เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 275
สายตาของกู้จิ้งเจ๋อกวาดมองทุกคนโดยทั่วหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจจะพิจารณาดูซักเท่าไหร่นัก
หลินเช่อไม่คิดเลยว่าพ่อของเธอจะเด็ดขาดขนาดนี้
หลินลี่มองหน้าหันไฉ่อิงแล้วก็คิดว่าผู้เป็นพ่อน่าจะเพียงแค่ขู่เธอเท่านั้น
แต่การที่หลินโหย่วไฉทำตัวพินอบพิเทาต่อหน้าหลินเช่อมากขนาดนั้น ก็ทำให้หลินลี่ไม่พอใจอยู่ดี
เธอถอยออกไปยืนอยู่ข้างมารดาที่กำลังยืนตะลึง หันไฉ่อิงกำลังมองหน้าหลินโหย่วไฉ และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดว่า “คุณ…คุณต้องการหย่ากับฉันงั้นเรอะ ตลอดเวลาหลายปีฉันเสียสละให้ครอบครัวนี้ตั้งมากมายขนาดไหน แล้วพอมาตอนนี้คิดจะเขี่ยฉันทิ้งงั้นเหรอ ฉันไม่หย่า”
หลินโหย่วไฉถอยไม่ได้แล้ว เขามองหน้าหันไฉ่อิงและสั่งการสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยเสียงเฉียบขาด “พวกแกยังจะยืนทื่อกันอยู่ทำไมล่ะ เข้าไปเก็บข้าวของของนังแพศยานี่ แล้วก็เอาโยนออกไปให้หมดได้แล้ว!”
สาวใช้รีบลนลานเข้าไปทำตามคำสั่งด้วยความกลัว หันไฉ่อิงเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ หล่อนรีบคร่ำครวญหวนไห้และอ้อนวอนเขา
แต่หลินโหย่วไฉผลักหล่อนออกไปและหันไปพูดกับหลินลี่ว่า “แล้วแกยังจะมัวยืนมองอะไรอีกล่ะ ไปจัดการเก็บข้าวของของแม่แกสิ”
หลินลี่ไม่กล้าลังเลต่อไป เธอรีบพยุงหันไฉ่อิงและลากตัวมารดาออกไปจากตรงนั้น หันไฉ่อิงเอาแต่เหลียวหลังกลับมามอง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นอีก
หลินโหย่วไฉมองเธอถูกพาตัวออกไป และรีบพูดกับกู้จิ้งเจ๋อ “ท่านประธานกู้ครับ หวังว่าท่านจะไม่ถือสานะครับ แม่นี่เหมือนผีเจาะปากมาให้พูดทั้งนั้น ไม่ได้เป็นเจตนาของผมเลย หลินเช่อเป็นลูกสาวผม ผมเองก็ดีกับเธอมาโดยตลอด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นฝีมือของภรรยาผมทั้งนั้น ผมเองก็อดทนมานาน แต่คราวนี้เธอล้ำเส้นมากเกินไป ผมจะไม่มีทางยกโทษให้เลยที่เธอพูดถึงหลินเช่อแบบนั้นนะครับ”
กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้สนใจจะฟัง เขาเพียงแต่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมเองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องครอบครัวของคุณนัก ต่อให้อีกสองสามวันหล่อนกลับเข้ามาอยู่ในบ้านนี้อีกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ถึงแม้ว่ากู้จิ้งเจ๋อจะพูดเช่นนั้น แต่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นน่าขนลุกขนาดนี้ เขาจะกล้าพาหล่อนกลับเข้ามาอยู่ในบ้านได้ยังไงล่ะ
หลินโหย่วไฉรีบบอก “ไม่มีทาง ไม่มีทาง ที่ผมไล่เธอออกไปนี่ก็นับเป็นเรื่องดีแล้ว ผู้หญิงจิตใจโสมมแบบนี้ไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลินอีกต่อไป”
กู้จิ้งเจ๋อเลิกสนใจเขาและหันมาหาหลินเช่อและคุณยาย “แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่นี่”
เมื่อหลินโหย่วไฉได้ยินก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที “จริงสิ คุณอยากรู้สาเหตุการตายของแม่หลินเช่อนี่นา ผมยังมีบันทึกการรักษาจากโรงพยาบาลตอนนั้นเก็บเอาไว้อยู่”
