าสอนเธออย่างอดทน โดยไม่หงุดหงิดแม้แต่น้อย คอยช่วยประคองหลินเช่ออยู่ตลอดโดยไม่ปล่อยมือ ช่างเป็นผู้ชายที่ดีเหลือเกิน
หลินเช่อหันไปมองชาวต่างชาติผมบลอนด์สองคน แต่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าพวกเขาพูดว่าอะไร
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มและตอบว่า “ไม่ใช่ครับ นี่ภรรยาผมเอง”
“ว้าว ดีจังเลยค่ะ คุณใจดีกับภรรยามากเลยนะคะ ช่างเป็นสามีที่ดีจริงๆ คุณเป็นคนดีมากเลยค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะและหันไปมองหลินเช่อที่ยืนอยู่ข้างตัว “มันช่วยไม่ได้นี่ครับ เธอค่อนข้างจะหัวช้า ผมก็เลยต้องคอยดูแลเธอให้ดี”
“น่ารักจริงๆ ค่ะ หวังว่าพวกคุณสองคนจะรักกันนานๆ นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
กู้จิ้งเจ๋อมองว่าคำชมเรื่องที่เขาปฏิบัติกับผู้หญิงของเขาเป็นอย่างดีนั้นเป็นสิ่งน่ายินดี
การได้ยินคนอื่นพูดเช่นนี้ทำให้เขาปลาบปลื้มอย่างมาก
เขาหันไปมองหลินเช่อและรู้สึกได้ถึงความสำเร็จยิ่งใหญ่ของตัวเอง
แต่คนที่ถูกพูดถึงนั้นไม่อาจฟังเข้าใจได้แม้แต่คำเดียว เธอตีแขนชายหนุ่มเบาๆ และถามว่า “เธอพูดอะไรหรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อด้วยสายตาประหลาด “อะไรกัน นี่เธอฟังไม่เข้าเลยซักคำงั้นรึ”
“ก็ถ้าฟังไม่เข้าใจแล้วมันแปลกตรงไหนล่ะคะ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เขาถามว่าทำไมเธอถึงได้ซื่อบื้ออย่างนี้ ฉันก็เลยบอกไปว่าเธออายุสมองเท่าเด็กน่ะ ฉันก็เลยต้องคอยดูแลเป็นอย่างดี”
“อีตาบ้า ไม่จริงหรอก!” หลินเช่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นท่าทางดูใจดีและไม่น่าจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้แน่ๆ ต่อให้เธอฟังไม่เข้าใจ แต่เธอก็พอจะอ่านสีหน้าของหล่อนได้
แต่กู้จิ้งเจ๋อเลิกคิ้วและยืนกรานว่า “เขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่เชื่อเหรอ”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก พวกคุณสองคนคุยกันอยู่ตั้งหลายประโยค”
กู้จิ้งเจ๋อทอดถอนใจ “เฮ้อ นี่เธอรู้อะไรบ้างเนี่ย ตอนอยู่โรงเรียนเรียนภาษาอังกฤษมาแบบไหนกัน”
“ใครบอกว่าฉันไม่รู้อะไร อย่างน้อยฉันก็รู้จักสามก๊กหรอกน่า โอเคมั้ย”
“หืม แล้วนอกจากภาษาแม่ตัวเองแล้วเนี่ย ภาษาอังกฤษที่เธอรู้จักก็มีแค่ ‘โอเค’ กับ ‘เยส’ งั้นเหรอ แบบนี้น่ะนะที่บอกว่ารู้ภาษาอังกฤษน่ะ” กู้จิ้งเจ๋อนั้นชินเสียแล้วกับคำเถียงแบบข้างๆ คูๆ ของหลินเช่อ เขารู้ดีว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้
หญิงสาวทำตาเขียวใส่ก่อนจะเสียงฉอดๆ ว่า “ก็ใช่น่ะสิคะ ฉันบอกว่าฉันรู้ แต่ไม่ได้บอกซักหน่อยนี่ว่ารู้มากแค่ไหนน่ะ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้แน่ แล้วนอกจากภาษาอังกฤษ มีอะไรที่เธอรู้อีกมั่งน่ะ”
“ภาษาญี่ปุ่นค่ะ”
“หือ เธอเนี่ยนะ รู้ภาษาญี่ปุ่น ไหนลองพูดมาซักสองสามประโยคซิ” ชายหนุ่มทำเสียงไม่อยากเชื่อ
หลินเช่อกระแอม ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจนักว่า “ยาเมเตะ อิคึ อิคึ…
“…”
กู้จิ้งเจ๋ออดหน้าแดงไม่ได้
ยัยหลินเช่อนี่นะ!
