เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 286
สายตาของหยางหลิงซินกวาดมองไปทั่วตู้ จากทางด้านหลัง อวี๋หมินหมิ่นดึงเอาชุดสีเหลืองตัวหนึ่งออกมา “ฉันว่าตัวนี้ดูดีนะ มีคลาส ดูหรูแต่ไม่สะดุดตามาก น่าจะเหมาะสำหรับใส่ไปเจอครอบครัว”
หลินเช่อหันไปมองแล้วก็คิดว่ามันดูไม่เลวเหมือนกัน เธอรีบลองสวมทันที
ชุดสีเหลืองตัวสั้นนั้นทำให้เธอยิ่งดูสดใสขึ้นไปอีก อวี๋หมินหมิ่นยืนยิ้มอยู่ทางด้านหลังและบอกว่า “อันที่จริงเธอเป็นคนสวย เพราะฉะนั้นใส่อะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผิวของเธอสวยมากแบบนี้ด้วย”
หยางหลิงซินยิ้มและมองอีกฝ่าย “จริงค่ะพี่เช่อ พี่สวยมาก ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมกู้จิ้งเจ๋อถึงได้รักพี่นัก”
อวี๋หมินหมิ่นแย้งมาจากทางด้านหลังว่า “ท่านประธานกู้รักหลินเช่อก็เพราะว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน อีกอย่าง ท่านประธานกู้ก็ชอบเธอมากด้วย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับว่าสวยหรือไม่สวยหรอก”
เมื่อหยางหลิงซินได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดว่า “ฉันขอโทษค่ะ พี่เช่อ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
หลินเช่อหัวเราะ “ไม่ต้องซีเรียสไปหรอกน่า เราแค่คุยกันขำๆ เท่านั้นเอง”
หลังจากเลือกเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่ทั้งสามจะออกจากบ้าน ที่ด้านนอก หลินเช่อเรียกคนให้นำรถไปส่งคนทั้งสอง ส่วนเธอเองก็เดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย
หยางหลิงซินและอวี๋หมินหมิ่นขึ้นรถของบอดี้การ์ดและออกจากบ้านไป หยางหลิงซินเหลียวกลับมามองคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ค่อยๆ ทิ้งห่างออกไปทุกที เธอจ้องมองมันอยู่อย่างนั้นนานทีเดียว
ที่ภัตตาคาร
กู้จิ้งเจ๋อไปถึงก่อน และได้เห็นกู้จิ้งเหยียนที่นั่งรออยู่แล้ว แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ และก็ไม่ใช่ลู่เป่ยเฉิน แฟนหนุ่มของหล่อน แต่กลับเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เขารู้สึกว่าคุ้นหน้า
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองหล่อนและร้องทักน้องสาวว่า “จิ้งเหยียน”
กู้จิ้งเหยียนลุกขึ้นและบอกว่า “พี่รอง มาเร็วจังค่ะ แล้วพี่สะใภ้ล่ะคะ”
“ยังมาไม่ถึงน่ะ” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีกและนั่งลง
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างกู้จิ้งเหยียนเอาแต่จ้องเขาไม่วางตา เมื่อเงียบกันไปพักหนึ่ง หล่อนก็พูดขึ้นว่า “โอ๊ย พี่จิ้งเจ๋อ นี่พี่จำฉันไม่ได้เหรอคะ เจอหน้าฉันก็ไม่เห็นทักทาย”
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมอง “เธอคือ…”
หญิงสาวผู้นั้นพูดอย่างน้อยใจว่า “พี่ลืมฉันไปแล้วจริงๆ สินะ ตอนเรายังเด็กๆ น่ะฉันไปเล่นที่บ้านพี่อยู่เป็นประจำ!”
กู้จิ้งเหยียนหัวเราะและอธิบายว่า “พี่รองคะ นี่ลู่ชูเซี่ย น้องสาวของเป่ยเฉิน พี่จำไม่ได้หรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อนึกออกทันที “เธอนี่เอง”
“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าพี่ลืมฉันแล้วจริงๆ ซะอีก” ลู่ชูเซี่ยหัวเราะ มองดูชายหนุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อรู้แล้วว่าหล่อนเป็นใคร กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่ได้มองเธอด้วยสายตาเย็นชาอีกต่อไป เขายิ้มและพูดว่า “ฉันจะลืมได้ยังไงล่ะ ก็เธอเป็นผู้ช่วยชีวิตของฉันนี่นา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “แหม ยังดีที่จำได้นะ!”
