เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 327
วันต่อมา
หลินเช่อลงบันไดไปยังห้องทานอาหารชั้นล่าง เธอเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารบำรุงร่างกาย
หญิงสาวนั่งลงและคิดกับตัวเองว่า เมื่อวานนี้ทั้งเธอและกู้จิ้งเจ๋อทะเลาะกันใหญ่โต จนเธอนึกสงสัยว่ามีใครที่รู้เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเธอหรือเปล่า
เมื่อเธอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนแดงขึ้นมา เธอก้มลงมองอาหารบนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนเป็นของบำรุงเลือดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นซุปบำรุงเลือดลม ซุปกระดูก ซุปเนื้อ ซุปเห็ด…นี่มันช่าง..
ที่ข้างตัวเธอ สาวใช้บอกว่า “คุณผู้หญิง ทานอีกสิคะ แล้วเดี๋ยวตอนออกไปทำงานคุณเอาอาหารพวกนี้ติดตัวไปด้วยได้นะคะ”
หลินเช่อร้องขึ้นว่า “ฉันจะไปกินซุปมากมายขนาดนี้หมดได้ยังไงกัน พวกเธอขยันทำกันซะเยอะแยะขนาดนี้ อันที่จริง ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ”
สาวใช้ยิ้มและบอกว่า “ทั้งหมดนี้ถูกเตรียมตามคำสั่งพิเศษของนายท่านเมื่อเช้าน่ะค่ะ เขาบอกให้พวกเราบอกคุณด้วยว่าให้รับประทานมื้อเช้ามากๆ แล้วก็ให้นำอาหารติดตัวไปด้วย ท่านเป็นห่วงคุณผู้หญิงมากเลยนะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อน่ะเหรอ
เมื่อหลินเช่อได้ยินชื่อนั้นเธอก็ก้มหน้า หยิบช้อนขึ้นมาและตักซุปเข้าปาก แต่ก็แทบไม่รับรู้ถึงรสชาติอะไรเท่าไหร่นัก
สาวใช้ยังคงนั่งเฝ้าหลินเช่อโดยไม่พูดอะไรอีก
จนกระทั่งเอ่ยขึ้นว่า “คุณผู้หญิงคะ นายท่านเป็นห่วงคุณมากจริงๆ นะคะ ได้โปรดอย่าโกรธนายท่านเลย ถ้าหากว่าไม่มีคุณผู้หญิงอยู่ด้วย ท่านก็คงไม่มีความสุขแบบนี้ ท่านน่าสงสารออกค่ะ”
หา เขาเนี่ยนะน่าสงสาร
หลินเช่อว่า “ไม่หรอกจ้ะ ถ้าไม่มีฉันคอยขัดขวาง ก็มีผู้หญิงอีกมากมายคอยที่จะเข้ามาช่วยปลอบใจเขา”
“คุณผู้หญิงอย่าพูดแบบนี้สิคะ ท่านมีแค่คุณผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ น่ะท่านไม่เคยแม้แต่จะชายตาแล”
“พอที เขาเป็นเจ้านายเธอนี่จ๊ะ แน่นอนว่าเธอก็ต้องเข้าข้างเขาสิ เจ้านายเธอไม่เคยชายตาแลคนอื่นเลยงั้นเหรอ ถ้างั้นก็แปลว่าเขาก็ไม่เคยสนใจลู่ชูเซี่ยด้วยน่ะสิ”
“…” สาวใช้มองหน้ากัน และพูดอะไรไม่ออก
เมื่อหลินเช่อกินอิ่มแล้ว สาวใช้ก็รีบยกผ้าเปียกสำหรับเช็ดปากให้ก่อนจะบอกอีกว่า “คุณผู้หญิงคะ นายท่านน่ะเป็นหนี้คุณหนูลู่เพราะว่าเธอเคยช่วยชีวิตท่านไว้ แต่นอกนั้นก็ไม่มีอะไรระหว่างพวกเขาสองคนนะคะ นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ท่านดีกับคุณหนูลู่แล้วก็ยอมให้เธอมากเป็นพิเศษน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ท่านก็ไม่มีทางสนใจเธอเลยซักนิดอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วละค่ะ นายท่านกับคุณหนูลู่น่ะรู้จักกันมาตั้งนานแล้วด้วย ถ้าหากว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็น่าจะเกิดไปตั้งนานแล้ว”
หลินเช่อว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นเขามีคุณหนูโม่อยู่ยังไงล่ะจ๊ะ”
หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะพูดต่อไปว่า “อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะอาการป่วยของเขา…แล้วเขาจะแต่งงานกับฉันทำไมล่ะ ถ้าไม่เป็นแบบนี้ เขาก็น่าจะได้ลงเอยกับผู้หญิงอย่างลู่ชูเซี่ย…”
สาวใช้มองหน้ากันไปมา คราวนี้พวกเธอยิ่งไม่แน่ใจหนักกว่าเดิมว่าควรจะพูดอะไรดี
หลินเช่อหันไปมองหน้าพวกหล่อน “เอาละ เลิกพูดกันดี ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทำไมกันเนี่ย ฉันไปทำงานก่อนละ”
สาวใช้ทำได้แต่เพียงเฝ้ามองหลินเช่อออกจากบ้านไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ที่กองถ่าย
เมื่อหลินเช่อมาถึง ซ่งซูไห่กลับทำตัวสุภาพกับเธอเกินคาด หล่อนพยักหน้าให้หลินเช่อ ส่งยิ้มและพูดว่า “มาถึงแล้วเหรอจ๊ะ ว่าแต่ว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นที่บ้านหรือเปล่า ทำไมเธอถึงได้ลาหยุดล่ะ”
หลินเช่อยิ้ม “ฉันไปร่วมงานแต่งงานน่ะค่ะ”
ซ่งซูไห่พยักหน้าเมื่อได้ยิน “เมื่อวานนี้เป็นวันฤกษ์ดีตามปฏิทินจีน มีคนแต่งงานกันหลายคู่ทีเดียว ดูสิ! ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลกู้เองก็เลือกแต่งงานวันนั้นเหมือนกัน แหม เป็นวันดีจริงๆ เลยนะเนี่ย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินเช่อก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมา “ค่ะ ใช่ค่ะ”
“ทั้งเธอแล้วก็กู้จิ้งอวี่ต่างก็ลาหยุดเมื่อวานเหมือนกันเลย ฉันเลยเบื่อเป็นบ้าเพราะต้องอยู่กองถ่ายคนเดียวเมื่อวานนี้”
“วันนี้ฉันก็กลับมาแล้วไงล่ะคะ พี่ซูไห่อยากจะทำอะไรวันนี้บอกมาเลยค่ะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”
“เยี่ยมเลยจ้ะ งั้นเสร็จแล้วไปกินเนื้อย่างกันดีกว่า”
“ได้เลยค่ะ ได้เลย ฉันชอบกินเนื้อย่างค่ะ”
เมื่อทักทายซ่งซูไห่เรียบร้อย หญิงสาวก็เดินเข้าไปด้านใน
อวี๋หมินหมิ่นบอกว่า “ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าซ่งซูไห่นิสัยดีกว่าฉินเสี่ยวหยวนมากก็น่าจะจริงนะ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมคนในบริษัทถึงได้ยกย่องเธอมาโดยตลอด”
หยางหลิงซินพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันสุภาพกับพี่เช่อกันทั้งนั้น ก็พี่เช่อจัดการฉินเสี่ยวหยวนจนอยู่หมัดแบบนั้น ทุกคนก็ต้องรู้สิคะว่าพี่เช่อน่ะสุดยอดกว่าฉินเสี่ยวหยวน”
หลินเช่อหันหน้ามาพูดว่า “พอทีเถอะ เรื่องนั้นมันเป็นแค่อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉินเสี่ยวหยวนน่ะล้ำเส้นเพราะไปถ่ายรูปกู้จิ้งเจ๋อเข้า แถมยังถูกเอามาเผยแพร่อีกต่างหาก คนที่เธอไปล่วงเกินเข้าคือกู้จิ้งเจ๋อ นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องออกจากวงการไป”
“อย่างงั้นหรือคะ…แต่ที่กู้จิ้งเจ๋อทำกับเธอแบบนั้นก็เพราะว่าพี่นะคะ พี่เช่อ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมให้มีใครฝ่าฝืนคำสั่งเขาต่างหากล่ะ โดยเฉพาะการแอบถ่ายรูปส่วนตัวเขาแล้วเอาไปปล่อยต่อแบบนี้น่ะ”
“โอเคค่ะ…”
หยางหลิงซินยังพูดต่อไปอีก “แล้วก็เพราะเรื่องนี้ ตอนนี้ทุกคนในทีมงานก็เลยรู้ว่าพี่เช่อมีกู้จิ้งเจ๋อเป็นแบ็คใหญ่คอยปกป้อง ก็เลยไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับพี่เช่ออีก”
