เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 252
Home เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก ตอนที่ 252 คราวหน้าตาเธอแล้วนะ
ตอนที่ 252 คราวหน้าตาเธอแล้วนะ
หลินเช่อทำได้เพียงแค่มองผู้เป็นยายด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนที่เธอจะเตะกู้จิ้งเจ๋อเข้าให้ซักป้าบ
ชายหนุ่มหัวเราะและพูดว่า “นี่เธอได้ยินหรือเปล่า ต่อไปเธอต้องกระตือรือร้นให้มากกว่านี้นะ คืนนี้ฉันจะคอยสอนให้เอง ถึงตาฉันเป็นฝ่ายตักตวงความสุขบ้างแล้ว”
“หุบปากไปเลยนะ!”
ชายหนุ่มยิ้มด้วยสีหน้าแบบจอมวายร้ายจนหลินเช่อนึกอยากจะตะกุยหน้าเขาเสียนัก
คุณยายหันมองไปรอบห้องและถามด้วยความแปลกใจว่า “นี่ห้องพักของฉันเหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ คุณยาย นอนพักที่นี่นะคะ พรุ่งนี้จะต้องผ่าตัด คุณยายคงจะอ่อนเพลียจากเรื่องไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นนอนพักเสียก่อนนะคะ”
“ตกลงจ้ะ ที่จริงพวกเธอสองคนไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ ฉันนอนที่ไหนก็ได้ แล้วก็ห้องนี้มันดูเหมือนจะใหญ่เกินไป แล้วฉันก็ไม่ได้ป่วยหนักอะไรมากมายด้วย ทำไมถึงไม่ให้ยายไปอยู่ห้องเล็กกว่านี้ล่ะ เผื่อว่ามีคนอื่นจำเป็นต้องใช้ห้องมากกว่า”
“อย่ากังวลไปเลยค่ะ ที่นี่มีห้องพักเยอะแยะ คุณยายไม่ต้องคิดมากนะคะ”
เมื่อเห็นยายของเธอนอนพักผ่อนแล้ว หญิงสาวก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนอีกครู่หนึ่ง
ตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่ในเมื่อพนักงานที่บริษัทของชายหนุ่มยังคงเตรียมพร้อมรอทำงานอยู่ เธอจึงต้องออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมเขา
กู้จิ้งเจ๋ออยากจะกลับบ้านพร้อมหญิงสาว แต่ด้วยความที่เขาโหมทำงานมาตลอดทั้งวัน และพนักงานทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าทิ้งงานไปด้วยเช่นกัน ทุกคนเริ่มทำงานกันตั้งแต่วันแรกของปี ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องกลับไปทำงานต่อให้เสร็จ ต่อให้ดึกดื่นเพียงใด เขาก็ยังต้องกลับไปส่งอีเมลและตอบกลับข้อความให้กับคู่ค้าในต่างประเทศต่อ
เมื่อเขากำลังจะกลับออกไป กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก เขาหันมองหลินเช่อและคว้าเธอมาจูบอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพูดว่า “ฉันน่าจะบีบคอเธอซะให้ตายจริงๆ สิน่า เอาแต่หาเรื่องให้ฉันโมโหอยู่เรื่อย”
หลินเช่อถามด้วยความงุนงง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันตรงไหนกันคะ…”
ชายหนุ่มส่ายหน้าและบอกว่า “เดี๋ยวพอฉันกลับมาฉันจะต้องลงโทษเธอ จะเอาให้ไม่ได้ลงจากเตียงซักสามวันเลย เอาละ ไปนอนได้แล้ว คืนนี้ฉันคงจะต้องทำงานโต้รุ่ง”
เมื่อได้เห็นเขาต้องทำงานหนัก หลินเช่อก็อดปวดใจไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขางานยุ่งมาก แต่เพราะเอาแต่คิดว่าจะต้องรักษาระยะห่างจากเขา ทำให้เธอไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
ก้อนหินหนักๆ ที่ทับอกเธออยู่ถูกยกออกไปแล้วในวันนี้ เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับโม่ฮุ่ยหลิงอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเธอจึงเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เธอจะต้องหันมาใส่ใจสามีของเธอในฐานะภรรยาแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อต้องใช้เวลาตลอดคืนนี้ชดใช้ให้กับความเอาแต่ใจของตัวเอง
