เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 244
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหลินเช่อ สายตาของเธอที่มองมาเต็มไปด้วยความเอาจริงเอาจังและสีหน้าของเธอก็ดูเคร่งเครียดเอาเรื่องเป็นครั้งแรก
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้นว่า “เธอกำลังจะบอกว่า เธอไม่ต้องการให้ฉันทำแบบนี้กับเธออีกต่อไป…”
หลินเช่อมองตอบและพูดขึ้นเรียบๆ ว่า “ถูกแล้วค่ะ ฉันคิดว่านี่มันต่างจากที่เราเคยตกลงกันไว้ในตอนแรกนะคะ เราควรจะรักษาระยะห่างกันเอาไว้ ทำแบบนี้มันทำให้ฉันอึดอัดน่ะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับพยายามจะจับสังเกตเอาเสี้ยวอารมณ์หนึ่งที่สามารถอธิบายได้ว่านี่ทำไมเธอจึงพูดแบบนี้
แต่ในเมื่อเธอต้องการให้มันเป็นไปตามข้อตกลง แล้วเขาจะคัดค้านอะไรได้
เขาค่อยๆ ปล่อยมือเธอและหันหนีไป ร่างสูงใหญ่นั้นยิ่งดูมืดมนขึ้นไปอีกใต้แสงเรืองรองของดอกไม้ไฟ
แล้วอยู่ๆ เขาก็เงียบไป
นิ่งนานทีเดียวกว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเธอตัดสินใจดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอ”
เมื่อหลินเช่อได้ยินคำตอบ เธอก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างยากที่จะอธิบายด้วย
แต่ในเมื่อมันไม่มีอนาคตสำหรับเขาและเธออย่างนี้แล้ว ถ้าเธอกับเขายังทำแบบนี้กันต่อไป มันก็จะยิ่งทำให้เธอนึกรังเกียจตัวเอง
แค่คิดไปว่าเขายังคงติดต่อกับโม่ฮุ่ยหลิงแม้ว่าจะอยู่กับเธอ เธอก็รับไม่ได้เสียแล้ว
นี่เป็นคืนส่งท้ายปีเก่า ท้องฟ้ากว้างไกลเต็มไปด้วยสีแดงเจิดจ้า หนุ่มสาวทั้งสองต่างนั่งเงียบกันอยู่บนระเบียง ฟังเสียงนับเคาน์ดาวน์ที่ดังอยู่ด้านหลัง
เมื่อทั้งคู่กลับมาที่ห้อง กู้จิ้งเจ๋อก็เป็นฝ่ายหยิบเอาผ้าห่มและเดินออกจากห้องไปก่อน หลินเช่อไม่สนใจเขาและเอนกายลงบนเตียง เธอได้ยินเสียงเขาจัดเตรียมที่นอนบนพื้นด้านนอก และไม่ได้ใส่ใจเขาอีก
หญิงสาวนอนลง เสียงดอกไม้ไฟยังดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ข้างนอก แต่ก็เงียบเสียงลงไปมากแล้ว
เธอกอดผ้าห่มไว้และได้ยินเสียงกู้จิ้งเจ๋อที่นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ด้านนอกนั่นอีก
ปกติแล้วเขาเป็นคนนอนนิ่งเงียบแต่ดูเหมือนคืนนี้เขาจะเงียบกว่าทุกวัน
บางทีเธออาจจะอ่อนไหวเกินไปก็ได้ หญิงสาวกอดผ้าห่มไว้และยิ้มเศร้าๆ เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตอบตกลงด้วยความเต็มใจขนาดนี้
ดูเหมือนว่าในใจของชายหนุ่มจะมั่นใจอย่างมากว่าถึงอย่างไรเขาและเธอก็ต้องหย่ากันไม่ช้าก็เร็ว เพราะอย่างนี้ไงล่ะเขาถึงได้ตอบตกลงในสิ่งที่เธอคิดทันที
แล้วทำไมเขาถึงยอมตกลงล่ะ หลินเช่อเริ่มรู้สึกไม่อึดอัดราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามารบกวนหัวใจเธอ มันคือความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาเป็นระลอก
หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่นและคิดว่า นี่หัวใจเธอหวังอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ เธอคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะอยากใช้เวลาชั่วชีวิตอยู่กับเธอ
อันที่จริง การมีโอกาสได้พบผู้ชายที่เลิศเลอขนาดนี้และได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเขาถึงสองสามปีนี่ก็นับเป็นโชคมหาศาลของเธอแล้ว ทำไมเธอถึงยังจะกล้าหวังอะไรอีก
เธอคงจะอยู่กับเขานานเกินไปจนเริ่มเพ้อฝันถึงอะไรที่ไม่จริง
ผู้ชายคนนี้…ไม่ควรอยู่ใกล้เขานักจะดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลินเช่อก็ค่อยๆ หลับลงอย่างเลื่อนลอย
วันต่อมา
กู้จิ้งเจ๋อออกจากห้องไปแต่เช้าโดยไม่ได้สนใจเธอ
หลินเช่อเดินออกจากห้องไป มู่หว่านฉิงนึกแปลกใจ “นี่เป็นวันแรกของปีใหม่ ทำไมจิ้งเจ๋อถึงไปทำงานล่ะในเมื่อเขาควรจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
หลินเช่อว่า “อืม ฉันคิดว่างานเขาคงจะยุ่งมากน่ะค่ะ เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกหรือคะ”
“ก็จริง เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยสนใจงานเทศกาลซักเท่าไหร่ แต่ปีนี้เขามีเธอแล้วนี่จ๊ะ ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะไปทำงาน”
“โอ้” หลินเช่อว่า “เขาจริงจังเรื่องงานก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันควรจะเข้าใจแล้วก็สนับสนุนเขา”
มู่หว่านฉิงมองหน้าสะใภ้อย่างเห็นใจ “คราวหน้าฉันจะพูดกับเขาเองจ้ะ ว่าอย่าทำงานหนักจนเกินไปนัก”
หลินเช่อและมู่หว่านฉิงเดินออกไปด้วยกันและเตรียมที่จะดื่มน้ำชา
หลินเช่อถามขึ้นว่า “ว่าแต่ คราวนี้ท่านประธานาธิบดีกับกู้จิ้ิ้งอวี่…ไม่ได้กลับมาบ้านกันหรือคะ”
มู่หว่านฉิงตอบ “จิ้งหมิงน่ะว่าจะมาแต่ก็เกิดติดงานสำคัญเข้าซะก่อน ส่วนจิ้งอวี่…เฮ้อ ถ้าเขาไม่อยากกลับมาก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันรู้ว่าเขาไม่อยากเจอหน้าฉันน่ะ”
หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ “คุณแม่คะ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ฉันเคยร่วมงานกับพี่จิ้งอวี่หลายครั้ง เขาอาจจะอยากเจอคุณแม่ก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างหัวแข็งแต่ก็เป็นคนจิตใจดีนะคะ”
มู่หว่านฉิงถอนหายใจอีก “ปีนั้นฉันเป็นฝ่ายผิดเองนั่นแหละจ้ะ ฉันรู้ดี ฉันรู้ว่าลูกๆ ของฉันทุกคนไม่ใช่คนเลวร้ายเลย พวกเขาเป็นเด็กดี ทั้งสามพี่น้องแม้จะมีลักษณะนิสัยแตกต่างกันไป แต่ทุกคนล้วนแต่หัวดื้อหัวรั้นกันทั้งนั้น”
หลินเช่อว่า “ฉันรู้ค่ะว่าฉันไม่ควรถามแต่…ฉันสนิทกับพี่จิ้งอวี่มาก เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนทำให้เขาไม่ยอมกลับมาบ้านอีกเลย”
