เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 339
เมื่อมาถึงบ้านของเฉินโยวหราน และหญิงสาวกำลังจะลงจากรถเมื่อเธอคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เธอจึงเงยหน้าและถามเขาว่า “สถานการณ์ของกู้จิ้งเจ๋อดูจะอันตรายมากทีเดียว แบบนี้หลินเช่อจะพลอยเสี่ยงไปด้วยหรือเปล่าคะ เพราะว่าเธออยู่กับเขา”
เฉินอวี่เฉิงตอบ “ชีวิตของกู้จิ้งเจ๋ออันตรายเสมอนั่นแหละ เธอคิดว่าที่เขามีบอดี้การ์ดคอยล้อมหน้าล้อมหลังนั่นเอาไว้เป็นไม้ประดับเล่นๆ หรือไง”
“นั่นสินะคะ เขามีบอดี้การ์ดอยู่รอบตัวเต็มไปหมดเลย” ก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยคิดว่าคนพวกนั้นแค่มีไว้อวดบารมีเฉยๆ ก็ทำไมถึงจะต้องมีคนคอยอยู่ข้างตัวเขามากมายขนาดนี้ ในเมื่อไม่เคยมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเขาซักหน่อย เธอคิดว่าคนพวกนั้นเอาไว้ทำหน้าที่คอยกันนักข่าว สื่อ หรือว่าคนทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่เคยเลยว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ทำหน้าที่จริงๆ ในวันนี้
เฉินอวี่เฉิงว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง ที่ชีวิตของกู้จิ้งเจ๋อต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ว่าคราวนี้เหตุการณ์มันร้ายแรงกว่าที่เคยเป็นและสื่อต่างๆ ก็พลอยรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เพราะคนตายคือทูตคนสำคัญของประเทศเอ็ม แถมเหตุระเบิดยังทำให้มีบอดี้การ์ดเสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุเป็นจำนวนมากด้วย”
เมื่อเฉินโยวหรานได้ยินเช่นนั้น เธอก็ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “งั้นก็แสดงว่า กู้จิ้งเจ๋อเคยเจอเรื่องร้ายแรงแบบนี้มาก่อนแล้วงั้นหรือคะ”
“ใช่ ที่ผ่านมา เขาตกเป็นเป้าการซุ่มยิง อุบัติเหตุรถยนต์ แล้วก็การลอบสังหารอีกสารพัดรูปแบบ แน่นอนว่าไม่มีครั้งไหนที่สำเร็จ ฉันจำได้ครั้งหนึ่ง เป็นคราวที่ลูกสาวคนโปรดของตระกูลลู่อย่างลู่ชูเซี่ยเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เพราะอย่างนี้ตระกูลกู้ถึงได้ดูแลลู่ชูเซี่ยเป็นอย่างดีจนถึงตอนนี้ ท่านประมุขของตระกูลเองก็รักใคร่เธอเป็นอันดีด้วย”
“ลู่ชูเซี่ย อา ฉันรู้จักเธอค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้ มีคนพูดกันว่าเธอมีอะไรกับกู้จิ้งเจ๋อ ผู้ชายดีไม่มีอยู่จริงจริงๆ ซะด้วยแฮะ นี่เขาเลยวางแผนจะตอบแทนเธอด้วยการไปมีอะไรกับเธองั้นเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วเขาจะมาแต่งงานกับหลินเช่อทำไมล่ะ”
“นี่เธอโง่หรือไงนะ เขาจะไปมีอะไรกับเธอได้ยังไงเล่า ก็เห็นๆ อยู่ว่าเป็นการคาดเดาเอาเองของสื่อ ช่วงนี้โม่ฮุ่ยหลิงเองก็เริ่มทำตัวสงบเสงี่ยม แล้วเผลอๆ ก็อาจจะยอมล่าถอยไปแล้วก็ได้ ด้วยความที่สื่อไม่สามารถถ่ายภาพพวกเขาอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว พวกนั้นก็เลยคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อหันไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ลู่ชูเซี่ยนี่เป็นผู้หญิงที่เก่งกาจหาตัวจับยากจริงๆ ไม่อย่างงั้นเธอคงไม่สามารถรักษาชื่อเสียงในฐานะสาวสังคมอันดับหนึ่งของประเทศซีเอาไว้ได้ตั้งหลายปีแบบนี้หรอก เธอเก่งเรื่องเอาชนะใจคนอื่นน่ะ”
“อืม ฉันไม่คิดว่าเรื่องความสวยเธอจะสู้หลินเช่อได้หรอกนะคะ แต่นี่เธอยังอยากจะแข่งกับหลินเช่อทั้งๆ ที่เธอเองก็ด้อยกว่าหลินเช่อทุกทางอย่างนี้อีก”
“พื้นเพครอบครัวของลู่ชูเซี่ยดีกว่าหลินเช่อน่ะสิ เธออาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อตระกูลลู่นัก แต่เธอน่าจะรู้จักห้างเอทีแอลละมั้ง มันเป็นห้างใหญ่ที่อยู่ในย่านสำคัญของทุกเมืองเลยทีเดียว ห้างนั่นเป็นของตระกูลลู่”
“…” เฉินโยวหรานพูดด้วยความโมโห “ฉันจะไม่ซื้ออะไรจากห้างนั้นอีกต่อไปแล้ว!”