หลินเช่อไม่พูดอะไรอีก อวี๋หมินหมิ่นจึงพูดกับเด็กสาวแทนว่า “พอทีเถอะ สำหรับการทำงานในวงการนี้ เธอจะต้องระวังตัวทุกฝีก้าว เราไม่ควรลำพองใจไป เจ็บแล้วต้องรู้จักจำ ครั้งหน้า เราจะต้องคอยระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อีก”
“ใช่ หันมาสนใจเรื่องงานดีกว่า ฉันไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าแม่ข่าวเมาท์”
แล้วกู้จิ้งอวี่ก็มาถึง
“เฮ้ หลินเช่อ เมื่อวานนี้เธอลาหยุดเหมือนกันเหรอ ฉันไปงานแต่งงานมา แล้วเธอล่ะ”
หลินเช่อตอบ “โอ้ ฉันก็ไปงานแต่งงานมาเหมือนกันค่ะ”
“งั้นเหรอ เมื่อวานนี้มีคนแต่งงานกันเยอะเลยนะ”
“ใช่ค่ะ” หลินเช่อไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เธอจึงยิ้มและเดินเข้าไปด้านใน
กู้จิ้งอวี่ชวน “ว่าแต่คืนนี้ไปหาอะไรกินกันมั้ย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันสัญญาแล้วว่าจะไปกินเนื้อย่างกับพี่ซูไห่น่ะ” หลินเช่อตอบ
“เธอจะหลบหน้าฉันทำไมเนี่ย ฉันก็แค่อยากจะเลี้ยงตอบแทนของขวัญที่เธอให้ฉันเท่านั้นเอง” กู้จิ้งอวี่เหยียดแขนออกไปแล้วเขย่าข้อมือ แต่เมื่อเขาจำได้ว่าเขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างหลังจากที่กู้จิ้งเจ๋อจ้องมันเขม็งเมื่อวานนี้ เขาจึงถอดนาฬิกานั่นเก็บไว้ที่บ้าน
หลินเช่อตอบว่า “ฉันก็ให้นาฬิกานั่นเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือเท่านั้นเองค่ะ ทำไมคุณถึงจะต้องเลี้ยงข้าวฉันตอบแทนอีกล่ะ”
ถ้าขืนยังขอบคุณกันไปมาแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะสิ้นสุดซักที
กู้จิ้งอวี่ตอบ “นั่นละเรื่องของเรื่องละ ความสัมพันธ์มันก็เกิดขึ้นจากการที่เราผลัดกันแสดงความขอบคุณกันและกันไม่ใช่เรอะ มิตรภาพก็เกิดจากการให้และรับแบบนี้ หลินเช่อนี่เธอเป็นอะไรไป เธอจะบอกว่าไม่อยากให้ฉันเป็นแม้กระทั่งเพื่อนเธออย่างงั้นเหรอ ทำไมล่ะ หรือว่าสามีของเธอรู้เข้า เขาไม่อยากให้เธอมาใกล้ชิดฉันหรือไง”
“…” หลินเช่อนึกถึงกู้จิ้งเจ๋ออีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เธอก็หวนนึกถึงการกระทำอันป่าเถื่อนที่เขาทำกับเธอ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หญิงสาวก็เจ็บแปลบขึ้นมาที่บริเวณนั้นทันที ความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวนี้ทำให้เธออยากจะบิดตัวไปมาเสียเหลือเกิน
แต่ความขมขื่นที่ก้นบึ้งของหัวใจเธอกลับเจ็บปวดยิ่งกว่านั้น
ความคิดที่ว่าเธอถูกลดคุณค่าลงเป็นเพียงเครื่องมือให้เขาได้ใช้ระบายความหงุดหงิดใจเมื่อวานนี้ ทำให้หญิงสาวนึกเศร้าใจกับตัวเอง
ทีเขายังมีคนอื่นที่เขาอยากจะขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ แล้วทำไมเธอถึงไม่ได้รับอนุญาตให้มีเพื่อนเพราะเขาด้วยล่ะ
“ไม่หรอกค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนกัน ฉันดีใจมากที่มีคุณเป็นเพื่อน แต่ฉันสัญญากับพี่ซูไห่ไว้จริงๆ ว่าจะไปกินเนื้อย่างด้วยกันวันนี้” หลินเช่อพูดต่อ “คุณเองก็ไม่ต้องขอบคุณฉันเรื่องนาฬิกาหรอกนะคะ มันก็แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แทนคำขอบคุณจากฉันเท่านั้นเอง”
นาฬิกาเรือนนั้นเป็นของที่เธอไหว้วานให้อวี๋หมินหมิ่นช่วยซื้อมา เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมันด้วยซ้ำ แต่เธอไม่คิดเลยว่ากู้จิ้งอวี่จะให้ความสำคัญกับมันขนาดนี้ นั่นทำให้เธอรู้สึกผิดเหลือเกิน