เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 209
พูดอีกอย่างก็คือ ลิฟต์นี่คือกับดักสำหรับหลินเช่อนั่นเอง
โชคดีที่เขาเข้าไปในลิฟต์นั่นด้วย ไม่อย่างนั้น ถ้าหลินเช่ออยู่ในนั้นเพียงลำพังละก็ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาคงจะเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อยืนนิ่งอยู่ที่ประตู มองดูทิวทัศน์เมืองผ่านกระจก เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนหน้าต่างก่อนจะกำมือแน่น
“ไปหาตัวมา ฉันอยากรู้ว่าใครที่ตั้งใจจะทำร้ายหลินเช่อ”
“ครับท่าน”
ภายในห้อง หลินเช่อผวาตื่นขึ้น
หญิงสาวขยี้ตาและรู้สึกเหมือนว่าสมองยังคงงุนงงสับสนไม่เป็นปกติดี กู้จิ้งเจ๋อจึงถามขึ้นว่า “นี่จะไม่ยอมลุกซักทีรึไง สายจนตะวันโด่งแล้ว”
เมื่อได้เห็นชายหนุ่ม หลินเช่อก็รู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัว เธอหงายหลังนอนกลับลงไปบนเตียงและตอบว่า
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ลุกหรอก…”
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะและเดินเข้ามาหา “มาเถอะ ลุกขึ้นเร็ว”
“ฉันไม่อยากลุกนี่นา ไปให้พ้นเลยนะ”
“นี่มันโรงแรม มันไม่สะดวก เก็บข้าวของกลับบ้านกันดีกว่า”
“ไม่เอา คุณกลับไปก่อนสิ ฉันจะนอนต่อ”
หลินเช่ออายเกินกว่าจะกล้ามองเขา เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อวานนี้ เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ร่างกายของเธอจะรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้รับการปลดปล่อย หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะยังเมื่อยขบแต่ก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก
หลินเช่ออดคิดไม่ได้ว่าหรือเธอจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ ตอนนี้เธอมีความปรารถนาในตัวผู้ชาย แล้วก็รู้จักมีความพึงใจกับเรื่องแบบนี้ด้วย
ยิ่งคิดเช่นนี้ เธอก็ยิ่งไม่กล้ามองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ เพราะเธอรู้สึกว่าถ้าเธอมอง เนื้อตัวของเธอก็คงจะเริ่มสั่นสะท้านและควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง แค่คิดถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็อายจะแย่อยู่แล้ว
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มและมองหน้าเธอ “ทำไมล่ะ เธออยากอยู่ที่นี่ต่อแล้วก็ทำแบบเมื่อคืนอีกรอบงั้นเหรอ”
“…” หลินเช่อรีบตอบโดยไว “คุณพูดจาไร้สาระอะไรเนี่ย”
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อที่ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วก็หัวเราะ เขาเอื้อมมือออกไปดึงนิ้วเธอให้แยกออกจากกัน “ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้นแล้วเพราะอะไรล่ะ ถ้าเธอไม่อยากไปจากโรงแรมนี่ก็บอกมาตรงๆ ก็ได้นี่นา เอาละ เอาละ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป งั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่เอง เป็นไง ยังอยากจะให้ทวนความจำเรื่องเมื่อคืนอยู่อีกมั้ย”
“ไม่นะ ออกไปไป๊ กู้จิ้งเจ๋อ คุณ…นี่คุณแกล้งฉันนี่นา!” หน้าของหลินเช่อแดงแป๊ด
