เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 223
กู้จิ้งเจ๋อว่า “ไม่จำเป็นต้องมาพูดจาสุภาพกับฉันหรอกน่า”
หลินเช่อตอบ “ต้องพูดดีสิคะ ในเมื่อคุณมีฉันเป็นภรรยาแบบนี้ คุณคงจะต้องอดทนไม่น้อยเลย ถ้ามีคนอื่นมาเป็นภรรยาของคุณแทน คุณคงจะไม่ต้องปวดหัวมากแบบนี้”
‘คนอื่น’ ที่เธอหมายถึงก็คือโม่ฮุ่ยหลิงนั่นแหละ
หลินเช่ออดคิดไม่ได้ว่าชีวิตเธอนั้นมีแต่เรื่องราวปัญหาเต็มไปหมด ทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิต
บางทีตอนที่โม่ฮุ่ยหลิงคบหากับเขามานานนับสิบปี พวกเขาอาจจะไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยก็ได้
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น เขาเหม่อมองไปไกลในขณะที่กำลังใช้ความคิดและพูดว่า “ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ก็ต้องบอกว่าเธอนี่เรื่องเยอะจริงๆ นั่นแหละ”
หัวใจหลินเช่อหล่นวูบเมื่อหันไปมองชายหนุ่ม
แต่เขากลับหัวเราะออกมา “แต่ในเมื่อฉันแต่งงานกับเธอแล้ว ฉันก็ต้องยอมรับให้ได้นั่นแหละ”
หลินเช่อถลึงตาใส่เขา
“คุณนี่ช่างไม่รู้จักวิธีพูดเอาใจผู้หญิงซะเลยนะคะ เวลาแบบนี้แล้วยังจะมาตอบตรงๆ ทื่อๆ แบบนี้อีก ตอนนี้คุณจะต้องทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณโชคดีที่ได้แต่งงานกับฉันสิคะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะโกรธคุณจนควันออกหูไปแล้ว นี่อย่างน้อยเราก็ตกลงกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ว่าฉันจะต้องเข้ากับคุณให้ได้ ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ ไม่มีใครยอมทนผู้ชายทื่อมะลื่ออย่างคุณหรอกค่ะ รู้มั้ย”
กู้จิ้งเจ๋อแย้งว่า “ก็ในเมื่อเธอถาม ฉันก็ต้องตอบตามตรงสิ ทำไมถึงจะต้องเลี่ยงไปตอบแบบอื่นด้วย”
“ต้องสิคะ ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ผู้หญิงเราก็อยากถูกเอาอกเอาใจบ้าง เข้าใจมั้ยคะ เพราะอย่างนี้ไง การที่ฉันแต่งงานกับคุณถึงต้องใช้ความอดทนมาก คู่แต่งงานอื่นน่ะ อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีช่วงฮันนีมูน แต่ฉันไม่มีอะไรแบบนี้เลยซักนิด แถมยังต้องคอยทนกับอารมณ์ร้ายๆ ของคุณอีกต่างหาก ไหนบอกมาซิคะว่าฉันต้องอดทนรึเปล่า”
“ใช่ เธอต้องอดทน ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอคู่ควรกับชีวิตแต่งงานที่ดีกว่านี้” ชายหนุ่มคิดแล้วก็เชื่อได้ว่า การแต่งงานกับเขาเป็นเรื่องยากสำหรับเธอจริงๆ ด้วย ไม่มีทั้งพิธีแต่งงาน ไม่มีช่วงฮันนีมูน รวมถึงไม่มีการไปฮันนีมูนด้วยซ้ำ
ผู้หญิงดีๆ รุ่นราวคราวเดียวกันกับหลินเช่อ ควรที่จะได้มีความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความน่ารัก อ่อนหวาน และได้แต่งงานเพราะความรัก แต่เธอกลับไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
หลินเช่อมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ “อา นี่คุณรู้จักพูดจาดีๆ กับเขาแล้วเหรอคะเนี่ย”
ชายหนุ่มตอบ “ใช่สิ ฉันกำลังเรียนรู้อยู่นี่ไงล่ะ”
“…” เธอน่าจะรู้จะว่าปากเสียๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ
แต่เมื่อเธอเพ่งมองเขาดีๆ แล้ว เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเขา
การได้รู้จักเขาและได้ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้ อาจเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยโชคดีทั้งหมดในชีวิตที่เธอมีแล้ว
