เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 236
หลินเช่ออ่านคอมเมนท์เหล่านั้นเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ทำไมพวกเขาถึงได้เริ่มจิกกัดฉันอีกแล้วล่ะนี่”
อวี๋หมินหมิ่นตอบ “ครั้งนี้เธอทำได้ดีมากนะ กระแสคอมเมนท์ในอินเทอร์เน็ตก็ดีมากด้วย รายการนี้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของเธอมากเลยทีเดียว”
ถ้าหากว่าฉินหวานหว่านตั้งใจที่จะจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ละก็ เชื่อแน่ว่าตอนนี้หล่อนคงจะกำลังแค้นใจจนอกแทบระเบิดทีเดียว
แต่ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนั้น แต่อวี๋หมินหมิ่นก็อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่าหลินเช่อถูกบังคับให้ต้องออกไปรับหน้ากับสถานการณ์เช่นนั้นทั้งที่ไม่สมควรต้องโดนเลย ยังดีที่แต่ละครั้งเธอโชคดีมากพอที่สามารถตอบคำถามได้ถูกอกถูกใจคนดู เป็นเพราะบุคลิกนิสัยใจคอที่น่ารักน่าเอ็นดูโดยธรรมชาติของหญิงสาวเอง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้หลินเช่อโด่งดังได้เพราะความเป็นตัวของตัวเอง ความมีชื่อเสียงของเธอจึงขึ้นอยู่กับว่าหญิงสาวจะได้รับโอกาสที่เหมาะเจาะหรือไม่เท่านั้น
เมื่อลองมาคิดๆ ดูแล้ว แม่สาวคนนี้ก็เหมือนจะมีเวทมนตร์บางอย่างที่สามารถทำให้ใครต่อใครที่อยู่รอบตัว นึกเอ็นดูเธอได้ไม่น้อยเลย
และถึงแม้เจ้าตัวเองก็คงจะยังไม่รู้เช่นกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ในขณะที่กำลังอยู่บนรถตู้ กู้จิ้งเจ๋อก็โทรมาบอกว่าเขากำลังรอเธออยู่ที่หน้าบริษัท
เมื่อหลินเช่อก้าวออกมาจากรถ เธอก็มองเห็นแต่ได้ไกลว่าชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน จึงทำให้เขาดูเหมือนจะพรางตัวเป็นเนื้อเดียวไปกับความมืดดำของราตรี ทำเอาหลินเช่อรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง
ขอบของชุดสูทนั้นดูจะเหลือบด้วยสีทองเล็กน้อยที่ฝังกลืนไปกับเนื้อผ้าอย่างแนบเนียน ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์แบบยุโรป และยิ่งส่งให้ความคมคายของใบหน้านั้นดูเปล่งประกายแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เขาดูสง่างามและน่าทึ่งราวกับอัศวินที่กำลังยืนเด่นรอเธออย่างมั่นคงอยู่ตรงนั้น
ในหัวของหลินเช่อพร่าพรายไปหมดเมื่อเธอก้าวลงจากรถ จนเมื่อได้สติจึงรีบเดินเข้าไปหา “ทำไม…”
ดวงตาของเธอเป็นประกายระยับเมื่อกวาดตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และถามว่า “ทำไมคุณถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองอวี๋หมินหมิ่นที่เดินตามหลังหญิงสาวมา ส่งยิ้มให้เป็นเชิงทักทาย
ผู้จัดการสาวยักไหล่และบอกกับหลินเช่อว่าเธอขอตัวก่อน
จากนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นว่า “มีงานเลี้ยงน่ะ ฉันต้องไปร่วมงานเลี้ยงนี้พร้อมกับเธอ”
“อ่า ตอนนี้เลยเหรอคะ กะทันหันจัง”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
หลินเช่อจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับและก้าวตามเขาขึ้นรถไป
เธอเหลือบมองเขา ภาพด้านข้างของชายหนุ่มดูเข้มงวดดุดัน ดวงตามีแววลึกล้ำเหมือนน้ำในทะเลสาบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นประกายสุกสว่าง ใบหน้าของเขาดูจะยิ่งหล่อเหลามากกว่ายามปกติ ริมฝีปากบางเฉียบที่กำลังเม้มน้อยๆ การมองดูริมฝีปากคู่นั้นทำให้หลินเช่อนึกอยากจะจูบเขาขึ้นมาถนัดใจ
เขาเป็นคนหน้าตาดีจริงๆ
ไม่ว่ากู้จิ้งเจ๋อจะสวมเสื้อผ้าแบบไหน เขาก็จะดูหล่อเหลาแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง แต่ประกายแห่งความลึกลับและบุคลิกเคร่งขรึมหม่นมืดนี้แหละที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และมันทำให้เขาเซ็กซี่เหลือร้ายจริงๆ
หลังจากเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย ทั้งสองก็รีบตรงไปยังภัตตาคารแห่งหนึ่งที่พวกเขาเคยไปที่นั่นกันมาแล้ว
