เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 206
“งานเลิกแล้วเหรอ”
“ค่ะ นี่คุณไม่ได้กำลังประชุมอยู่เหรอคะ” หลินเช่อถาม
“พอดีเสร็จเร็วน่ะ งั้นเดี๋ยวเรากลับบ้านพร้อมกันก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ ได้ ฉันจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้ นี่กำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบกลับมาว่า “ไม่ต้องลงมา ฉันกำลังจะขึ้นลิฟต์ไปหาเธอ”
หลินเช่อจึงวางสายพร้อมรอยยิ้ม
อวี๋หมินหมิ่นที่ยืนอยู่ข้างกันทักขึ้นว่า “เธอดูสดใสอย่างกับสายลมฤดูใบไม้ผลิเชียวนะ…กู้จิ้งเจ๋อดีกับเธอมากจริงๆ”
หลินเช่อรีบแย้งว่า “ไม่หรอกค่ะ…เขาแค่แวะมารับระหว่างทางกลับบ้านเท่านั้นเอง ระหว่างเราไม่ได้มีอะไร…”
หลินเช่อพูดพลางมองสีหน้ายิ้มกริ่มของผู้จัดการส่วนตัว ก่อนจะรีบปลีกตัวแยกไป…
เพียงครู่เดียวลิฟต์ก็มาถึง ประตูลิฟต์ก็เปิดออกหลักจากมีเสียงติ๊งดังขึ้น ภายในมีกู้จิ้งเจ๋อที่อยู่ในชุดสูทสีเทา มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า เงยหน้ามองมา สายตาของเขาดูสงบเยือกเย็น
ภาพตรงหน้านี้ทำให้สายตาของใครก็ตามที่ได้เห็นจะต้องเป็นประกายขึ้นมาในทันที
หลินเช่อยิ้มก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ “อ้าว นี่คุณไม่ได้พาใครมาด้วยเลยเหรอคะ”
“ถ้าให้พวกนั้นตามมาด้วยจะกลายเป็นเป้าสายตาเสียเปล่าๆ น่ะ ไปกันเถอะ”
หลินเช่อเดินตามเขาเข้าไปในตัวลิฟต์
ชายหนุ่มก้มลงมองหลินเช่อที่ดูสดใสกว่าปกติ เพราะว่าต้องมาโปรโมทผลงานทำให้เธอต้องแต่งหน้านั่นเอง ประตูลิฟต์เคลื่อนปิดเข้าหากัน อวี๋หมินหมิ่นตัดสินใจที่จะไม่ตามเข้าไปด้วยเพราะอยากให้ทั้งสองได้มีพื้นที่ส่วนตัว
เมื่อหลินเช่อหันไปมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ เธอก็นึกถึงคำพูดของอวี๋หมินหมิ่นขึ้นมาทันที เธอเหลือบมองเขาแล้วก็รู้สึกเขินอายราวกับว่าตัวเองคอยแอบมองอีกฝ่ายอยู่
และทันใดนั้นเอง…
ลิฟต์ก็สั่นระรัว
กู้จิ้งเจ๋อรีบคว้าแขนหลินเช่อเอาไว้ทันทีโดยสัญชาตญาณ
เขาเงยหน้าขึ้น เหลียวมองไปรอบๆ ตัวลิฟต์ด้วยสายตาเฉียบคม
หลินเช่อตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อก่อนจะร้องออกมาว่า “นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นน่ะ ลิฟต์เสียงั้นเหรอ”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นลิฟต์ก็ดูจะยิ่งสั่นไหวรุนแรงมากกว่าเก่า
ตัวของหลินเช่อถูกเขย่าตามไปด้วยจนดูเหมือนว่าตัวเธอสั่นขึ้นมาเองเสียอย่างนั้น
กู้จิ้งเจ๋อคว้าเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน หลินเช่อยังร้องถามไม่หยุด “เกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะคะว่าลิฟต์กำลังจะร่วงลงไปน่ะ นี่มันสูงเกินสิบชั้นเชียวนะ พวกเราจะต้องเละเป็นโจ๊กกันแน่ๆ”
กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขาเหลียวมองไปโดยรอบอย่างเงียบเชียบและดึงหลินเช่อเอามาไว้ใกล้ตัว และบอกว่า “อย่าขยับ ใจเย็นไว้ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว”
ลิฟต์เขย่าแรงเสียจนฝุ่นผงเริ่มร่วงหล่นลงมา หลินเช่อแทบลืมตาไม่ขึ้น
และในจังหวะนั้นเอง ลิฟต์ก็เริ่มหล่นลงสู่เบื้องล่าง
“อ๊า…” หลินเช่อร้องลั่น มือเธอยึดเสื้อนอกของกู้จิ้งเจ๋อแน่น
ชั่วขณะนั้นเอง กู้จิ้งเจ๋อเปรียบเป็นเหมือนเทพประจำตัวของเธอ เขาให้ความรู้สึกราวกับว่า ถ้าเธอเกาะเขาไว้ให้มั่นแล้ว เธอก็จะไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