“ฉันแกล้งเธอเมื่อไหร่กัน ฉันหมายความตามที่พูดทุกคำนั่นแหละ ทำไมเราไม่ลองกันซะหน่อยล่ะ” ชายหนุ่มพูดพลางคว้าข้อมือเธอไว้และกดตรึงลงกับเตียงนอน
หลินเช่อกระโดดผึงลงจากเตียงทันที “อีตาบ้า”
เธอแว้ดใส่เขาดังลั่นและเผ่นลงไปยืนที่พื้น จังหวะนั้นเองที่หลินเช่อเพิ่งนึกได้ว่าเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า
หน้าของหลินเช่อยิ่งแดงหนัก เธอหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อ ก่อนจะรีบคว้าเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาปกปิดเนื้อตัวและพุ่งเข้าห้องน้ำไป
กู้จิ้งเจ๋อมองอีกฝ่ายที่เผ่นหนีไปได้ ก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมา
ไม่ช้าทั้งสองก็กลับถึงบ้าน
กู้จิ้งเจ๋อลงจากรถ หลินเช่อตามลงมา
เธอเกาะแขนเขาไว้เพื่อประคองตัวเอง แต่เมื่อเธอเหนี่ยวเข้าที่แขนของชายหนุ่ม เขาก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
หลินเช่อชะงัก ก่อนจะสังเกตเห็นว่าท่าทางเขาดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
เธอรีบหันไปมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เอ่อ” กู้จิ้งเจ๋อกลบเกลื่อน “ไม่มีอะไรหรอก เข้าบ้านกันเถอะ”
แต่หลินเช่อไม่เชื่อ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ แล้วเขาจะร้องทำไม
หลินเช่อรีบดึงเขาไว้และบอกว่า “ให้ฉันดูหน่อยค่ะว่าเป็นอะไร”
ขณะที่พูด เธอก็เลิกแขนเสื้อเขาขึ้นทันที
ก่อนจะได้เห็นรอยช้ำเป็นวงใหญ่และดูเหมือนจะบวมเสียด้วย
นอกจากนี้ยังมีรอยขีดข่วน แต่ดูเหมือนว่าเลือดที่ไหลซิบออกมาจะแห้งไปแล้ว
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ทำไมคุณถึงไม่รีบบอกฉันล่ะ” ก่อนหน้านี้หลินเช่อไม่ทันสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บที่ว่านี้เลย
แต่ชายหนุ่มกลับทำท่าไม่ใส่ใจ เขาดึงแขนเสื้อกลับลงมาและบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก แผลนิดหน่อยเท่านั้น เทียบกันแล้วดีกว่าตายตั้งเยอะ แค่นี้ไม่มีอะไรหรอกน่า”
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะชวนอกสั่นขวัญแขวน และนับเป็นโชคดีมหาศาลที่ทั้งคู่เอาชีวิตรอดกันมาได้ แต่รอยแผลนั่นก็ควรที่จะได้รับการรักษาให้เรียบร้อยอยู่ดี
หลินเช่อรีบลากตัวคนบาดเจ็บเข้ามาในบ้าน “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้หลินเช่อลากตัวเข้าประตูบ้านไป
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่คอยดูแลอยู่ทั้งสองฝั่งต่างพากันเฝ้ามอง พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นวันที่กู้จิ้งเจ๋อถูกผู้หญิงหัวดื้อลากคุณผู้ชายแบบนี้เลย
แต่ผู้หญิงที่ว่าคือคุณผู้หญิงของพวกเขาเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรต้องพูดกันให้มากความ
ในห้องนั่งเล่น หลินเช่อเรียกสาวใช้ให้นำอุปกรณ์ทำแผลมาให้ ก่อนที่เธอจะนั่งลงสำรวจบาดแผลเขาอีกรอบ หลินเช่อขมวดคิ้วและรำพึงว่า “ทำไมถึงได้มีรอยแผลเยอะขนาดนี้นะ…”