“ครอบครัวนั้นเขาก็ไม่ได้อยากจะได้ลูกค้าอย่างเธอหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินโยวหรานก็ยิ่งมีน้ำโหหนักขึ้นไปอีก เธอแลบลิ้นใส่เขา “อีกาทั้งโลกเป็นสีดำเหมือนกัน ผู้ชายทั้งโลกก็ห่วยแตกเหมือนกัน”
เมื่อพูดจบก็วิ่งปร๋อออกไปทันที
เมื่อผลุบเข้ามาในบ้านได้ น้องสาวของเธอก็วิ่งปรี่เข้ามาหาและพูดว่า “พี่ ฉันกำลังสืบหาข้อมูลอยู่ เจ้านายของพี่คือเฉินอวี่เฉิงใช่มั้ย”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไร พี่รู้รึเปล่าว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลแพทย์ทรงอิทธิพลที่อพยพออกจากประเทศไปช่วงที่มีการปฏิบัติโน่น ตามที่เขาเล่าลือกันมา ตระกูลนี้น่ะทั้งมีชื่อเสียงแล้วก็ร่ำรวยมากด้วยนะ ครอบครัวของเขามีบ้านอยู่ที่เท็กซัส ดูสิ ดูสิ มีข่าวที่ว่าครอบครัวเขามีบ้านหลังใหญ่เท่าปราสาทอยู่ในเท็กซัสด้วยละ”
เฉินโยวหรานมองหน้าน้องสาว “อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า”
“พี่ ถ้าพี่ไม่คว้าผู้ชายคนนี้ไว้ละก็ ต่อไปพี่จะไปหาผู้ชายดีๆ แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก”
“เฮ้ มีสติหน่อยสิ” เฉินโยวหรานว่า “แล้วฉันมีอะไรดีเด่นักหรือไง ผู้ชายถึงจะอยากได้น่ะ”
“นั่นก็จริง” เฉินโหยวหลันมองดูพี่สาว ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น “แต่พี่แนะนำฉันให้เจ้านายได้นี่นา ตัวพี่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ฉันมีนี่ ในเมื่อฉันน่ะทั้งสาว ทั้งสวย ทั้งมีความสามารถแล้วก็มีเสน่ห์มากกว่าพี่ด้วย”
“ฉันว่าเธอเลิกคิดเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดจะดีกว่านะ ไม่มีทางที่เขาจะชายตาแลเธอหรอก อีกอย่าง เขาไม่ใช่คนที่เธอจะเข้าถึงง่ายเหมือนที่เธอคิดด้วย” เฉินโยวหรานส่ายหน้า ดึงประตูให้เปิด แล้วเดินเข้าห้องไป
เฉินโหยวหลันบ่นกระปอดกระแปดกับมารดาอย่างหัวเสียว่า “แม่คะ ดูสิ โหยวหรานน่ะเป็นแค่ลูกจ้าง แต่กลับมาดูถูกหนูแบบนี้”
“เอาละ เดี๋ยวแม่จะจัดการให้ทีหลัง แต่ตอนนี้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะก่อนเถอะ ดูสิว่าใส่อะไรมาน่ะ มีแต่รูเต็มไปหมดอย่างนั้น”
“เขาเรียกว่าแฟชั่นน่ะแม่ ไม่รู้จักรึไง” ว่าแล้วก็หมุนตัวอย่างมีลีลา ก่อนจะเดินเข้าห้องไป
ไม่มีทางเลยที่เฉินโยวหรานจะหลบเลี่ยงคำสัญญาที่จะเลี้ยงข้าวเฉินอวี่เฉิง
แต่เมื่อได้เห็นนายแพทย์หนุ่มเลือกร้านที่ดูแพงระยับอย่างเห็นได้ชัดแล้ว หญิงสาวก็อดเจ็บใจไม่ได้
เมื่อนั่งลงและเริ่มรับประทานอาหาร เฉินอวี่เฉิงก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าบูดๆ ราวกับคนท้องผูกของเธอ
“ทำไมเหรอ ไม่ดีใจหรือไงที่ได้เลี้ยงข้าวฉันน่ะ”
“ฉันดีใจค่ะ ฉันดีใจ ทำไมถึงจะไม่ดีใจล่ะ…” เธอรีบตอบโดยเร็ว