แล้วกู้จิ้งเหยียนก็จำได้ “โอ้ จริงด้วยสิ ฉันจำได้ตอนที่เราไปมหาสมุทรอาร์คติคด้วยกัน แล้วก็ไปเจอกับพวกทหารที่ซุ่มโจมตี ตอนนั้นอันตรายมาก แล้วชูเซี่ยก็ช่วยผลักพี่ลงไปในน้ำเพื่อไม่ให้โดนยิงตาย”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มน้อยๆ และพยักหน้า “ใช่แล้วละ”
กู้จิ้งเหยียนยังเล่าต่อไปอีกว่า “หลังจากนั้น การรักษาความปลอดภัยก็เข้มงวดขึ้นทันที แล้วพวกเธอก็แทบจะสูญเสียอิสรภาพไปเลย แต่จะว่าไปตอนนั้นมันก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ จะเป็นการดีกว่าถ้าจะมีคนไปด้วยหลายๆ คน”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ขอบใจมาก แต่ตอนนั้นเราก็ยังเด็กกันมากจริงๆ ตอนนี้เธอโตขึ้นเยอะจนฉันจำไม่ได้เลย ต้องขอโทษด้วย”
“ใช่ค่ะ เราไม่ได้เจอกันหลายปีทีเดียว ฉันไม่ใช่คนเดียวหรอกนะที่เปลี่ยนไปน่ะพี่เองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน ฉันเพิ่งคุยกับจิ้งหยางอยู่เมื่อครู่นี้เองว่าพี่เป็นยังไงบ้าง …ไม่คิดเลยว่าพี่จะแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่โม่ฮุ่ยหลิง”
สายตาเธอจับจ้องมาที่ใบหน้าเขา เพ่งมองอย่างลึกซึ้งจริงจัง
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ไม่มีอะไรมั่นคงถาวรหรอก”
“แต่ฉันได้ยินจิ้งหยางเล่าว่า พี่ถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานไม่ใช่เหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อเพียงแต่ยกแก้วชาขึ้นจิบเงียบๆ และตวัดสายตามองผู้เป็นน้องสาว
จิ้งหยางรีบแก้ตัวพัลวัน “แหม ฉันก็ต้องเอาใจน้องสามีหน่อยสิคะ”
ลู่ชูเซี่ยยิ้มและพูดว่า “ใช่ เรากำลังจะมาเป็นทองแผ่นเดียวกันในอนาคตแล้วนะ”
แต่ชายหนุ่มกลับผุดลุกขึ้น “ฉันจะออกไปดูหน่อยนะว่าหลินเช่อมาหรือยัง”
หญิงสาวทั้งสองมองกู้จิ้งเจ๋อลุกจากโต๊ะไป ลู่ชูเซี่ยก็หันมาพูดว่า “พี่รองของเธอดูจะไม่อยากเจอฉันซักเท่าไหร่เลยนะ”
กู้จิ้งหยางแปลกใจ “จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไงกันล่ะ พี่รองก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว อย่างกับเธอไม่รู้งั้นแหละ”
“ฉันก็รู้ แต่…พี่สะใภ้เธอเป็นดาราเหรอ” หล่อนถาม
กู้จิ้งหยางตอบ “ใช่แล้วละ เป็นดารา ทำไมเหรอ”
ลู่ชูเซี่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไม่คิดว่าครอบครัวเธอจะยอมให้พวกเขาแต่งงานกันจริงๆ น่ะ”
“บ้านฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้นี่นา แล้วพี่รองก็มีเงื่อนไขพิเศษด้วย พี่สะใภ้ของฉันเป็นคนดีมาก พวกเรารักเธอกันทุกคน หลังจากที่เธอแต่งงานเข้ามา ที่บ้านเราก็มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ พี่รองก็ดูกระตือรือร้นมากขึ้นด้วย” กู้จิ้งหยางชอบหลินเช่อมาจนพร่ำชมไม่ขาดปาก
“ฉันจำได้แค่ว่ากู้จิ้งเจ๋อกับโม่ฮุ่ยหลิงคบกันมานานมาก แล้วฉันก็คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์และไม่มีวันที่จะทิ้งหล่อนไปได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะแต่งงานกับคนอื่น เห็นได้ชัดเลยนะว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับหล่อนจริงจังขนาดนั้น”