หลินโหย่วไฉส่งคนขึ้นไปค้นเอาเอกสารมา ไม่ช้าสาวใช้ก็ยกกล่องเก็บเอกสารมาให้
คุณยายมองดู ก่อนที่จะเอื้อมมืออันสั่นเทาไปเปิดกล่อง
หลินโหย่วไฉถอนหายใจและพูดว่า “แม่ของหลินเช่อเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและอ่อนหวาน เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก แต่สวรรค์ไม่เมตตาเลย หลังจากที่คลอดหลินเช่อแล้ว เธอก็กระดูกหัก แล้วหลังจากนั้นก็ต้องทนเจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เป็นสิบปี ก่อนที่สุดท้ายเธอจะทนไม่ไหวและจากโลกไป”
ใช่ หลินเช่อยังจำเหตุการณ์ในปีนั้นได้ ร่างกายของแม่อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก และคนตระกูลหลินก็เอาแต่ควรรบกวนกลั่นแกล้งเธอ จึงไม่มีทางเลยที่ร่างกายจะฟื้นฟูจนหายดีเป็นปกติได้
ถึงมารู้ตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แต่อย่างน้อย การได้เห็นเอกสารเหล่านี้และได้รู้ถึงสาเหตุการตายของลูกสาว ก็ทำให้จิตใจของคุณยายได้คลายความทุกข์ลง
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองหลินโหย่วไฉที่โค้งคำนับให้อย่างนอบน้อมและส่งแขกทั้งหมดออกจากบ้าน ก่อนที่เขาจะพาหลินเช่อและคุณยายกลับมาบ้าน
หยางหลิงซินที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลังรีบวิ่งตามมา เธอมองดูบอดี้การ์ดในชุดดำที่ยืนเรียงแถวอย่างทึ่งในความเป็นมืออาชีพ เด็กสาวมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรีบเร่งฝีเท้าตามไป แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถคันเดียวกับกู้จิ้งเจ๋อ เธอจึงขึ้นรถอีกคันและตามพวกเขาไป
หลินโหย่วไฉมองดูกลุ่มคนทั้งหมดออกไปบ้านไปท่ามกลางเสียงดังวุ่นวาย ก่อนที่เขาจะระบายลมหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอกในท้ายที่สุด
ที่ในบ้าน หันไฉ่อิงยังคงยืนกรานที่จะอยู่
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ หลินโหย่วไฉ ฉันอยู่กับคุณมาตั้งหลายปีแล้วนะ คุณจะมาทำกับฉันง่ายๆ แบบนี้เพราะว่ากลัวไม่ได้ กู้จิ้งเจ๋อนี่ใหญ่โตกว่าคุณซักแค่ไหนกัน ก็แค่มีเงินนิดหน่อย ทำไมถึงได้กลัวจนหัวหดขนาดนี้นะ”
หลินลี่หันมองผู้เป็นแม่และบอกว่า “พ่อคะ ไล่แม่ออกจากบ้านแบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือคะ แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้ปล่อยให้นังหลินเช่อมันชนะได้ล่ะ”
หลินโหย่วไฉมองดูทั้งแม่และลูกสาวก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้า “พวกเธอสองคนยังจะกล้าปากดีอีกนะ ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่ากู้จิ้งเจ๋อน่ะโหดเ**้ยมแค่ไหน พวกเธอคิดว่าเขาเป็นนักบุญหรือไงกัน แล้วยังจะมีหน้าไปบอกว่าจะจัดการเขาอีกต่างหาก ด้วยอิทธิพลของเขาน่ะ ไม่มีใครสามารถแตะต้องเขาได้หรอก”
“ถ้างั้นแล้วพวกเราล่ะ…” หันไฉ่อิงหันมองสามีเป็นเชิงถาม
หลินโหย่วไฉว่า “ในเมื่อฉันบอกไปแล้วว่าจะหย่ากับเธอ เธอก็ต้องเซ็นใบหย่า”
เขาจะกล้าโกหกกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไงกันล่ะ
“อะไรนะ คุณมีสิทธิ์อะไร ฉันไม่เซ็น! ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!”
