เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 214
หลินเช่อร้องขึ้นทันที “พี่อวี๋ เกิดอะไรขึ้นคะ ดื่มน้ำก่อนค่ะ…”
อวี๋หมินหมิ่นจิบน้ำก่อนจะสูดหายใจ
เฉินโยวหรานทักขึ้น “นี่ท่านประธานาธิบดีน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ พี่ถึงตกใจขนาดนั้นตอนที่พูดถึงเขาน่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นว่า “ฉันกำลังจะบอกว่าฉันเคยพบเขามาก่อนแล้วฉันก็รู้จักเขาด้วย”
“หา จริงเหรอคะ…” ดวงตาของเฉินโยวหรานเบิกกว้างด้วยความสนใจขึ้นมาในทันที
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อ “แต่เขาคงไม่รู้จักฉันหรอก”
“…”
“…”
เฉินอวี่เฉิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองหญิงสาวทั้งสามด้วยท่าทีเบื่อหน่าย “ทำไมพวกคุณต้องสนใจชีวิตส่วนตัวของประธานาธิบดีกันด้วยล่ะเนี่ย”
เฉินโยวหรานถลึงตามองหน้านายแพทย์ “แล้วคุณรู้อะไรบ้างล่ะคะ”
เฉินอวี่เฉิงตอบ “ฉันรู้ว่าเขาจะต้องเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่นินทาคนอื่นลับหลังแบบนี้แน่ๆ น่ะสิ น่ารำคาญจริง”
“ไปตายซะไป๊!”
ไม่ช้าทุกคนก็รับประทานกันจนอิ่มหนำ
เฉินโยวหรานเรียกร้องที่จะไปหาความบันเทิงต่อ
นี่เป็นธรรมเนียมที่มีกันมายาวนานทุกครั้งที่มีการรวมตัวกัน หลินเช่อจึงตอบตกลงอย่างยินดี
แต่เฉินอวี่เฉิงนิ่วหน้า เขาคิดว่ามันออกจะดึกเกินไปหน่อยสำหรับคืนนี้ แล้วเขาก็ออกจะชอบหมกตัวอยู่กับห้องแล็ปและหนังสือมากกว่า ทำให้ไม่คุ้นเคยกับการสังสรรค์ประเภทนี้ ที่เขายอมมาวันนี้ก็เพราะหลินเช่อเชิญเท่านั้นเอง
แต่สาวๆ ทุกคนดูยินดีที่จะไปต่อ หลินเช่อคล้องแขนเฉินโยวหรานข้างหนึ่ง และแขนของอวี๋หมินหมิ่นอีกข้างหนึ่ง แล้วทั้งสามก็พากันตรงไปยังคาราโอเกะที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที
หลินเช่อนั้นร้องเพลงได้ห่วยแตกมาก ยิ่งถ้าหากว่าเธอดื่มเหล้ามาก่อนละก็ เธอจะชอบแย่งชิงไมโครโฟนจากคนอื่นแล้วก็ตะเบ็งเสียงร้องทั้งคืน เรื่องนี้เป็นที่รู้กันแพร่หลายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต
เฉินโยวหรานนั่งฟังแล้วก็อยากจะยกมือขึ้นอุดหู “นี่มันห่วยเกินไปแล้วนะ”
เฉินโยวหรานหันไปมองอวี๋หมินหมิ่น “ที่บริษัทพี่ไม่มีโค้ชมาสอนร้องเพลงบ้างเหรอคะ ทำไมไม่ให้มาสอนยัยนี่ให้เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง”
อวี๋หมินหมิ่นตอบ “เมาแล้วชอบร้องเพลงนี่มันเป็นโรคประจำตัวน่ะ แก้ไม่หายหรอก”
แล้วสองสาวก็หัวเราะลั่นออกมา ไม่นาน ทั้งสามก็สนิทสนมกลมเกลียวกัน ทุกคนเริ่มดื่มและพูดคุยกันไม่หยุดปาก หลินเช่อร้องเพลงจนจบก็รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมาเต็มที่ จึงเริ่มเดินออกไปหาห้องน้ำ
เมื่อเจอเธอก็เข้าไปจัดการทำธุระ วันนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ ถึงขนาดเดินฮัมเพลงไปตลอดทางที่เดินกลับห้องคาราโอเกะ จนกระทั่งบังเอิญชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