ลิฟต์ยังคงสั่นแรง ตอนนี้หลินเช่อกลัวมากจริงๆ แม้จะอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงที่คอยโอบประคองไว้ แต่เธอก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้
แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่หญิงสาวรู้สึกยาวนานราวผ่านไปซักศตวรรษ
นี่มันเหมือนในหนังไม่มีผิด ช่วงเวลาที่โลกกำลังจะแตก และมีเพียงเธอกับกู้จิ้งเจ๋อสองคนเท่านั้น
โชคดีที่ลิฟต์หยุดลงในพริบตาต่อมา
หลินเช่อจิกนิ้วแรงจนรู้สึกเจ็บ หัวใจแทบจะตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแล้วถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “นี่มันจะร่วงลงไปอีกใช่มั้ยคะ แล้วเรา…จะตายรึเปล่า”
“ยัยโง่ ฉันขอสั่งห้ามเธอไม่ให้พูดจาแบบนี้” เขาจับแขนเธอไว้โดยแรง ตาเขาจ้องมาที่ตาเธอ
หลินเช่อโวยวาย “กู้จิ้งเจ๋อ นี่ในเวลาแบบนี้คุณยังจะมาออกคำสั่งอีกเหรอ!”
“อย่าห่วงไปเลยน่า ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอก จริงๆ นะ”
“ตาโง่ ถ้าฉันตาย คุณก็จะได้กลับไปคบกับโม่ฮุ่ยหลิงยังไงล่ะ หลังจากนี้เราก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอะไรกันอีกแล้ว”
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเคร่งขรึมลง “อย่าพูดจาไร้สาระน่า”
“ฉันพูดความจริงนะคะ!”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมให้เธอตาย ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ!” ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจทันทีที่ได้ยินหลินเช่อพูดว่าถ้าเธอตายไป เขาจะได้กลับไปอยู่กับโม่ฮุ่ยหลิง อยู่ๆ หัวใจเขาก็รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาทันควัน มันเป็นความรู้สึกอันแสนอึดอัด
ถ้าหลินเช่อตาย เขาจะไม่มีวันหาผู้หญิงอย่างเธอเจอได้อีกแล้ว
ต่อให้เป็นคนที่หน้าตาเหมือนเธอเปี๊ยบ แต่หล่อนก็ยังไม่ใช่หลินเช่ออยู่ดี
เพราะว่าหลินเช่อนี้มีเพียงคนเดียวในโลก
อยู่ๆ เขาก็นึกภาพไม่ออกว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร หากปราศจากแม่สาวช่างพูด เสียงดังโหวกเหวกโวยวายและคอยแต่สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้
เขาจะหวนกลับไปใช้ชีวิตสงบสุขอย่างที่เคยเป็นมาแต่ก่อนได้หรือไม่
มันคงจะเป็นชีวิตที่น่าเบื่อสิ้นดี
อันที่จริงเขาก็ใช้เวลาหลายปีในชีวิตเป็นแบบนั้นมาตลอดโดยไม่มีหลินเช่อ
แต่สำหรับตอนนี้ ความรู้สึกมันแตกต่างออกไป
สิ่งที่เขาทนไม่ได้ในตอนนี้ก็คือความรู้สึกที่ว่าในตอนนี้เธออยู่กับเขา พอเวลาต่อมา เขาก็รู้สึกว่าเธออาจจะหายไปจากเขาตลอดกาล
เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอต้องเจ็บ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องถามเลยว่า เขาจะทนได้ไหมถ้าหาก
เธอต้องตายไปต่อหน้าต่อตาเขาในตอนนี้
“เธอไม่ตายหรอก คนของฉันอยู่ข้างล่าง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาจะต้องรีบขึ้นมาทันทีแน่”
ทันทีที่กู้จิ้งเจ๋อพูดจบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากด้านนอก เพื่อเตรียมการช่วยเหลือ
มือของหลินเช่อจับชายหนุ่มแน่นขึ้น ส่วนอ้อมแขนของกู้จิ้งเจ๋อก็กอดกระชับหลินเช่อแน่นเข้ามาเช่นกัน เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอ เขากลัวเหลือเกินว่า ถ้าหากเขาคลายอ้อมแขน เธอจะหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
เพียงไม่นาน ทั้งคู่ก็ได้เห็นแสงสลัวแห่งความหวังลอดผ่านประตูลิฟต์เข้ามา หลินเช่อร้องด้วยความประหลาดใจ “ประตูลิฟต์กำลังเปิดแล้วค่ะ!”
