เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 321
ลู่ชูเซี่ยไม่รู้ว่าทำไมกู้เซียนเต๋อถึงได้ถูกอกถูกใจอะไรหลินเช่อมากมายนัก หรืออาจเป็นเพราะหลินเช่อกุมความลับบางอย่างของตระกูลกู้ที่คนภายนอกไม่รู้อยู่กันแน่นะ
ในที่สุด หลังจากที่นั่งคุยกันได้พักใหญ่ กู้เซียนเต๋อก็ลุกขึ้นและบอกว่าได้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว
หลินเช่อช่วยพยุงชายชราซึ่งบอกกับเธอว่า “ไม่ต้องหรอกแม่หนู เธอเองก็ควรจะกินให้มากกว่านี้ แล้วก็ทำงานให้น้อยกว่านี้นะ ดูเอาเถอะว่าตัวเองผอมบางขนาดไหน”
เมื่อประมุขของตระกูลต้องการจะกลับ จึงไม่มีใครรั้งให้เขาอยู่ต่อ ทุกคนจึงได้แต่เพียงมองตามชายชราที่ลุกออกไปเพียงเงียบๆ
หลินเช่อย่องกลับมานั่งข้างกู้จิ้งเจ๋อ ชายหนุ่มมองท่าทีซุกซนของเธออย่างระอาใจ
หญิงสาวหันไปบอกเขาว่า “คุณปู่คุณนี่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยนะคะ อุตส่าห์จะช่วยฉันด้วย ฉันจะคอยดูละว่าอีกหน่อยคุณจะยังกล้ารังแกฉันอีกรึเปล่า”
ชายหนุ่มทำหน้าไม่อยากเชื่อ “นี่เธอเที่ยวไปหาแบ็คใหญ่ขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ”
“ก็แน่ละสิคะ ก็ใครบอกให้คุณขยันดูถูกฉันไม่เข้าเรื่องดีนักล่ะ”
“แต่เธอก็กล้าดีเหลือเกินนะ ถึงได้ไปขอคุณปู่ให้มาช่วยเป็นแบ็คให้แบบนี้เนี่ย เธอไม่กลัวบ้างหรือว่าคุณปู่จะโกรธถ้าเธอพูดถึงฉันไม่ดีน่ะ ฉันเป็นหลานชายคนโปรดนะ”
หลินเช่อถามอย่างประหลาดใจ “แล้วมันแปลกตรงไหนกันคะที่ภรรยาจะพูดถึงข้อเสียของสามีบ้างน่ะ คุณเป็นหลานชายท่าน ฉันเองก็เป็นหลานสะใภ้ของท่านเหมือนกันนี่คะ อนาคตของตระกูลคุณขึ้นอยู่กับมดลูกฉันนะคะ แน่นอนว่าคุณปู่ต้องเข้าข้างฉันอยู่แล้วละค่ะ อีกอย่างท่านก็เป็นคนแก่ขี้เหงา พวกคุณแต่ละคนก็เอาแต่หน้าดำคร่ำเครียดกัน คุณปู่ท่านอายุมากแล้วนะคะ ฉันคิดว่าด้วยอายุขนาดนี้ ท่านน่าจะอยากมีลูกหลานคอยห้อมล้อมให้อุ่นใจ ถ้าพวกคุณเอาแต่ไปหาท่านแค่เฉพาะเวลาที่มีปัญหาเรื่องงานหรือปัญหาเรื่องครอบครัว มันคงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจทีเดียว หรือถ้าฉันไปนั่งข้างท่านแล้วก็เอาแต่พูดเรื่องเครียดๆ ท่านก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน ฉันก็แค่พูดให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยเพราะว่าฉันสงสารท่านน่ะค่ะ”
“…” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็อึ้งไปสนิทใจ
เขาพูดขึ้นว่า “ที่เธอพูดก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่เป็นคุณปู่เองนั่นแหละที่มักจะทำตัวเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาน่ะ”
“คนเราทุกคนก็ล้วนแต่ปรับตัวให้เข้ากับท่าทีของคนอื่นที่เราพูดด้วยค่ะ ท่านจะพูดจาเล่นหัวกับพวกคุณได้ยังไงในเมื่อพวกคุณทำท่าจริงจังซะขนาดนั้นน่ะ ถ้าคุณหัดพูดเล่นกับเขาให้เป็นบ้าง ท่านก็คงไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนี้หรอกค่ะ ดูสิว่าคุณเป็นหลานชายประสาอะไรกัน ถึงไม่เข้าใจหัวอกคนแก่เลยซักนิด เขาว่ากันว่าคนแก่น่ะก็เหมือนเด็ก ต้องการคนพูดจาด้วยดีๆ เพราะๆ รู้มั้ยคะ”
ในชั่วขณะนั้นเองที่กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ว่า หลินเช่อพูดถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