“เป็นเพื่อนของแม่ฉันน่ะ ฉันก็เลยปฏิเสธที่จะไม่มางานไม่ได้ เราลองเข้าไปดูกันซักหน่อยแล้วกัน ถ้าเธอเหนื่อยนัก เราค่อยกลับบ้านกัน” ขณะที่พูด เขาก็ใช้สายตามองสำรวจเธอขึ้นๆ ลงๆ
หลินเช่อพยักหน้า เขาเคยช่วยเหลือเธอมาตั้งหลายครั้ง การจะยอมเป็นคู่ควงมาร่วมงานเลี้ยงให้เขาซักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร
แต่ความเกรงอกเกรงใจของชายหนุ่ม กลับทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ฉันไม่ได้มีงานอะไรซักหน่อยเท่าไหร่ ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”
แล้วสองหนุ่มสาวก็รีบเข้าไปในงาน พนักงานเสิร์ฟช่วยหลินเช่อถอดเสื้อโค้ทขนสัตว์และนำไปเก็บให้ ใต้เสื้อโค้ทนั้นคือชุดเดรสสายเดี่ยวที่แนบเนียนไปกับลาดบ่า ส่งให้หน้าอกของหญิงสาวดูโดดเด่นแก่สายตาขึ้นมาจากใต้อาภรณ์
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันทีที่ได้เห็น สายตาของเขาตามติดไปไม่คลาดเมื่อหลินเช่อเดินเยื้องย่างเข้าสู่งานเลี้ยง จนเมื่อเขาได้ยินพนักงานเอ่ยปากบอกว่าพวกเขามาถึงห้องจัดงานเลี้ยงแล้วนั่นแหละ กู้จิ้งเจ๋อจึงได้เงยหน้าขึ้น แล้วเขาก็ได้เห็นประตูค่อยๆ เปิดออก ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมือของหลินเช่อไว้และเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน
“คนในงานเยอะดีจังเลยนะคะ” หลินเช่ออุทานอย่างชื่นชม
ใครบางคนเหลือบมาเห็นทั้งสองเข้า เขามองดูกู้จิ้งเจ๋อก่อนที่จะหันไปมองสาวสวยที่ยืนขนาบข้างอยู่
เมื่อสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เรือนร่างของหลินเช่อ ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่แล่นปราดขึ้นมาอย่างรุนแรงในใจทันที เขารู้ดีว่าหลินเช่อเป็นคนสวย ความสวยแบบของเธอนั้นยิ่งมองดูก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากผู้หญิงคนอื่น
เขามองดูหลินเช่อก่อนที่จะกวาดตามองดูบรรดาแขกเหรื่อรอบตัวที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีมีความงามโดดเด่นไม่แพ้ใคร แต่แล้วชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าทุกคนกลับดูจืดชืดไร้เสน่ห์สิ้นดี
เวลาที่หลินเช่อไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เธอจะดูใสสะอาดและไร้เดียงสา แต่ทันทีที่เธอประทินโฉมตัวเองขึ้นมา เธอจะกลายเป็นหญิงสาวผู้แฝงด้วยความเย้ายวน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจที่แตกต่างกัน สิ่งนี้เองที่ทำให้เธอเป็นเหมือนขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ขุดค้นได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาไม่อยากปล่อยให้เธอหลุดมือไป และยังปรารถนาที่จะได้สำรวจเสาะหาให้ลึกลงไปยิ่งกว่านี้
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้นว่า “ไปกันเถอะ เราขึ้นไปข้างบนกันก่อนดีกว่า”
หลินเช่อพยักหน้าและพูดว่า “โอ้ ที่นี่มีแต่ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวยเต็มไปหมดเลยนะคะ นี่ฉันควรจะฉวยโอกาสนี้มองหาผู้ชายดีๆ เอาไว้สำหรับเป็นสามีคนต่อไปเลยจะดีมั้ยนะ”
ใบหน้าของคนฟังบึ้งตึงลงทันที เขาหันมองเธอและบอกว่า “หลินเช่อ!”
หลินเช่อหันหน้าไป “ทำไมล่ะคะ ฉันก็ต้องหาโอกาสทำความรู้จักมักจี่กับบรรดาไฮโซทั้งหลายเอาไว้ในตอนที่เราแยกทางกันแล้วนี่คะ”
กู้จิ้งเจ๋อหน้าตึง ริมฝีปากเม้มสนิทบ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น “มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอที่จะมาพูดเรื่องเลิกรากันตอนนี้น่ะ”
“มันก็อาจจะอีกซักสองสามปีกว่าที่คุณจะหาโอกาสมาบอกเลิกฉันได้ แต่ที่ฉันทำนี่ก็เพราะอยากจะเตรียมพร้อมไว้ก่อนไงล่ะคะ อีกอย่าง เวลาสองสามปีน่ะพริบตาเดียวเท่านั้นเอง คุณลืมตาแล้วก็หลับตา เวลาก็ผ่านแว้บไปแล้ว จริงมั้ยล่ะคะ ว่าแต่ คุณคิดว่าผู้ชายในสูทสีเหลืองนั่นเป็นไงบ้าง”
กู้จิ้งเจ๋อพยายามสะกดอารมณ์อย่างยิ่งยวด และหันมองตามไป “หมอนั่นมีภรรยาแล้ว แล้วก็ด้วยรสนิยมอย่างเธอน่ะ ควรจะเลิกคิดเรื่องนี้ซะดีกว่า!”