กู้จิ้งเจ๋อไม่อยากบอกความจริงกับเธอ ว่าเมื่อตอนที่ลิฟต์หล่นลงมานั้น เขาต้องยกตัวเองให้ปีนข้ามประตูออกมาโดยที่ห้อยขาเอาไว้ กว่าจะพ้นออกมาได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย และฉิวเฉียดจนเกือบจะไม่ทันเวลาที่ลิฟต์จะร่วงลงไปอีกครั้ง หากเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงอย่างเขา ก็อาจจะไม่สามารถปีนออกมาได้ทันเวลา
แต่เขาก็ไม่ได้เล่าประสบการณ์เฉียดตายนั้นให้หลินเช่อฟังแต่อย่างใด
หลินเช่อมองดูกู้จิ้งเจ๋อพร้อมความรู้สึกปวดใจ เธอบอกเขาว่า “ถอดเสื้อออกสิคะ ให้ฉันดูหน่อยว่ามีแผลตรงไหนอีกบ้าง”
ความปั่นป่วนเมื่อวานทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต
แต่เมื่อพินิจดูเขาให้ดี เธอถึงกับต้องผงะกับรอยแผลอันน่าตกใจเหล่านี้
นี่เขาหาทางออกจากลิฟต์มาได้ยังไงกันแน่นะ
หลินเช่อคิดแล้วก็ได้แต่ปวดหนึบในหัวใจ
แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนกราน “ไม่มีอะไรจริงๆ น่า เธอจะดูอะไรกันอีก…”
“ฉันบอกให้ถอดเสื้อออกยังไงล่ะคะ” หลินเช่อยังยืนยันคำเดิม พร้อมดวงตาที่จ้องเขม็ง
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเห็นดังนั้น จึงได้แต่เพียงยิ้มและยอมทำตามแต่โดยดี ระหว่างที่ถอดเสื้อออกเขาก็พึมพำว่า “ก็ได้…แต่ไหนบอกหน่อยซิ…ว่านี่เธอเสพติดการได้เห็นฉันถอดเสื้อผ้าเมื่อวานนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังเห็นไม่เต็มอิ่มหรือยังไงกัน ถึงได้สั่งให้ฉันแก้ผ้าทันทีที่มาถึงบ้านน่ะ ถ้าใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ”
“นี่คุณ…” หลินเช่อทำตาเขียวใส่ ยังจะมีอารมณ์มาพูดติดตลกอีก
“คนไม่ดี ใครเขาอยากมองคุณมิทราบ…ฉันก็แค่อยากดูแผลเท่านั้นแหละย่ะ” หลินเช่อแหวใส่ ก่อนจะเอื้อมมือมาช่วยเขาถอดเสื้อออก
บนแผ่นหลังของชายหนุ่ม มีรอยแผลเป็นแนวยาวที่ยากจะบอกว่าเป็นรอยจากอะไร
หญิงสาวถึงกับผงะ “ทำไมถึงได้มีแผลเยอะแยะไปหมดอย่างนี้ล่ะคะ…”
กู้จิ้งเจ๋อหยุด ก่อนจะหันหน้าไปดูรอยแผลของตัวเองบ้าง
จากที่เขาเห็นบนหัวไหล่ของตัวเอง คือรอยยาวๆ
ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูหลินเช่อว่า “รอยพวกนี้ไม่ได้เกิดจากลิฟต์หรอก”
“อะไรนะคะ”
“เธอเป็นคนทิ้งรอยพวกนี้เอาไว้เองนั่นแหละ จำไม่ได้หรือไง เธอนี่อาชญากรตัวจริงเลยนะ”
“…” ริมฝีปากหลินเช่อกระตุก
เมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อวานนี้…ก็ดูเหมือนว่าจะมีบางช่วงที่เธอออกจะมีอารมณ์มากไปหน่อย
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มและแหย่ต่อไปอีกว่า “เด็กดื้อ ทีนี้เห็นรึยังว่าเธอโหดกับฉันขนาดไหน ฉันน่ะโดนเธอรังแกตลอดทั้งคืนเลยนะ”
ถึงแม้ว่าเขาจะเพลิดเพลินกับการถูกหลินเช่อรังแกก็ตามที
“…”
หลินเช่อทำอะไรไม่ถูก เธอรีบละล่ำละลักออกไปทันที “อีตาบ้า ไร้สาระที่สุด…ฉัน…ฉันแค่…นั่นเป็นเพราะว่าคุณโหดกับฉันก่อนต่างหากล่ะ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ…”
“ก็ได้ ก็ได้ ก็ดี แล้วนี่เธอจะร้อนตัวไปทำไม ฉันไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องแย่ซักหน่อย รอยพวกนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก ฉันจะถือซะว่าเป็นร่องรอยการยอมรับความสามารถของฉันก็แล้วกัน”
“…” ตอนนี้หลินเช่ออยากจะเอาอะไรคลุมหัวเขาแล้วกระหน่ำทุบให้สาแก่ใจ
ผู้ชายอะไรปากร้ายที่สุด