ประตูค่อยๆ ขยับทีละน้อย ก่อนจะแยกออกจากกันด้วยเครื่องมือบางอย่าง
“ท่านครับ”
“ท่านครับ รีบออกมาเร็วเข้าเถอะ ลิฟต์นี่ไม่มั่นคงเท่าไหร่ มันอันตรายมากทีเดียว”
หลินเช่อหันกลับมามองกู้จิ้งเจ๋อ
เขาจับตัวเธอแล้วดันออกมาด้านหน้า “เธอไปก่อน”
หลินเช่อซึ้งใจเป็นที่สุด “ฉัน…”
“เร็วเข้า”
เมื่อได้เห็นสีหน้าหนักแน่นของเขา หลินเช่อก็ตัดสินใจที่จะไม่เสียเวลาอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบปีนออกมาโดยเร็ว
ทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้น หญิงสาวก็ระบายลมหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก แต่ในจังหวะนั้นเอง…”
ทางด้านหลัง มือของหลินเช่อยังคงจับมือชายหนุ่มไว้ไม่ปล่อย แต่เมื่อเขาพยายามที่จะปีนออกมาบ้าง ประตูลิฟต์ก็เกิดขยับขึ้นมาในฉับพลัน
หลินเช่อร้องเสียงหลง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ขยับตัว กู้จิ้งเจ๋อก็ผลักมือเธอออกเสียก่อน
และในชั่วพริบตานั้นเอง ประตูลิฟต์ก็ปิดลง
ทุกคนยืนนิ่งอย่างตกตะลึง ก่อนที่จะมีเสียงดังสนั่นลั่นออกมาจากในลิฟต์…
“กู้จิ้งเจ๋อ!”
หลินเช่อแทบจะเป็นลมเสียให้ได้
หัวใจเธอปวดแปลบ เธอนึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจที่ตัดสินใจที่จะก้าวออกมาก่อนเขา
ทุกคนพากันวิ่งลงบันไดตามกันไปเป็นพรวน
หลินเช่อเองก็วิ่งตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน
“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงครับ อย่าไป…”
“ปล่อยฉันนะ!” หลินเช่อใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักบรรดาคนของกู้จิ้งเจ๋อที่พยายามจะขวางทางเธอไว้ให้พ้นทาง และวิ่งลงบันไดมาอย่างสุดชีวิต
สมองของเธอยุ่งเหยิงไปหมดแล้วในตอนนี้ มีเพียงชื่อเดียวที่คอยผุดขึ้นมาไม่หยุดในห้วงความคิด
กู้จิ้งเจ๋อ กู้จิ้งเจ๋อ…
ถ้าคุณตาย แล้วฉันจะอยู่ไปทำไมกันล่ะ
ความปวดร้าวภายในกลายเป็นเรี่ยวแรงอันมหาศาล ทำให้หลินเช่อวิ่งตะบึงลงจากอาคารสูงสิบชั้นได้เร็วกว่าความเร็วปกติของตัวเองถึงสามเท่า
ที่ด้านล่างคือกองเศษซากชิ้นส่วน ตัวลิฟต์หล่นลงมากระแทกกับพื้นจนแหลกเละไปชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในวินาทีนั้นเอง ที่หัวใจของหลินเช่อเหมือนจะขาดให้ได้…
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดูจะสูญสลายไปในชั่วขณะนั้น…เธอล้มพับลงกับพื้น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอจวนเจียนจะหยด…
และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงนุ่มดังขึ้นเบาๆ จากทางด้านหลัง
“หลินเช่อ”