เฉินอวี่เฉิงถามต่อ “ถ้างั้น ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ฉัน…หน้าฉันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะว่าเวลาที่ได้กินอะไรอร่อยมากๆ น่ะ” เฉินโยวหรานแก้ตัวไปเรื่อยเปื่อย
นายแพทย์หนุ่มยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องทักดังมาจากด้านนอก “พี่ มาทำอะไรที่นี่น่ะ”
เฉินโหยวหลันเริ่มปรี่เข้ามาหาทันที โดยไม่ชายตาแลผู้เป็นพี่ เธอหันมองเฉินอวี่เฉิงด้วยสายตาราวกับหมาป่าที่จ้องมองเหยื่อด้วยความละโมบ เฉินโยวหรานคิดว่าเธอเห็นน้ำลายหยดแหมะออกมาจากปากของน้องสาวด้วยซ้ำ
เฉินโยวหรานรีบลุกขึ้นทันที “เฉินโหยวหลัน เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉัน..ฉันก็มากินข้าวน่ะสิ”
“พอที อาหารที่นี่แพงจะตาย เธอจะมากินที่นี่ได้ยังไงกัน”
“ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะมาไม่ได้ ฉันจะใช้เงินเดือนทั้งเดือนกินอาหารที่นี่ซักมื้อไม่ได้หรือไงกัน”
เฉินโหยวหลันหันมองเฉินอวี่เฉิงแล้วก็รีบฉีกยิ้ม พูดว่า “คุณหมอเฉินคะ ทำไมคุณถึงมากินข้าวกับพี่สาวฉันได้ล่ะคะ”
เฉินโยวหรานเห็นท่าทางน้องสาวที่ราวกับจะกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มแล้ว ก็ได้รู้ว่าหล่อนจะต้องแอบตามเธอมาที่นี่แน่
เฉินอวี่เฉิงตอบอย่างไม่เกรงใจว่า “ฉันไปไหนมาไหนกับพี่สาวเธอมาตั้งนานแล้ว จะมากินข้าวด้วยกันที่นี่แล้วแปลกตรงไหนล่ะ”
“อา นี่พวกคุณรู้จักกันมานานขนาดนั้นแล้ว…นั่นแปลว่าคุณสองคนมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันหรือเปล่าคะ” ถึงแม้เฉินโหยวหลันจะไม่เชื่อว่าทั้งคู่คบหากันเป็นพิเศษ แต่หล่อนก็ยังมองดูด้วยสายตาที่ไม่วางใจนัก ราวกับหวาดกลัวว่าจะมีอะไรๆ ระหว่างคนทั้งสองขึ้นมาจริงๆ
แต่นายแพทย์หนุ่มกลับตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันเกรงว่านั่นจะเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับพี่สาวเธอนะ”
เมื่อถูกหักหน้าแบบนั้นแล้ว เฉินโหยวหลันก็ไปต่อไม่ถูก แต่ก็ยังถามต่อไปอีกว่า “จะเป็นเรื่องระหว่างพวกคุณสองคนได้ยังไงกันคะ แฟนของพี่สาวฉันเป็นใครก็เป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องรับรู้ด้วย ถ้าคุณกับพี่สาวฉันมีอะไรกันจริงๆ งั้นคุณก็ต้องบอกให้ฉันรู้ สำหรับผู้ชายที่จะมาคบหากับพี่ฉัน เขาจะต้องได้รับความเห็นชอบจากฉันเสียก่อน”
เฉินอวี่เฉิงตอบ “ถ้าเธอพูดแบบนั้นละก็” เขาหันไปหาเฉินโยวหราน
เฉินโยวหรานนึกอายขึ้นมาทันควัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกได้ว่ามีอะไรอยู่ในสายตาเขา
เฉินอวี่เฉิงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าพี่สาวเธอกับฉันมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน”
“อะไรนะ” เฉินโหยวหลันหันมองพี่สาวด้วยสายตาเอาเรื่อง
กล้าดียังไงมาโกหกกัน เฉินโยวหรานพูดราวกับว่าเธอไม่มีอะไรกับเฉินอวี่เฉิงแม้แต่น้อย