หลินเช่อรีบร้องบอกอย่างมีมารยาท “ขอโทษด้วยนะคะ ขอโทษด้วย”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็ได้เห็นชายร่างท้วมใหญ่คนหนึ่งกำลังมองตรงมาที่เธอ ดวงตาเขาเป็นประกายวูบวาบ “อ้าว เธอเป็นดารานี่นา ชื่ออะไรเช่อๆ ใช่รึเปล่า”
“เอ่อ คุณคงจำผิดแล้วละค่ะ” ปกติแล้วไม่ค่อยจะมีคนจำเธอบ่อยนัก หลินเช่อรีบก้มหน้าพลางยกมือขึ้นถูจมูก เธอตอบคำถามเขาส่งๆ และรีบเดินหลบออกมา
แต่ชายคนนั้นกลับคว้ามือเธอจากทางด้านหลัง
“เฮ้ นี่จะรีบหนีไปไหนล่ะ มาสนุกกับพี่ก่อนสิ” เขามองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย เชื่อแน่ว่าเธอจะต้องเป็นดาราดัง เพราะเธอดูสวยกว่าผู้หญิงทั่วไป
หลินเช่อปัดมือเขาออกอย่างรังเกียจ “ปล่อยฉันนะ คุณต้องการอะไรน่ะ”
“หือ ทำไมล่ะ ไปสนุกกันหน่อยไม่ได้หรือไง ไม่ใช่ว่าฉันจะขอฟรีๆ ซักหน่อย จะรีบร้อนไปไหนล่ะ”
“ฉันไม่ต้องการเงิน ปล่อยฉันค่ะ!” หลินเช่อผลักมืออีกฝ่ายเป็นพัลวันอย่างโกรธจัด
แต่มือนั้นจับแน่นและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ หนำซ้ำยังพยายามลากตัวเธอเข้าไปในห้องอีกต่างหาก “ฉันมีเงินเยอะนะ มาสนุกกันหน่อยจะเป็นไรไปเล่า”
“กรุณาให้เกียรติกันหน่อยนะคะ นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน”
“ฮ่า ดาราอย่างพวกเธอก็เป็นของเล่นดีๆ นั่นแหละ ทำไม เงินนี่น้อยเกินไปสำหรับเธอหรือไง” ขณะที่พูดเขาก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วปาเครดิตการ์ดใส่หลินเช่อ “ฉันมีเงินเป็นกะตั้ก จะมาสนุกกับฉันหน่อยไม่ได้รึ รู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร ถ้าเธอกล้าพูดจาดูถูกฉันละก็ รับรองว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในเขตบีนี่ต่อไปอีกแน่!”
“คุณ…นี่คุณจะปล่อยรึไม่ปล่อย คุณควรจะ…”
ทันใดนั้น ใครบางคนก็โผล่มาจากทางด้านหลัง เตะโครมเข้าที่สีข้างของชายคนดังกล่าว
ก่อนที่ชายร่างท้วมจะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็ถูกชายสองคนจับกดลงกับพื้นเสียแล้ว
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นแล้วก็ได้เห็นว่า คนที่เข้ามาช่วยเธอคือบอดี้การ์ดของกู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักชื่อของพวกเขา แต่เธอก็จำพวกเขาได้เพราะเห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวัน
จังหวะเดียวกันนี้เอง เฉินอวี่เฉิงก็โผล่เข้ามา
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็นิ่งอึ้งไป
เขารู้แล้วว่าคงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่
จึงรีบเดินเข้ามาดูชายร่างใหญ่ที่ถูกตรึงไว้กับพื้น เขายังร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยความหัวเสียว่า “ปล่อยฉันนะ! ปล่อยสิ! พวกแกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย”
หลินเช่อถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอหันไปมองเฉินอวี่เฉิงและเล่าว่า “เขาเข้ามาก่อกวนตอนที่ฉันเดินออกมาน่ะค่ะ”
นายแพทย์หนุ่มฟึดฟัดอย่างรังเกียจและบอกว่า “หมอนี่ทำเกินไป เจอแบบนี้แล้วยังจะกล้าไปหาเรื่องใครอีกรึเปล่าล่ะนี่ ถ้าท่านประธานกู้มาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าล่ะก็ เจ้านี่คงแขนขาหักหมดทุกท่อนแล้ว แถมยังไม่ปัญญาแหกปากโวยวายแบบนี้ด้วย”