เธอไร้ซึ่งสถานะใดๆ เป็นแค่ผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าที่เอาแต่ก่อเรื่อง แถมกิริยามารยาทก็หาความสุภาพนุ่มนวลไม่เจออีกต่างหาก เขาควรจะได้เจอผู้หญิงที่ดีกว่านี้ แทนที่จะเป็นผู้หญิงที่ทั้งเห็นแก่ตัวและทำอะไรไม่คิดอย่างเธอ เธอไม่มีทางที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่ดีขึ้นเพื่อเขาได้แน่
หลินเช่อตวัดสายตาไปทางคนที่นั่งข้างตัวและมองหน้าเขา “ตกลงฉันไปทดสอบบทได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้สิ ที่ฉันพูดก็พูดไปอย่างงั้นเอง ฉันไม่ไปก้าวก่ายอาชีพของเธอหรอก”
หลินเช่อหัวเราะ “แต่ฉันก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดีนั่นแหละค่ะ อันที่จริงคุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเต็มที่เลยนะคะ เราตกลงกันแล้วนี่นา ว่าฉันจะรับบทเป็นคุณผู้หญิงของคุณให้ดี ถ้าฉันทำอะไรไม่ดี คุณก็ต้องคอยบอก เพราะฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่”
“ยัยโง่เอ๊ย เรื่องนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับฉันเลยซักนิด ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ทำแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว” กู้จิ้งเจ๋อว่า “ถ้าเธอไม่สามารถใช้ชีวิตตามใจและทำในสิ่งที่เธออยากทำได้ในฐานะภรรยาของฉัน ถ้างั้นฉันก็เป็นสามีที่ไม่เอาไหนน่ะสิ”
“แต่คุณหนูโม่คงจะไม่เคยสร้างปัญหามากมายแบบนี้…ฉันก็แค่คิดน่ะค่ะ…ว่าบางทีฉันอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า” หลินเช่อกัดริมฝีปาก และก้มลงมองนิ้วมือตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
กู้จิ้งเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกและมองหน้าเธอ “ฮุ่ยหลิงน่ะไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย”
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเป็นประกาย
แต่ชายหนุ่มกลับพูดต่อไปว่า “แต่ฉันรู้ว่าเป็นเพราะฮุ่ยหลิงไม่เคยทำอะไรเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธออยู่บ้านเสมอและไม่เคยทำงาน แล้วจะให้มีปัญหาอะไรได้ล่ะ แต่เธอมีความฝันและอาชีพของเธอ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เธอไม่ควรจะรู้สึกว่ามันสร้างปัญหาด้วยเหมือนกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับความพยายามและกำลังใจ”
ดวงตาของหญิงสาวอ่อนโยนลงเมื่อประสานสายตากับเขา แต่หัวใจกลับยิ่งรู้สึกผิดหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เธอไม่สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้ แถมยังสร้างแต่ปัญหาให้เขาอีกต่างหาก
ภรรยาคนนี้ช่างไม่ได้เรื่องอะไรอย่างนี้นะ
กู้จิ้งเจ๋อพูดด้วยท่าทีผ่อนคลายขึ้น “เอาละ อย่าไปคิดมากเลย ถ้าเธอคิดว่ามันไม่ดี ทีหลังก็อย่าสร้างปัญหาสิ ทำงานอย่างสงบเสงี่ยมแล้วก็อย่าไปหาเรื่องกับพวกผู้ชายนิสัยไม่ดี”
“…” หลินเช่อนิ่งอั้น “นี่คุณกำลังพูดถึงกู้จิ้ิ้งอวี่เหรอคะ”
ชายหนุ่มเหลือบมอง
หลินเช่ออดคิดไม่ได้ ก็กู้จิ้ิ้งอวี่เป็นน้องชายของเขาเองแท้ๆ
“ถึงจิ้งอวี่จะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่เขาก็ดื้อรั้นแล้วก็มักจะทำอะไรไม่เข้าท่า เวลาที่เขาเกิดปัญหา ซึ่งก็บ่อยครั้ง ทั้งพี่ชายแล้วก็ฉันต้องคอยช่วยเหลือจัดการอยู่ตลอด แต่เธอก็ยังยกย่องเขาเป็นไอดอล เขาไม่มีอะไรดีๆ ให้เธอได้เรียนรู้หรอก เพราะฉะนั้นก็แค่ถ่ายหนังไปแต่อย่าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาถ้าไม่จำเป็น” กู้จิ้งเจ๋อว่า