คงจะแต่ดูหนังไร้สาระพวกนี้ละสิ
จนกระทั่งหมดวัน หลินเช่อก็ไม่ได้หัดเล่นสกีให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ดีนั่นเอง
กู้จิ้งเจ๋อยอมแพ้ในที่สุด และหันไปไถลสกีอย่างคล่องแคล่วแทน เขาตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในทันที ลวดลายการเล่นของเขาสวยงามจนแทบลืมหายใจ
หลินเช่อเองก็อดปรบมือตามคนอื่นไปด้วยไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มกลับมา เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้รู้ทุกอย่างเลยจริงๆ เขาช่างน่าทึ่งเหลือเกิน
เธอเฝ้ามองเขาด้วยสายตาชื่นชม หลินเช่อคิดว่าต่อให้สุดท้ายเธอจะไม่ได้หัดเล่นสกี แต่การได้มาที่ลานสกีแห่งนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
วันต่อมา ทั้งสองคนก็เดินทางกลับประเทศบ้านเกิด
ตลอดช่วงเวลาสองสามวันที่อยู่ต่างประเทศ หลินเช่ออดรู้สึกไม่ได้ว่ามันราวกับว่าทั้งเธอและกู้จิ้งเจ๋ออยู่ในโลกอีกใบที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง โลกที่มีเพียงเธอกับเขาเพียงสองคนเท่านั้น
หญิงสาวอดคิดอย่างเห็นแก่ตัวนิดๆ ไม่ได้ว่าเธอไม่อยากจะกลับมาเลย
ทว่ามันก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว
เธอยังต้องกลับมาถ่ายทำซีรีส์ต่อให้เสร็จ ส่วนเขาก็ต้องกลับมาทำงานของตัวเอง
หลินเช่อโทรหาเฉินโยวหรานเป็นคนแรกเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอกำลังจะกลับบ้าน
เฉินโยวหรานเล่าว่า “ตอนที่เธอไม่อยู่น่ะ มีข่าวดังไปทั่วเลยนะ ถ้าพรุ่งนี้เธอเจอนักข่าวที่สนามบินเต็มไปหมดละก็ อย่าตกใจไปล่ะ แต่ตอนที่ฉันเป็นรูปที่เธอโพสต์ลงในโซเชียลนั่น ที่พักของเธอหลังใหญ่เบ้อเริ่มเลยนี่นา บ้านของกู้จิ้งเจ๋อเหรอ”
“ใช่แล้วละ ฮิๆ ฉันบรรจงเลือกรูปนั้นมาโชว์โดยเฉพาะเลยนะ เป็นไงล่ะ ขี้อวดพอมั้ย”
“ก็พอจะให้อิจฉา ริษยา ตาร้อนผ่าวๆ แล้วก็เกลียดขี้หน้าเธอเลยละ ฉันเอาไปอวดมั่งได้มั้ย”
“เชิญตามสบาย เอาเลย เอาเลย”
กู้จิ้งเจ๋อนั่งฟังอยู่ข้างๆ จึงได้เห็นว่า หลินเช่อนั้นพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการจะอวด แถมยังทำได้แบบหน้าไม่อายอีกต่างหาก
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งของหลินลี่นั้นกำลังหัวเสียอย่างหนักอยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นข่าวว่าหลินเช่อนั้นสบายดีและมีเพียงแผลเล็กน้อยเท่านั้น แถมยังพักอยู่ที่บ้านสวยหลังใหญ่ในอเมริกาอีกต่างหาก เห็นแล้วมันน่าโมโหจริงๆ เชียว
จะมาบอกว่าการไปอเมริกาครั้งนี้เป็นการไปรักษาตัวได้ยังไงกัน ในเมื่อมันเห็นอยู่ชัดๆ ว่าคือการไปพักผ่อน