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงยังไงงานพวกนี้ก็ต้องได้รับการจัดการให้เสร็จอยู่ดี และการทำมันซะตอนนี้ก็จะทำให้เขาทำมันได้เสร็จเรียบร้อยเร็วขึ้น
วันต่อมา หลินเช่อมารอที่โรงพยาบาลแต่เช้าตรู่เพื่อรอดูการผ่าตัดของคุณยาย
อวี๋หมินหมิ่นและหยางหลิงซินก็มารอฟังข่าวอยู่ด้วยเช่นกัน อวี๋หมินหมิ่นกวาดตามองโดยรอบโรงพยาบาลแล้วก็พูดกับหลินเช่อว่า “ที่นี่ใหญ่กว่าโรงพยาบาลที่ฉันแนะนำซะอีก ต่อไปฉันไม่ขอช่วยเธอแล้วละ ไปหากู้จิ้งเจ๋อเลยเหอะ”
เมื่อนึกถึงว่าเมื่อวานนี้เธอยังต้องพยายามจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่ โดยไม่มองหาให้ใครมาช่วย หญิงสาวก็หันไปบ่นกับผู้จัดการ “พี่อวี๋คะ ผู้หญิงเราน่ะต้องรู้จักพึ่งพาตัวเองนะคะ ฉันจะคอยเอาแต่พึ่งผู้ชายไปซะทุกเรื่องได้ยังไง แล้วก็ในบรรดาผู้หญิงเก่งทั้งหลาย ฉันก็รู้จักแค่พี่อวี๋คนเดียวเท่านั้น แล้วจะให้ฉันหันไปหาใครได้”
“โถ โถ โถ คุณนายกู้โทรมาขอร้องให้ฉันช่วยเนี่ยนะ ขืนใครได้ยินเข้าคงคิดว่าฉันน่ะยิ่งใหญ่ซะเต็มประดา”
หญิงสาวทั้งสองสนิทสนมคุ้นเคยกันจนพูดคุยหยอกล้อได้เป็นปกติ หยางหลิงซินที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “ข้างนอกนั่นไม่มีใครรู้เลยนะคะว่าพี่เช่อน่ะคือคุณนายกู้ นี่พอฉันมาคิดดูแล้วยังอดอัศจรรย์ใจไม่ได้เลย”
หลินเช่อตอบ “มีนักแสดงตั้งหลายคนที่ปิดเรื่องแต่งงานไว้เป็นความลับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรซักนิดจ้ะ”
อวี๋หมินหมิ่นถาม “เธอคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นใครล่ะเสี่ยวซิน เธอเองก็เพิ่งได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ไม่นาน จากอิทธิพลที่เขามีน่ะ ไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเขาไม่อยากให้ใครรู้จัก ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงไม่สามารถทำตัวให้โลว์โปรไฟล์มาได้ตั้งหลายปีขนาดนี้ ดูพวกคนที่อยู่รอบตัวเขานั่นสิ เธอเองก็คงรู้ว่าจะฝ่าด่านคนพวกนั้นเข้าไปน่ะไม่ใช่ของง่าย แล้วก็ไม่มีสื่อคนไหนที่กล้านำเสนออะไรเกี่ยวกับเขาโดยที่เขาไม่ยินยอม จริงมั้ยล่ะ”
หยางหลิงซินฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “เข้าใจแล้วละค่ะ พี่พูดถูกจริงๆ ด้วย กู้จิ้งเจ๋อเก็บตัวอยู่ตลอด ไม่เหมือนพวกเศรษฐีทั้งหลายที่ชอบโอ้อวดตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล”
ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อหันไปมองหลินเช่อ เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอิจฉาว่า “พี่เช่อ พี่เป็นคนจิตใจดีมาก เพราะแบบนี้พี่ถึงได้เจอสามีดีๆ แบบนี้นะคะ ฉันคิดว่าพวกพี่สองคนเหมาะสมกันมากเลยละ กู้จิ้งเจ๋อก็หล่อมาก ส่วนพี่เช่อเองก็สวยมาก”
ในสายตาของคนอื่นแล้ว ตำแหน่งคุณนายกู้นั้นควรจะได้มาอย่างหรูหราสง่างาม
แต่หลินเช่ออยากจะบอกว่า การเดินทางของเธอและเขานั้นเต็มไปด้วยเหตุบังเอิญประจวบเหมาะมากมายจนกระทั่งถึงตอนนี้ และเธอกับเขาก็ใช่ว่าจะลงรอยกันทุกเรื่องไป เพียงแต่ช่วงนี้ที่เริ่มจะเข้ากันได้ดีมากขึ้นเท่านั้นเอง
