เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 332
คืนนั้น หลินเช่ออารมณ์ไม่สู้ดีหลังจากที่ต้องกลับเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลกู้เพียงลำพัง
เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง หญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอทำตัวไร้เหตุผลเกินไปหน่อย นี่เธอคิดว่าเธอเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้ขึ้นมาจริงๆ เพียงเพราะว่าเธอใช้เวลาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้แห่งนี้น่ะเหรอ
ในความเป็นจริง หลินเช่อรู้มานานแล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึงในซักวัน ในหัวใจเธอ เธอเคยจินตนาการเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วนว่าเธอและกู้จิ้งเจ๋อจะต้องแยกทางกันในวันหนึ่ง และไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกันอีกเลยตลอดทั้งชีวิตที่เหลือนี้ ในโลกปกติธรรมดาอีกใบหนึ่งของเธอ เธอจะได้เห็นเขาแต่งงาน มีลูก และใช้ชีวิตอันแสนวิเศษของเขาอยู่ท่ามกลางความสนใจจากทุกคน
หญิงสาวถอนหายใจ เธอนั่งลงบนเตียงและคิดว่า เธอน่าจะหาใครซักคนมาช่วยตีราคาทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของเธอตอนนี้ และประเมินให้หน่อยว่าเธอควรจะใช้ชีวิตในอนาคตต่อไปอย่างไร และเธอควรจะซื้อหรือเช่าอะไรบ้าง
และแล้วอวี๋หมินหมิ่นก็โทรมาเพื่อแจ้งว่า ทางทีมงานและนักแสดงกำลังวางแผนที่จะออกเดินทางไปถ่ายทำบางฉากในพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ หล่อนถามหลินเช่อว่าอยากจะไปพร้อมกับทีมงานที่เหลือ หรืออยากจะจองตั๋วเดินทางในวันพรุ่งนี้แทน
ขณะที่หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ บ้าน เธอก็รู้สึกว่าเธอจะต้องเรียกสติตัวเองกลับมาโดยเร็วและทำงานให้หนักขึ้น ในอนาคต เธอจะต้องใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปให้ได้ แม้ว่าจะไม่มีกู้จิ้งเจ๋ออยู่ด้วยอีกแล้ว เธอก็ยังคงจะต้องใช้ชีวิตของเธอต่อไป
โชคดีที่ตอนนี้เธอยังมีเรื่องให้ต้องทำ เพราะเธอไม่ได้สละชีวิตทั้งหมดของตัวเองทิ้งไป
ด้วยเหตุนี้ หลินเช่อจึงแจ้งกับผู้จัดการของเธอว่า เธออยากจะเดินทางไปพร้อมกับทุกคนในวันนี้ มันน่าจะสะดวกสำหรับเธอมากกว่าที่จะจัดการเรื่องที่พัก และทำงานอื่นๆ ไปพร้อมกับทีมงานเมื่อเดินทางไปถึง
ดังนั้น หลินเช่อจึงจัดการแพ็คกระเป๋าและออกเดินทางไปยังสนามบินทันที
ที่สนามบิน ทุกคนกำลังนั่งไถโทรศัพท์กันอย่างเกียจคร้าน เมื่อซ่งซูไห่เห็นหลินเช่อ เธอก็พูดขึ้นว่า “เธอนี่เป็นมืออาชีพจริงๆ”
หลินเช่อยิ้มและถามกลับไปว่า “พี่ซูไห่เองก็มาด้วยนี่คะ”
“ฉันมาที่นี่เพราะบังเอิญว่ามีถ่ายทำฉากกลางคืน แล้วฉันก็ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ถ่ายเสร็จ เพราะแบบนี้แหละฉันถึงได้ตรงมาที่สนามบินนี่ทันที”
หลินเช่อว่า “ฉันเองก็อยู่บ้านเบื่อๆ น่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะมาพร้อมกันทุกคนซะเลย”
ผู้คนยืนเรียงคิวเป็นแถวยาวรอเที่ยวบินสุดท้ายในคืนนี้ ที่ด้านนอก มีแฟนๆ ที่รู้ว่ามีดารามาที่นี่และอยากที่จะเข้ามาด้านใน แต่พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินกันเอาไว้เสียก่อน เพื่อไม่ให้ฝูงชนรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน ทางสนามบินจึงจัดแจงเปิดห้องส่วนตัวให้และเชื้อเชิญทุกคนเข้าไปนั่งในห้องวีไอพีระหว่างรอขึ้นเครื่อง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็พากันหน้าชื่น และเตรียมตัวลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียง
แต่สำหรับหลินเช่อแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เข้าไปในห้องวีไอพี ในแต่ละครั้งที่กู้จิ้งเจ๋อเดินทาง ก็จะมีห้องวีไอพีแบบนี้
