เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 299
หลินเช่อถูกรั้งตัวกลับมา
คุณยายมองหนุ่มสาวทั้งสองแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะรีบเปิดประตูและเดินออกไป
“ค…คุณยายคะ…” หลินเช่อมองผู้เป็นยายที่รีบผลุบหนีไปเสียอย่างงั้น ชายหนุ่มฉุดข้อมือเธอเอาไว้ ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องยอมถอยกลับมาหาแต่โดยดี เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
ร่างบอบบางถูกสวมกอดไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง เขาก้มลงมองเธอ หลินเช่อไม่มีทางขยับตัวเพื่อหนีได้เลย
“นะ…นี่คุณกำลังจะทำอะไรคะ” หลินเช่อหันมองไปด้านนอกอย่างหวาดๆ คุณยายยังเดินไปมาอยู่ข้างนอกนั่น ถ้าท่านหันมาเห็นเขากำลังกอดเธออยู่แบบนี้มันคงจะ…น่าอายมากทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมองแล้วขมวดคิ้ว “เธอกำลังหนีอะไรน่ะ นี่ฉันน่ากลัวถึงขนาดที่เธอจะต้องรีบเผ่นหนีขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉะ ฉะ ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ” หลินเช่อรีบตอบ “ฉันไม่ได้หนีซะหน่อย ฉันก็แค่อยากจะไปช่วยคุณยายเท่านั้นเอง”
“ไม่ได้หนีเหรอ ตั้งแต่ฉันมาถึงที่นี่ เธอก็เอาแต่พยายามจะเลี่ยงฉันอยู่นั่นแหละ บอกฉันมาตรงๆ ดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆ เธอถึงหลบหน้าฉันแบบนี้” กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ชายหนุ่มจึงก้มลงถามหลินเช่อ
ภายใต้สายตาเฉียบคมคู่นั้น หญิงสาวรู้สึกได้เลยว่าเธอไม่มีทางที่จะหนีเขาพ้น หลินเช่อจึงนั่งไขว้ขาอย่างลังเล ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
“ฉันไม่ได้หนีค่ะ ฉันก็แค่เบื่อที่จะอยู่บ้าน ก็เลยโทรหาคุณยาย ฉันคิดถึงท่าน แล้วก็เลยอยากจะมาหาท่านที่นี่”
หลินเช่อหลบตาอีกฝ่ายตลอดเวลาที่พูด
ก็จะให้เธอบอกได้ยังไงล่ะว่า เป็นเพราะเธอเห็นข่าวของเขากับผู้หญิงคนอื่นน่ะ
จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าเธอน้อยใจหรือแม้กระทั่งหึงหวง
อันที่จริง เขาก็ยังไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลยซักนิด
เธอเองนั่นแหละที่ปั่นป่วนไปเอง แล้วก็บอกเขาถึงความรู้สึกอึดอัดพวกนี้ไม่ได้
กู้จิ้งเจ๋อยังจ้องเขม็งด้วยสีหน้าที่เริ่มจะเป็นกังวล
ชายหนุ่มหรี่ตา แล้วอยู่ๆ ปลายนิ้วเขาก็จับที่คางเธอไว้แน่น
“เธอยังไม่ยอมพูดความจริงนะ!”
เขาพูดเสียงดุดัน ก่อนจะจูบเธอเพื่อเป็นการลงโทษ
หลินเช่อตกใจสุดขีด คุณยายยังอยู่ข้างนอก แล้วก็อาจจะเดินกลับเข้ามาตอนไหนก็ได้ ทำเอาหญิงสาวตื่นตระหนกและเริ่มระดมกำปั้นทุบหน้าอกเขาไม่ยั้ง
ลิ้นเธอพยายามหลีกหนีการโจมตีของเขา พลางมองหาช่องทางที่จะหลุดพ้นจากอ้อมกอด
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเห็นว่าเชลยอาจหาญที่จะคิดหนี เขาก็ยิ่งโกรธจัดกว่าเดิมและขบริมฝีปากเธอ
หลินเช่อร้องขึ้นว่า “เราทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ…กู้จิ้งเจ๋อ…คุณยาย…”
น้ำเสียงของชายหนุ่มแหบพร่าขึ้น
เขารู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังดิ้นรน และนั่นทำให้ยิ่งยากสำหรับเขาที่จะระงับความผ่าวร้อนที่แล่นขึ้นมาเป็นระลอกทั่วร่าง
ก่อนหน้านี้หลินเช่อได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่ได้แตะต้องเธอมาหลายวัน หลังจากนั้นเขาก็ต้องออกนอกเมืองเพื่อไปทำงานอีก ชายหนุ่มจึงไม่ได้แตะต้องเธอมาหลายวัน ตอนนี้ร่างกายเขาจึงยิ่งกว่าพร้อมเสียอีก