แต่คำพูดเหล่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปบอกคนอื่นให้รู้ เธอเก็บเอาไว้ในใจตัวเองก็พอ หรือต่อให้เธอพูดออกไป พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อเธออยู่ดี และคิดว่าเธอแค่มีเจตนาอยากจะโอ้อวดเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เธอเองก็คิดเหมือนกันว่าการเป็ณคุณนายกู้คือว่าหรูหราสุขสบาย แต่เมื่อได้เข้าสู่บ้านตระกูลกู้แล้ว เธอจึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเธอก็ได้รู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อนั้นต้องตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด
พี่น้องทั้งสามคนของเขาล้วนมีทางเดินชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็สร้างหนทางของตัวเองขึ้นด้วยการทำงานหนัก ไม่มีใครได้นั่งเป็นคุณชายสบายๆ เลยซักคน
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มให้หยางหลิงซิน “เธอยังเด็กนัก ความรู้สึกพวกนี้คงจะคับอกอยู่ละสินะ ถ้าเธอชื่นชมเขาจริงๆ ฉันจะช่วยให้เธอหาทางบอกเขาให้เอามั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อวี๋ ฉันแค่ชื่นชมเขาอยู่ในใจเท่านั้น ว่าแต่แล้วทำไมวันนี้กู้จิ้งเจ๋อถึงไม่มาด้วยล่ะคะ”
เด็กสาวเหลียวมองไปรอบๆ อย่างสงสัย และได้เห็นเพียงคนของชายหนุ่มที่ยืนดูแลความปลอดภัยอยู่เท่านั้น
แต่ไม่มีแม้แต่เงาของเขา
หลินเช่ออธิบายว่า “มีงานด่วนเข้ามาเมื่อคืนน่ะ เขาก็เลยต้องทำงานโต้รุ่ง วันนี้เขาก็ยังไม่ได้กลับบ้าน ฉันก็เลยคิดว่าวันนี้เขาคงไม่มาหรอกจ้ะ”
หยางหลิงซินอดผิดหวังไม่ได้ เธอบอกว่า “มิน่าล่ะ เขาคงจะยุ่งมากสินะคะ นี่เขาทำงานทั้งคืนเลยหรือคะนี่ ถ้างั้นเขาก็ควรจะนอนพักนะคะวันนี้”
หลินเช่อไม่ได้สนใจฟังอีก เธอเงยหน้ามองแสงไฟที่หน้าห้องผ่าตัด นี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่การผ่าตัดก็ยังไม่เสร็จสิ้น
เมื่อผ่านไปอีกครู่ คุณหมอก็เดินออกมาจากห้อง
หลินเช่อรีบพุ่งเข้าไปหา
นายแพทย์ผู้ผ่าตัดแจ้งด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “คุณนายกู้ครับ ติ่งเนื้อถูกตัดออกไปหมดเรียบร้อยแล้ว เชิญเข้ามาดูได้”
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการนำเสนอผลการผ่าตัดกับญาติคนป่วย แม้หลินเช่อจะไม่ค่อยกล้ามองซักเท่าไหร่ แต่หญิงสาวก็ยังเข้าไปดูใกล้ๆ แม้ว่าจะไม่เข้าใจนักว่าตัวเองกำลังมองดูอะไรอยู่
หมอเจ้าของไข้พูดต่อไปว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จดี เราจะนำชิ้นเนื้อไปตรวจสอบต่อไป”
หลินเช่อถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ”
“ไม่เลยครับ ต้องขอบคุณคุณและคุณนายกู้ต่างหากที่ให้ความไว้วางใจในโรงพยาบาลของเรา เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเลยครับ”
ไม่ช้าคุณยายก็ถูกส่งตัวกลับมายังห้องพัก แม้จะเป็นเพียงการผ่าตัดเล็กๆ แต่ด้วยอายุของท่านแล้วจึงทำให้หญิงชรายังไม่ฟื้น หลินเช่อจับมือคุณยายไว้แน่นและคิดว่านี่เป็นเพียงญาติคนเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่ พ่อของเธอไม่ต้องการเธอ ส่วนแม่ก็ด่วนจากไปนานแล้ว เธออยู่คนเดียวมาโดยตลอดจนกระทั่งผู้เป็นยายปรากฏตัวขึ้นมา และตอนนี้ท่านเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ เมื่อหันไปมองยาย หลินเช่อก็ได้แต่คิดว่าเธอจะต้องเข้มแข็งให้มากขึ้น ชีวิตเธอจะต้องไม่ลงเอยแบบเดียวกับแม่ที่ไม่อาจทำแม้กระทั่งจะปกป้องคนที่ตัวเองรักได้
เธอต้องทำงานให้หนักกว่านี้
หลังจากนั่งเฝ้าอยู่พักใหญ่ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก
ใครบางคนพูดขึ้นว่า กู้จิ้งเจ๋อมาถึงแล้ว