หลินเช่อทำหน้าตูม “ฉันไม่เคยพูดซักหน่อยว่าเห็นเขาเป็นไอดอลน่ะ ฉันก็แค่บอกว่าเขาเป็นคนดีมาก”
“ก็แน่ละสิ ด้วยสติปัญญาอย่างเธอน่ะจะไปแยกคนดีกับคนเลวออกได้ยังไง ทุกคนก็เป็นคนดีไปหมดนั่นแหละในสายตาเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตาบอดนะ”
หลินเช่อตวัดสายตามองชายหนุ่ม
คืนนี้อากาศนี้แม้ว่าจะหนาวไปซักหน่อย ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหมือนแผ่นหมึกดำสนิท แตะแต้มด้วยไข่มุกนวลตา
หลนิเช่อสูดอากาศแล้วหันไปบอกว่า “อา อากาศดีจังค่ะ ออกไปเดินเล่นกันหน่อยก่อนกลับบ้านดีกว่า”
เมื่อเห็นหญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นมา เขาก็ส่ายหน้าและบ่นเธออยู่ในใจกับความไร้สาระนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี
หลินเช่อวิ่งระรื่นไปมาเหมือนนกน้อย แม้ว่าจะสวมแจ็กเก็ตขนเป็ดตัวหนา แต่เพราะความผอมบางจึงทำให้เจ้าตัวไม่ได้ดูบวมพองด้วยเสื้อผ้าหนาชั้นเหล่านั้น อันที่จริง เธอดูน่ารักดีด้วยซ้ำเมื่อมีขาเรียวยาวโผล่ออกมาจากใต้เสื้อกันหนาว ดูแล้วเหมือนเจ้านกสีแดงในแองกรี้เบิร์ดไม่มีผิด
ริมฝีปากของชายหนุ่มขยับยกเป็นรอยยิ้ม ขณะเดินตามเธอไป
หลินเช่อว่า “ฉันไม่ได้จะฝันอะไรยิ่งใหญ่หรอกนะคะ แต่ฉันก็แค่อยากจะได้เป็นตัวแม่อันดับหนึ่งกับเขาบ้างในซักวัน อืม ฉันจะให้พวกที่เคยดูถูกฉันได้เห็น ฉันจะให้เขาดูความสำเร็จของฉันให้เต็มตาเลยละ!”
หญิงสาวกำมือแน่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนพูดจาดูแคลนในงานเลี้ยง เธอก็ยังอดโกรธไม่ได้
จุดอ่อนของเธอถูกเอาไปพูดพาดพิงถึงทีมงานของเธอคนอื่นๆ จนทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออก
เพราะฉะนั้นเธอจะต้องสู้ และไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้เพื่อไม่ให้คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอต้องทนกับเรื่องแย่ๆ แบบนี้อีก
เธอยังหวังอีกด้วยว่า ซักวันหนึ่งอวี๋หมินหมิ่นจะไม่ต้องโดนใครเหยียดหยามเพราะเธออีก พวกเธอจะได้ไม่ต้องถูกเยาะเย้ยถากถางเหมือนที่โดนกันในวันนี้
กู้จิ้งเจ๋อเห็นความฮึกเหิมของเธอแล้วก็หันมามองพลางถามว่า “ตัวแม่อันดับหนึ่งเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณคิดว่าฉันจะทำได้มั้ยคะ!” หลินเช่อหันมาถาม
ชายหนุ่มยิ้มและตอบว่า “ได้อยู่แล้ว”
หลินเช่อยิ้มที่มุมปาก “ใช่ค่ะ ฉันต้องทำได้แน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะครองโลกแล้วก็ให้พวกคนที่รังเกียจฉันทั้งหลายดูให้เต็มตา ดูซิว่ายังจะกล้ารังแกฉันอีกมั้ย รอให้ฉันเป็นตัวแม่อันดับหนึ่งก่อนเถอะน่า ฉันจะให้ผู้ช่วยของฉันจัดการเรื่องรับมือกับคุณเอง”
“…” เมื่อเห็นท่าทีร้ายกาจของหลินเช่อแล้ว เขาก็พูดอะไรไม่ได้
แต่เขาก็คิดว่ามันน่าสนใจไม่เลวทีเดียว
โดยเฉพาะสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์นั่น มันทำให้คนคล้อยตามไปได้จริงๆ
หลายคนเชื่อว่าผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่ไขว่คว้าหาความสำเร็จแบบนี้ เขาเองก็เคยคิดเช่นกัน แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าเขาที่มีความมุ่งมั่นที่จะไขว่คว้าเป้าหมายระบายอยู่เต็มสีหน้าไปหมดคนนี้ กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าชังตรงไหนแม้แต่น้อย