มู่หว่านฉิงเล่า “ปีนั้น…ตอนที่เขายังเป็นนักเรียนอยู่ จิ้งอวี่มีแฟนน่ะจ้ะ ตอนที่พวกเขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน พวกเขาเข้ากันได้ดีมาก ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาเขาก่อนและจากที่ฉันได้ยินมา พื้นเพครอบครัวของหล่อนก็ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไร เราตัดสินคนจากความดีของเขาไม่ใช่จากพื้นฐานครอบครัว แต่ฉันก็ได้ไปรู้เข้าว่า ผู้หญิงคนนั้นเข้าหาจิ้งอวี่เพียงเพราะหวังเงินทองของเขา แล้วจะให้ฉันเห็นดีเห็นงามด้วยได้ยังไงล่ะจริงมั้ย ฉันทนดูจิ้งอวี่ถูกหลอกไม่ได้ ในตอนนั้นที่พวกเขาสองคนยังเด็กและไม่ยอมฟังใคร…ฉันจัดการแยกพวกเขาออกจากกัน ฉันจัดการไล่เด็กผู้หญิงนั่นไปด้วยเงินสองล้าน ถ้าไม่ได้หวังเงินแล้ว หล่อนก็น่าจะเลือกที่จะอยู่กับจิ้งอวี่สิ ทำไมหล่อนถึงได้เลือกเงินสองล้านและหนีไปล่ะ หล่อนควรจะปฏิเสธ แต่หล่อนกลับเต็มใจรับมัน”
หลินเช่อคิด มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย ให้ตายสิ…
หลินเช่อมองหน้าแม่สามี “แล้วพี่จิ้งอวี่เสียใจมากมั้ยคะ”
“แน่นอนจ้ะ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกหลอกอีกต่อไปแล้ว ถ้าเขามารู้ว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงหิวเงินหลังจากนั้นอีกสองสามปีล่ะ มันคงจะแย่ยิ่งกว่านี้ แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย เขายังต่อต้านหนักขึ้นไปอีกด้วยการไปเรียนการแสดงและกลายเป็นดารา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงได้มาช่วยงานของจิ้งเจ๋อที่บ้าน แล้วจิ้งเจ๋อก็คงจะไม่ต้องยุ่งเสียจนไม่มีเวลาให้เธอ เขาทำงานหนักจนฉันปวดใจแทนจริงๆ เฮ้อ”
หลินเช่อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน มู่หว่านฉิงจับมือของหญิงสาวไว้และก็รู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบทีเดียว เธอจึงรีบบอกหญิงสาวให้รีบกลับเข้าบ้าน
หลินเช่อมองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะคะคุณแม่ ที่อุตส่าห์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง ฉันรู้ดีค่ะว่าคุณแม่ไม่อยากเล่าให้คนอื่นฟัง”
“ใช่จ้ะ แต่เธอไม่ใช่คนอื่นนี่นา เธอเป็นลูกสะใภ้ของฉันและเป็นลูกสาวของครอบครัวนี้ ฉันยินดีเล่าทุกอย่างให้เธอฟังหมดนั่นแหละจ้ะ”
ลำคอของหลินเช่อตีบตัน เธอไม่อาจบอกออกไปได้ว่าการแต่งงานของเธอกับกู้จิ้งเจ๋อเป็นเพียงการแต่งงานจอมปลอมเท่านั้น
เธอจึงได้แต่เพียงแบกรับความรู้สึกผิดเอาไว้และจับมือมู่หว่านฉิงแน่นเข้า
มู่หว่านฉิงอยากให้เธอมีลูกในซักวันหนึ่งข้างหน้า แต่หล่อนกลับไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีวันเป็นไปได้ระหว่างเธอและกู้จิ้งเจ๋อ
เพราะกู้จิ้งเจ๋อรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร และได้ตกลงแล้วว่าจะไม่แตะต้องเธออีก
ต่อไปนี้ทั้งเธอและเขาจะปฏิบัติต่อกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แล้วจะมีลูกด้วยกันได้อย่างไร…
ที่ออฟฟิศของชายหนุ่ม บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมเสียจนทุกคนที่อยู่ในชั้นบนสุดของตึกแทบจะสติแตกไปตามๆ กัน