บางทีท่าทางของกู้เซียนเต๋อนั้นออกจะดูเอาจริงเอาจังมากเสียจนไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุยด้วย จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชินที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาในท้ายที่สุด
ชายหนุ่มยังคิดต่อไปอีกว่า แล้วก็น่าจะเป็นเพราะยัยผู้หญิงคนนี้เป็นคนกล้าด้วยนั่นแหละ
หลินเช่อไม่เคยเห็นว่าคนอื่นต่างนึกกลัวกันจนขนหัวลุกแค่ไหน เมื่อได้เห็นเธอพูดเจื้อยแจ้วเรื่องไร้สาระทั้งหลายกับปู่ของเขาก่อนหน้านี้ พวกเขากลัวว่ากู้เซียนเต๋อจะเกิดไม่พอใจและไล่ตะเพิดเธอออกมา แล้วจากนั้นหลินเช่อก็จะถูกเฉดหัวออกจากตระกูลกู้ไป
แต่กลับกลายเป็นว่า ในที่สุดแล้วก็ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนดวงดีหรือประสบโชคอย่างหาตัวจับยากกันแน่
บางทีอาจจะจริงที่ว่ากันว่าคนโง่มักมีโชคก็เป็นได้ เพราะกู้จิ้งเจ๋อเองก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมปู่ของเขาถึงได้พอใจหลินเช่อจนถึงขนาดยอมตามใจเธอขนาดนี้
เขาพูดกับเธอว่า “เอาละ เธอพูดถูก แต่คราวหน้าถ้าเธอเข้าไปคุยกับคุณปู่ละก็ ยังไงก็ควรจะระวังซักหน่อยนะ เพราะว่าเธอออกจะงี่เง่าเกินไปหน่อย แล้วก็รู้จักพูดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้นเลย”
“ทำไมล่ะคะ แล้วตอนนี้ฉันงี่เง่ารึเปล่า”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ฉันไม่รู้นี่คะว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้น คุณปู่ใจดีมาก ฉันก็เลยไม่คิดว่าท่านจะถือสาอะไรเรื่องนี้”
“…” กู้จิ้งเจ๋อว่า “เธอคงจะเป็นคนเดียวนั่นแหละที่คิดว่าคุณปู่ใจดี คนส่วนใหญ่ต่างก็กลัวจนไม่กล้าอ้าปากพูดอะไรกันทั้งนั้นเวลาเห็นคุณปู่มา”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ล่ะคะ ท่านออกจะเป็นกันเอง ตอนที่ฉันเห็นท่านครั้งแรกฉันก็คิดนะคะว่าท่านดูน่ากลัวจัง แต่พอหลังจากนั้นถึงได้รู้ว่าความจริงท่านไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ถ้าได้ใช้เวลาใกล้ชิดท่านมากกว่านี้ คุณเองก็น่าจะได้รู้เหมือนกัน”
“…” ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อ “โอเค โอเค ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้นแหละ”
ในตอนนี้เองที่มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับพวกเขาว่า พบตัวกู้จิ้งอวี่แล้ว แต่ชายหนุ่มไม่ยอมเข้ามาทันทีที่รู้ว่าคุณปู่อยู่ที่นี่
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า เขาบอกหลินเช่อให้รออยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะลุกขึ้นเงียบๆ เพื่อออกไปพบกับน้องชายก่อนใคร
กู้จิ้งอวี่เข้ามาหากู้จิ้งเหยียนเป็นคนแรก
เจ้าสาวของคืนนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เธอดูสงบเยือกเย็นจนทำให้หัวใจเขาอดเจ็บปวดแทนเธอไม่ได้
เมื่อกู้จิ้งเหยียนหันมาเห็นพี่ชาย เธอก็เพียงแต่ยิ้มออกมาและพูดว่า “ฉันถือว่างานแต่งงานของฉันประสบความสำเร็จนะคะ เพราะทำให้พี่ยอมมางานนี้ได้”
กู้จิ้งอวี่ว่า “จริงเหรอ โดยที่ไม่มีเจ้าบ่าวเนี่ยนะที่เธอเรียกว่าสำเร็จน่ะ”
กู้จิ้งเหยียนยังไม่ยอมแพ้ “แล้วมันผิดตรงไหนกันคะ ใครบอกกันล่ะว่างานแต่งงานต้องมีเจ้าบ่าวน่ะ”
“เธอนี่ทำให้ฉันทึ่งจริงๆ…งานแต่งที่ไหนกันที่ไม่มีเจ้าบ่าว”
“อะไรที่ทำคนเดียวได้ก็ควรที่จะทำคนเดียว ในเมื่อฉันทำเองได้ แล้วทำไมฉันจะไม่ทำล่ะคะ” กู้จิ้งเหยียนเอียงคอพลางส่งยิ้มให้
ผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจ เขารู้ดีว่าน้องสาวเป็นคนแบบนี้มาโดยตลอด จึงได้แต่เพียงบอกกับเธอว่า “เอาละ เลิกพูดเถอะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นพากันสงสารเธอหนักขึ้นไปอีก”
กู้จิ้งเหยียนกลืนน้ำลายลงคอ “โอเคค่ะ ฉันจะหยุดพูดละ แต่มีแค่อีกเรื่องเดียวเท่านั้นที่ฉันอยากจะพูด…เผื่อเอาไว้ก่อนนะคะ ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ ต่อให้ไม่มีใครอยากแต่งงานกันอีกแล้ว แต่พวกพี่ทุกคนจะยังคงต้องการฉัน ใช่มั้ยคะ”
กู้จิ้งอวี่เอื้อมมือออกไปลูบหัวน้องสาว “ใช่สิ ถึงบรรดาพี่ชายทั้งหลายของเธอจะไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แต่เราก็จะคอยดูแลเธอจนถึงที่สุดนั่นแหละ”
กู้จิ้งเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขา “ว่าแต่ว่า พี่สามคะ…ตอนนั้น ที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งพี่ไปเพราะว่าแม่ยัดให้เงินหล่อน พี่เกลียดท่านมั้ยคะ”
กู้จิ้งอวี่ชะงัก
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็เพียงแต่ส่ายหน้าเงียบๆ
“ไม่หรอก คนธรรมดาที่ไหนก็คงจะเลือกทำแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
กู้จิ้งเหยียนถอนหายใจและส่ายหัว
คนเรามักตกหลุมรักคนที่ด้อยกว่าตัวเอง เพราะแบบนี้ไงล่ะ ลู่เป่ยเฉินถึงเกลียดฟู่เฉินซีไม่ลง
ส่วนเธอเองก็เกลียดลู่เป่ยเฉินไม่ลงเหมือนกัน
พวกเขาล้วนเป็นคนที่ไม่คู่ควรด้วยกันทั้งนั้น…
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาในห้อง กู้จิ้งอวี่จึงหันไปส่งยิ้มให้ “เฮ้ เมื่อไหร่พี่จะให้ผมได้เจอพี่สะใภ้ซักทีล่ะครับ”
กู้จิ้งเจ๋อว่า “นายอยากเจอเหรอ”
“ก็ไม่ได้อยากเจอนักหรอก ก็พี่เป็นคนน่าเบื่อออกขนาดนี้ ผู้หญิงของพี่ก็คงจะน่าเบื่อพอกันนั่นแหละ ไม่อย่างงั้นก็คงทนพี่ไม่ได้นาน อีกอย่าง พอดูจากรสนิยมความสวยของพี่ ที่ชอบคนอย่างคุณหนูโม่แล้ว…ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่” กู้จิ้งอวี่ว่า
กู้จิ้งเจ๋อเลิกคิ้วแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาพากู้จิ้งอวี่หลบออกมาและพูดว่า “นายไม่ได้เข้าไปทักทายคุณปู่ด้วยซ้ำ ท่านเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
“ถ้าท่านเห็นหน้าผมก็คงจะอารมณ์เสียเปล่าๆ น่ะ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทักทายหรอกครับ” เขาบอก
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าน้องชายแล้วได้แต่ส่ายหัว
กู้จิ้งอวี่จึงพูดต่อไป “ผมแค่มาหาจิ้งเหยียนเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวจะขอกลับก่อน วันนี้ผมยุ่ง คิดว่าคงไม่มีเวลาพอที่จะสังสรรค์กัน เอาไว้คราวหน้าถ้าพี่ว่าง ผมจะพาไปสนุกกันที่น้ำพุร้อนก็แล้วกันนะครับ”
“ตกลง” กู้จิ้งเจ๋อรับคำ “อันที่จริงแล้ว จิ้งอวี่ นายไปเจอเมียฉันได้นะ เขาไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่นายบอกหรอก” ชายหนุ่มกล่าว “เป็นคนที่แตกต่างจากโม่ฮุ่ยหลิงอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียวละ”
กู้จิ้งอวี่ยิ้ม “จริงหรือครับ อันที่จริงแล้ว…”
ทันใดนั้น สายตาของกู้จิ้งเจ๋อก็มองลงไปยังมือของผู้เป็นน้องชายที่ยกไว้บริเวณหน้าอก
เขาเหลือบเห็นมันเพียงแวบเดียวก่อนที่กู้จิ้งอวี่จะเหวี่ยงมือกลับลงไป แต่ถึงกระนั้น ภาพของนาฬิกาที่ข้อมืออีกฝ่ายก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในสายตา
เขาเคยเห็นนาฬิกาเรือนนี้อยู่กับหลินเช่อมาก่อนนี่นา…