“ตกลงนี่เธอพยายามจะพูดอะไรกันแน่” กู้จิ้งหยางถามพลางมองหน้าอีกฝ่าย
ลู่ชูเซี่ยตอบ “ถ้าฉันจะบอกเธอว่า ฉันจะตามตื๊อพี่รองของเธอล่ะ”
“โอ๊ย ลืมไปได้เลย” กู้จิ้งหยางสำลึกเครื่องดื่ม “พี่รองน่ะหัวเก่าออกขนาดนี้เธอยังจะบอกว่าจะตามตื๊อเขางั้นเหรอ เธอจะบ้าหรือไง อีกอย่างเขาก็แต่งงานมีภรรยาแล้วด้วยนะ”
“นั่นไม่ใช่รักแท้นี่นา เดี๋ยวพวกเขาก็หย่ากันเข้าซักวันนั่นแหละ เราทุกคนต่างก็มีอิสระที่จะรัก และวันนี้ก็ไม่ใช่วันแรกที่ฉันนึกชอบพี่ชายเธอ ฉันแค่ไม่เคยมีโอกาสเท่านั้นเอง ตอนนี้เขาเลิกกับโม่ฮุ่ยหลิงแล้ว ทำไมเขาถึงจะไม่เลือกฉันล่ะ อีกอย่าง เราต่างก็มีสถานะเท่าเทียมกัน เรารู้จักคุ้นเคยกันดี ดีกว่าผู้หญิงแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน จริงมั้ยล่ะ”
กู้จิ้งเหยียนส่ายหน้า “ตามใจเถอะ แต่ฉันแน่ใจได้เลยว่าเธอไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”
“เธอจะรู้ได้ยังไง มันต่างจากเธอและพี่ชายฉันตรงไหนกัน เธอเองก็เคยคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วดูตอนนี้สิ พวกเธอกำลังจะได้แต่งงานกันแล้วนะ”
กู้จิ้งเหยียนชะงัก หน้าตึง ยิ้มไม่ออกอยู่พักใหญ่
ลู่ชูเซี่ยพูดต่อ “เอาละค่ะ คุณพี่สะใภ้คะ ไม่ว่าพี่ชายฉันจะเคยมีแฟนมากี่คนนั่นก็ถือว่าเป็นอดีตไปแล้ว อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ”
กู้จิ้งเหยียนได้แต่เงยหน้ามองอีกฝ่าย “แต่บางคนก็ไม่มีวันกลายเป็นอดีตหรอกนะ ตอนนี้เธออาจจะไม่เข้าใจ แต่อีกหน่อยเธอต้องเข้าใจแน่”
ลู่ชูเซี่ยว่า “ความพยายามของมนุษย์เป็นเรื่องของการตัดสินใจ และนี่ก็เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมด้วย”
หล่อนหันมองนาฬิกา “ชักจะมืดแล้ว ฉันไปก่อนละ ไม่อยากอยู่รบกวนเวลาทานข้าวของพวกเธอ”
กู้จิ้งเหยียนมองดูลู่ชูเซี่ย เธอเข้าใจดีว่าผู้หญิงแบบนี้มักจะมีความมั่นใจในตัวเองสูง
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเธอไม่เคยพ่ายแพ้กับอะไรมาก่อนตั้งแต่เด็กๆ อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจที่มากเกินไป การแสดงออกที่มากเกินไป…ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดี แต่คำเตือนที่เธอให้กับลู่ชูเซี่ยก็อาจจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ไม่ว่าคนมีประสบการณ์คนไหนก็เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ เพราะลู่ชูเซี่ยไม่เคยเผชิญหน้ากับกำแพงที่เธอคิดว่าเอาชนะไม่ได้นั่นเอง
กู้จิ้งเหยียนจึงพูดออกไปว่า “เธออยากจะตามตื๊อพี่ชายฉันใช่มั้ย เธอเคยเห็นพี่สะใภ้ของฉันหรือยัง”
“ไม่เคยหรอก แต่หล่อนจะหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องกังวลนี่จ๊ะ ฉันสนแต่พี่รองของเธอเท่านั้น ไม่ใช่หล่อนซักหน่อย”
ลู่ชูเซี่ยคว้ากระเป๋าและหมุนตัวเดินออกไป