ทว่าเมื่อคิดดูดีๆ แล้ว นี่เป็นห้องที่หรูหราโอ่อ่าอย่างมากทีเดียวสำหรับคนธรรมดาทั่วไป
ในอนาคต ความหรูหราสะดวกสบายแบบนี้ก็คงจะไม่มีอีกต่อไปแล้วสำหรับเธอ
ทุกคนเพิ่งเคลื่อนตัวกันไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก่อนที่จะได้เห็นข่าวที่ถูกถ่ายทอดขึ้นบนจอขนาดใหญ่ของสนามบิน
“เราขอขัดจังหวะการออกอากาศด้วยข่าวด่วนนะครับ มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่วิลล่าในฝูซาน ตามรายงานข่าวระบุว่า ตัวบ้านนั้นเป็นของกู้ อินดัสทรี และมีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บในที่เกิดเหตุมากกว่ายี่สิบคน ส่วนใหญ่คือบอดี้การ์ดส่วนตัวของตระกูลกู้ มีผู้ให้ข้อมูลว่า กู้จิ้งเจ๋อได้ทำการนัดพบกับตัวแทนของนายกรัฐมนตรีประเทศเอ็ม และมีสายลับที่ลอบเข้ามาในระหว่างการพบปะและทำการวางระเบิดครั้งนี้ขึ้น ตัวแทนจากประเทศเอ็มเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ แต่สำหรับกู้จิ้งเจ๋อนั้นยังไม่เป็นที่ปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว ประธานาธิบดีของประเทศซี มิสเตอร์กู้จิ้งหมิงได้รับแจ้งเรื่องนี้แล้วและสั่งการด่วนให้สนามบินทุกแห่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัย และตรวจสอบบุคคลที่ต้องสงสัยในทันที”
แล้วทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พากันหลั่งไหลเข้ามาในสนามบิน และเริ่มลงมือตรวจสอบทุกหนทุกแห่ง
ไม่มีใครในทีมงานและนักแสดงที่คาดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกคนเฝ้าดูผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบที่กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล
รอบตัวของพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย
ส่วนหลินเช่อนั้นได้เพียงแต่เงยหน้ามองจอโทรทัศน์
เปลวไฟโหมไหม้ไปทั่วทุกจุดบนหน้าจอ วิลล่าที่ฝูซานแห่งนั้นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งเหลือเพียงเศษซากเอาไว้ เปลวไฟและแสงจากรถตำรวจดูจะกลืนหายกลายเป็นเนื้อเดียว และเสียงที่ดังออกมาจากโทรทัศน์นั้นก็ดูจะเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านอย่างหนัก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุให้แน่ชัดว่าสถานการณ์ในที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร
หลินเช่อยืนจ้องจอโทรทัศน์อยู่อย่างนั้น สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับภาพที่ปรากฏบนจอราวกับกำลังพยายามพินิจดูแต่ละตารางนิ้วและความละเอียดของภาพนั้น เธอหวังจะได้เห็นร่างของใครซักคนที่คุ้นตา หรือได้อ่านข่าวที่เกี่ยวกับเขาแม้เพียงนิดเดียว
แต่เธอก็ไม่ได้เห็น
ผู้คนรอบตัวเธอพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส ใครบางคนถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และกู้จิ้งเจ๋อเป็นอะไรหรือเปล่า”
“พระเจ้าช่วย กู้จิ้งเจ๋อน่ะหล่อมาก การระเบิดครั้งนี้คงไม่ทำให้เขาเป็นอะไรใช่มั้ย”
“ฉันเดาว่าเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บแน่ๆ ตัวแทนจากประเทศเอ็มเองก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุไม่ใช่เหรอ ในเมื่อพวกเขามีการพบปะกันลับๆ พวกเขาก็น่าจะอยู่ไม่ไกลกันนักหรอก”
“นี่น่ากลัวเป็นบ้า นี่อาจจะมุ่งเป้าไปที่กู้จิ้งเจ๋อโดยเฉพาะเลยก็ได้”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญนะ สภาวะเศรษฐกิจของหลายคนน่ะอยู่ในมือของบุคคลเหล่านี้และการเคลื่อนไหวของพวกเขานะ ถ้าตระกูลกู้เกิดต้องสั่นสะเทือนขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ ทั้งประเทศซีก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วยเหมือนกัน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นทีเดียวละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับกู้จิ้งเจ๋อแม้แต่นิดเดียว จะต้องมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นตามมาแน่”