“เขามีเมียแล้วเหรอคะเนี่ย งั้นก็ช่างเถอะ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้จะมีเกณฑ์ในการเลือกอะไรมากมายหรอกค่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องรวยๆ แล้วก็ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ!” ขณะที่พูดหลินเช่อก็ใช้นิ้วเขียนคำบางคำลงบนฝ่ามือเขา ก่อนจะส่งสายตายั่วยวนแถมยังขยิบตาให้เขาอีกต่างหาก
กู้จิ้งเจ๋อชะงักเมื่อหันมองอีกฝ่าย “เธอนี่มันช่าง มันช่าง…”
เมื่อหลินเช่อเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะทนฟังไม่ได้ เธอก็คิดว่ามันดูตลกดี
คนอะไร ยั่วโมโหง่ายชะมัด
ทว่าในจังหวะต่อมา กู้จิ้งเจ๋อกลับเป็นฝ่ายกระซิบใส่หูเธอว่า “ทำไมล่ะ นี่แต่ละครั้งฉันยังทำให้เธอไม่ถึงใจอีกหรือไง ถึงยังอยากได้ไอ้ที่จัดหนักกว่านี้…”
หน้าของหลินเช่อแดงก่ำทันที “เงียบไปเลยนะ นี่มันเกี่ยวกับคุณตรงไหนกัน ฉันไม่ได้พูดถึงคุณซักหน่อยนะ”
“ก็ถ้าเธอยังมีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะไปแฟนตาซีถึงว่าถ้าทำกับคนอื่นจะดุเดือดซักแค่ไหนละก็ ถ้างั้นมันก็ต้องเกี่ยวกับฉันอย่างแน่นอนละ” ขณะที่พูด เขาก็รั้งร่างเธอเข้ามาและเอาตัวเองประกบแนบกับแผ่นหลังของหญิงสาว และพูดว่า “เธอคิดว่าคนไหนเข้าท่ากว่าบ้างล่ะ”
“ฉัน…พวกเขาก็ดูโอเคหมดนั่นแหละค่ะสำหรับฉัน…” แต่ว่าขณะที่เธอตอบ เธอก็รู้สึกได้ว่าฝ่ามือใหญ่กำลังสัมผัสลงมาบนหลัง เธอรู้สึกได้ว่ามันกำลังโลมไล้ผิวเนื้อเปล่าเปลือยของเธอ
ชุดที่เธอสวมนั้นค่อนข้างจะเปิดเผยเนื้อตัว และสองมือซุกซนนั่นก็ค่อยๆ สัมผัสเธอทีละนิดทีละนิด ทำเอาหลินเช่อรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่าง
“คุณ…นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะ มีคนอยู่เต็มไปหมดเลยนะคะ…” หน้าของหลินเช่อแดงซ่านพลางพยายามกระถดตัวหนีห่างจากเขาอย่างยากลำบาก
กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นใบหน้าที่กำลังเขินอายของอีกฝ่ายแล้วก็แสยะยิ้มร้าย “เธอน่ะโชคดีมากนะ เธอได้มาเจอฉันตั้งแต่ต้น แล้วฉันก็ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าผู้ชายทั้งโลกนี้ดูน่ากลัวไปซะทั้งหมด”
มือใหญ่ยังคงเคลื่อนไปมาบนแผ่นหลังของเธอไม่หยุด หลินเช่ออยากจะหนี แต่วงแขนที่โอบกระชับอยู่นั้นทำให้เธอไม่อาจขยับไปไหนได้
ถึงแม้ว่าเธอและเขาจะอยู่บนชั้นสองห่างไกลจากบรรดาแขกเหรื่อที่คลาคล่ำกันอยู่ในงานด้านล่าง แต่มันก็ยังไม่ใช่สถานที่ที่จะทำเรื่องสุ่มเสี่ยงแบบนี้อยู่ดีนั่นเอง
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงที่มีอะไรกับฉันแล้วจะสามารถทำใจรับกับขนาดของผู้ชายคนอื่นได้น่ะ” เขาพูดพลางเป่าลมใส่หูเธอ
หลินเช่อตัวสั่นระริก เธออายเสียจนแขนขาอ่อนปวกเปียกไปหมด
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ว่าร่างกายของหลินเช่อนั้นมีอำนาจวิเศษบางอย่าง เขาเป็นคนที่บังคับหัวใจและควบคุมอารมณ์ปรารถนาของตัวเองได้มายาวนานหลายปี แต่เมื่อได้ลิ้มลองเธอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขาก็กลับรู้สึกว่าไม่อาจจะห้ามใจตัวเองได้อีกแล้วเมื่อได้สัมผัสตัวหลินเช่ออีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะมีอะไรกับเธอซักกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยรู้สึกพอเลย