หลินเช่อตกใจ “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฟังดูน่ากลัวจัง ช่างเถอะค่ะ เขาคงจะเมาน่ะ ปล่อยเขาเถอะ”
เฉินอวี่เฉิงพูดต่อ “เธอยังไม่รู้จักกู้จิ้งเจ๋อดี เขาจะปกป้องคนของเขาอย่างสุดชีวิต แต่การมาเที่ยวสถานที่แบบนี้มันก็อันตรายอยู่นะ อย่ามาให้บ่อยนักล่ะ”
หลินเช่อตอบ “ฉันรู้ดีค่ะว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ปกติแล้วฉันก็ไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ แล้วอีกอย่าง ปกติมันก็ไม่เคยเกิดเรื่องอะไร ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุน่ะ คงเป็นเพราะตอนนี้ฉันพอจะมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างแล้ว ก็เลยมีคนเข้ามาก่อกวน แต่ปกติเวลาที่พวกเรามาที่นี่ก็ไม่เคยมีอะไรนะคะ”
“แล้วในเมื่อเธอก็รู้ว่ามันอันตราย แล้วทำไมถึงยังอยากจะมาอีกล่ะ” เฉินอวี่เฉิงถามอย่างสงสัย
หลินเช่อหัวเราะและถามกลับบ้างว่า “งั้นให้ฉันถามคุณหมอเฉินบ้างนะคะ ในเมื่อคุณก็รู้ว่าสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะต้องถ่ายออกมาอยู่ดี แล้วทำไมคุณถึงยังกินอีกล่ะคะ”
“…”
หลินเช่อว่า “ฉันไม่อยากจะต้องใช้ชีวิตทนทุกข์เพียงเพราะสถานะของตัวเองน่ะค่ะ ฉันไม่อยากจะเอาแต่คอยคิดว่าจะมีอะไรขึ้น หรือมีอะไรที่จะไม่เกิด ถ้าฉันอยากร้องเพลง ฉันก็จะมาร้องเพลง ไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรให้มากมายปวดหัว ถ้าฉันเลิกทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย แบบนั้นมันจะไม่เกินไปหน่อยหรือคะ”
นายแพทย์หนุ่มหรี่ตาและมองดูหลินเช่อ
แล้วเขาก็ค่อยๆ เข้าใจได้ทีละน้อย
คงเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้กู้จิ้งเจ๋อชอบอยู่กับเธอ
ชายร่างท้วมยังคงร้องประท้วงไม่หยุดปากอยู่บนพื้น จนกระทั่งเพื่อนของเขารีบออกมาดู เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า และหันไปมองหลินเช่อกับเฉินอวี่เฉิงที่ยืนมองอยู่โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว บรรดาเพื่อนๆ รีบขอโทษขอโพยโดยเร็ว “ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย เขาดื่มมากไปหน่อยน่ะครับ”
หลินเช่อยิ้มและไม่คิดที่จะเอาเรื่องใดๆ ต่อ
“เอาละ อย่าให้เสียอารมณ์กันเลยดีกว่าค่ะ กลับไปร้องเพลงกันต่อเถอะ” หลินเช่อยิ้มแล้วแตะแขนเฉินอวี่เฉิงเบาๆ แพทย์หนุ่มจึงยอมตามใจเธอแต่โดยดี “ก็ได้ งั้นผมจะอยู่กับพวกคุณทั้งคืนเลยก็แล้วกัน”
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้หันหลังกลับ หลินเช่อก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล และมันทำให้เธอขุ่นใจขึ้นมาได้โดยสัญชาตญาณทันที “หลินเช่อ”
หญิงสาวชะงัก เธอหมุนตัวไปและได้เห็นโม่ฮุ่ยหลิงกำลังเดินตรงมาหา หัวใจของเธอหล่นวูบ
ให้ตายสิ ช่างมาได้จังหวะเหลือเกิน ทำไมเธอถึงต้องมาเจอคนที่ชวนให้หงุดหงิดใจและทำลายบรรยากาศดีๆ แบบนี้ด้วยนะ