แล้วอวี๋หมินหมิ่นก็เหลือบไปเห็นหลินเช่อ เธอรีบเบียดแทรกผู้คนเข้าไปหาและจับมือของหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง
“หลินเช่อ เธอเป็นยังไงบ้าง” เธอถามพลางมองหน้าอีกฝ่าย
หลินเช่อยืนนิ่งมองภาพข่าวในโทรทัศน์อย่างใจลอย
ที่ข้างตัวเธอ ซ่งซูไห่ที่ได้เห็นสีหน้าของหญิงสาวก็มองเธอด้วยความแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ หลินเช่อ รีบไปเถอะ อีกเดี๋ยวที่นี่ก็จะถูกปิดล็อคห้ามเข้าออกเพื่อทำการตรวจตราแล้วละ อีกเดี๋ยวคนคงเข้ามาในนี้กันแน่นไปหมด ถ้าพวกเขาเห็นเราเข้า จะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่นะ”
แต่หลินเช่อกลับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น และยังคงเงยหน้ามองโทรทัศน์ต่อไป
อวี๋หมินหมิ่นเม้มปาก แล้วเงยหน้ามองจอโทรทัศน์บ้าง ในนั้นท่านประธานาธิบดีกำลังกล่าวแถลงการณ์ และสิ่งแรกที่เขาบอกออกมาก็คือ เหตุการณ์ครั้งนี้จะต้องถูกตรวจสอบโดยละเอียด
“ทางประเทศเอ็มเพิ่งจัดตั้งทีมพิเศษร่วมด้วยคนของเราเพื่อทำการสืบสวนเหตุการณ์นี้ นี่เป็นการสูญเสียร่วมกันของทั้งประเทศซีและประเทศเอ็ม เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นสร้างความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เราจะไม่ยอมให้ผู้กระทำผิดลอยนวลไปเป็นอันขาด…”
เมื่อได้เห็นกู้จิ้งหมิงในโทรทัศน์ อวี๋หมินหมิ่นก็นิ่งงันไปพักใหญ่ หญิงสาวทั้งสองไม่ค่อยได้ดูข่าวการเมืองนัก ตอนนี้เธอจึงมองดูเขาราวกับว่ากำลังมองดูคนอื่น เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยพบมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
เธอชะงัก ก่อนที่จะหันไปเห็นขบวนชายฉกรรจ์ที่กำลังเดินชักแถวเข้ามาทางพวกเธออย่างรวดเร็ว แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่และถืออาวุธครบมือ คนที่เดินนำพวกเขาเข้ามาอยู่ในชุดสูทสากล รองเท้าหนัง และกำลังมองมาทางหลินเช่อ
เมื่อรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น อวี๋หมินหมิ่นก็ดึงหลินเช่อเข้ามาหาและบอกว่า “หลินเช่อ ดูนั่นสิ”
หลินเช่อหันไปแล้วก็ได้เห็นว่าคนเหล่านั้นมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว พวกเขามองดูเธอก่อนจะโค้งคำนับเป็นการทักทาย
ในขณะเดียวกัน คนที่อยู่ด้านนอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกเขาเห็นเพียงแถวของชายฉกรรจ์ติดอาวุธที่เดินชักแถวเข้ามาจากด้านนอก ในขณะที่กำลังปกป้องหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลาง พวกเขาก็เดินขบวนกลับออกไปอย่างเรียบร้อย ดูเป็นเรื่องใหญ่โตเสียจนหลายคนอดงุนงงสงสัยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะตอนนี้สนามบินนั้นกำลังเต็มไปด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ทั่วทุกแห่ง ผู้คนที่กำลังกระวนกระวายใจยังคงยืนดูข่าวกันต่อ พวกเขาเกรงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน และอาจจะส่งผลต่อนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนอีกหลายคนกำลังพยายามคาดเดาว่าเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ส่วนหลินเช่อนั้นไม่อาจติดตามทีมงานและนักแสดงออกไปถ่ายทำได้อีกแล้ว เธอถูกคนเหล่านั้นนำตัวออกมาจากสนามบิน และเมื่ออกมาถึงด้านนอก ก็พบรถคันใหญ่จอดรออยู่ เห็นได้ชัดว่ารถคันนั้นถูกติดตั้งระบบป้องกันแรงระเบิดอย่างเต็มอัตรา เจ้าหน้าที่ที่ยืนล้อมเธออยู่ทำให้หญิงสาวอดรู้สึกถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดและชวนให้หนักใจอย่างอธิบายไม่ได้