หลินโหย่วไฉคำราม “ไม่ยอมเซ็นงั้นเหรอ นั่นหมายความว่า พอถึงเวลาที่ตระกูลหลินไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว พวกเธอจะต้องออกไปเป็นขอทานข้างถนนกันนะ โชคดีแค่ไหนแล้วที่เธอเป็นแม่ของหลินลี่ ฉันยังพอจะมีเงินทองให้เธอใช้บ้าง แต่ถ้าเกิดตระกูลหลินล่มจมไปจนไม่เหลืออะไรละก็ เธอรอออกไปนั่งขอทานริมถนนได้เลย”
หันไฉ่อิงนั่งนิ่ง ร้องห่มร้องไห้และปาดน้ำตา เธอเกลียดหลินเช่อเข้ากระดูกดำ
กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อและคุณยายกลับมาถึงวิลล่า
คุณยายฟังหลินเช่ออ่านเอกสารการวินิจฉัยโรค ร่างกายของลูกสาวเธออ่อนแอเกินไป และวิธีการรักษาในเวลานั้นก็ไม่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ เธอจึงค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการประคับประคองชีวิตไปทีละน้อย
คุณยายพยักหน้าและถอนหายใจ พูดว่า “มันคือโชคชะตาละนะ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้พักอย่างสงบ แล้วก็ได้เห็นหลานได้มีชีวิตที่ดี”
คุณยายพูดต่อไปอีกว่า เธออยู่ที่นี่มานานพอแล้วและเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
หลินเช่อแทบทนไม่ได้ที่จะต้องจากกัน คุณยายบอกเธอว่า หลินเช่อสามารถไปเยี่ยมได้เสมอถ้ามีเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีทุกอย่างสะดวกสบายเหมือนเมืองใหญ่ แต่ก็มีภูเขา แม่น้ำและอากาศบริสุทธิ์
หลินเช่อจำได้ว่ากู้จิ้งเจ๋อบอกว่าจะจัดการส่งคนไปดูแลคุณยายให้
อีกอย่าง เมื่อคุณยายอยู่ที่นี่ ท่านก็ไม่รู้จักใครอื่นอีกนอกจากเธอ ไม่ว่าเมืองบีจะสะดวกสบายพรั่งพร้อมแค่ไหน แต่คุณยายก็เริ่มที่จะเบื่อหน่ายแล้ว ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงยอมจัดการตระเตรียมเที่ยวบินสำหรับเดินทางกลับให้ท่าน
กู้จิ้งเจ๋อสั่งคนของเขาให้รับหน้าที่นี้ไป ส่วนหยางหลิงซินช่วยดูแลคุณยายอยู่ตลอดเวลา
หยางหลิงซินมองดูหลินเช่อและพูดว่า “ท่านประธานกู้เท่มากเลยนะคะวันนี้ เขาจัดการคนพวกนั้นซะอยู่หมัดเลย”
หลินเช่อตอบ “ใช่จ้ะ ฉันเองก็ไม่คิดเลยว่าคุณพ่อจะกล้าขอหย่าแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้กลัวกู้จิ้งเจ๋อนัก”
“ก็แน่นอนว่าเพราะท่านประธานกู้ดีกับพี่นี่คะ พี่ถึงไม่กลัวเขา แต่สำหรับคนอื่นน่ะไม่เหมือนกัน”
“อืม…” หลินเช่อคิดถึงเรื่องนี้ แต่เวลาที่เขาไม่ได้ดีกับเธอ เธอก็ไม่เคยกลัวเขาเหมือนกัน พอมานึกย้อนกลับไปแล้ว หญิงสาวก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองกล้าหาญชาญชัยไม่น้อยเลยทีเดียว