ขณะที่กำลังกอดเธออยู่นี้ กู้จิ้งเจ๋อก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาด้วยเหมือนกัน แล้วจะให้เขาต้านทานได้อย่างไรไหว
เขาก้มศีรษะลงไป จ้องมองเธอไม่วางตา และบอกว่า “บอกฉันมา ยังจะกล้าคิดหนีอีกเหรอ”
“เปล่าค่ะ…ฉันไม่กล้า” คนที่รู้จังหวะที่เหมาะสมคือคนฉลาด เธอไม่โง่พอที่จะลองดีกับเขาตอนนี้หรอก
กู้จิ้งเจ๋อจ้องหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าเขม็งและไม่ค่อยจะเชื่อถือคำพูดของเธอเท่าไหร่ ถ้าหลินเช่อคิดจะทำตัวเชื่อฟังแต่โดยดี คงจะต้องมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเสียก่อนละมัง
แต่เมื่อเขาหันออกไปมองด้านนอก เขาก็รู้ว่าไม่มีเวลาเหลือแล้ว ในห้วงเวลาแห่งความปรารถนาเช่นนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะอดทนเอาไว้ได้
เขาก้มหน้าลง ขบริมฝีปากเธอและจูบเธออีกครั้ง หลังจากยั่วเย้าจนเป็นที่พอใจอีกรอบแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอมคลายอ้อมกอด เขาช่วยเธอจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่และยกนิ้วขึ้นแตะจมูกเธอ “ถ้าคราวหน้าเธอกล้าโกหกฉันอีกละก็ คอยดูแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
ปากหลินเช่อแดง ใบหน้าก็แดงก่ำเมื่อหันไปมองเขา
ถ้านี่เป็นการลงโทษสำหรับการทำผิดของเขาละก็…คงจะมีผู้หญิงอีกนับไม่ถ้วนแน่ที่ยินดีจะทำผิดเพื่อเขา
จูบนี้มันชวนให้มึนเมาเกินไปแล้ว…
แต่คุณยายยังอยู่ข้างนอก และผนังนี่ก็คงไม่เก็บเสียงซักเท่าไหร่ หลินเช่อกลัวว่าตัวเองจะเผลอส่งเสียงดังเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้และจะมีคนได้ยินเข้า ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงอายเสียไม่มีดีแน่
ขอบคุณที่คุณยายเหมือนจะไม่ได้ยินอะไร หญิงสาวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อ
ครู่หนึ่งต่อมา คุณยายก็ร้องเรียกมาจากข้างนอกว่า “เสี่ยวเช่อ จิ้งเจ๋อ ออกมากินข้าวเถอะ”
คุณยายไม่ใช่คนชอบพูดมาก เธออาจจะแก่แล้วก็จริง แต่เธอก็รู้จักโลกดี
ไม่ว่าทั้งสองคนจะทำอะไรกันอยู่ในบ้าน เธอก็รู้ดีว่าไม่ควรที่จะผลุนผลันโผล่เข้ามา และเมื่อทำอาหารเสร็จ เธอก็ตะโกนเรียกเอาจากข้างนอก
หลินเช่อรีบก้มลงสำรวจเนื้อตัว จัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
กู้จิ้งเจ๋อผุดลุกจากที่นั่ง
หลินเช่อยกมือลูบหน้าตัวเองเรียกสติ เธอเปิดประตูและเดินตามเสียงเรียกของคุณยายออกไปข้างนอก
“คุณยายทำอาหารเร็วจังค่ะ” หลินเช่อพูดพร้อมรอยยิ้ม
กู้จิ้งเจ๋อเดินตามมาด้านหลัง บ้านหลังนี้เตี้ยมาก เขาต้องคอยระวังไม่ให้ศีรษะกระแทก
คุณยายยิ้มให้ทั้งคู่ “ที่บ้านไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ยายทำแค่สองจานเท่านั้น ลงมือกันเองได้เลยนะ”
หลินเช่อไม่สนใจว่ามันจะเป็นอะไร ตราบใดที่เธอมีอะไรกินก็พอ เธอไม่ใช่คนเลือกกินเลยแม้แต่น้อย
แต่หญิงสาวก็หันไปมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความเป็นห่วง
แม้แต่การรับประทานอาหารที่บ้านธรรมดาๆ ก็ยังจะต้องมีอาหารอย่างน้อยสองจานที่จัดมาอย่างดีเลิศ หลินเช่อนึกกลัวว่าเขาจะไม่ถูกปาก
แล้วยิ่งเป็นอาหารสำหรับชาวไร่ชาวนาแบบนี้ด้วยแล้ว หน้าตาของมันก็ไม่ค่อยจะชวนรับประทานซักเท่าไหร่นัก
แต่ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม เขานั่งลงละบอกว่า “แค่นี้ก็พอแล้วละครับ กินด้วยกันเถอะครับคุณยาย”
“ได้จ้ะ ได้ เดี๋ยวฉันจะกินด้วย” คุณยายตักข้าวให้ทั้งสอง เธอยิ้มและบอกว่า “ผักพวกนี้เพิ่งล้างใหม่ๆ แต่ไม่ได้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรอกนะ ยายเคยเห็นว่าพวกเธอใช้น้ำยาฆ่าเชื้อกันที่บ้าน”