เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 343
เมื่อลู่ชูเซี่ยเดินเข้ามาเห็นกู้จิ้งเจ๋อเธอก็รีบเปลี่ยนท่าทีทันที หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาเขาแล้วก็ทำเสียงอ้อน “จิ้งเจ๋อ พี่ทำเอาฉันตกใจหมดเลย ฉันนึกว่าพี่จะเป็นอะไรไปแล้วนะเนี่ย”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอแล้วก็หันไปเห็นหลินเช่อยกถาดตามเข้ามา ถึงเวลาทานข้าวแล้วและปกติพวกเขาสองคนจะทานด้วยกันตามลำพัง แต่วันนี้หญิงสาวทั้งสองคนมาอยู่พร้อมกัน
กู้จิ้งเจ๋อถามขึ้น “เธอกินข้าวหรือยัง”
“ห๊า” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ลู๋ชูเซี่ยมองเขาหน้าบูดบึ้งรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอรีบกลับมายิ้มแย้มอย่างอ่อนหวานและตอบ “กินแล้วค่ะ”
“โอ งั้นพวกเราไม่เกรงใจล่ะนะ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพวกเราก็กินเสร็จแล้ว” กู้จิ้งเจ๋อโบกมือให้หลินเช่อเดินมาหาเขา
หลินเช่อถือถาดเข้ามาหา กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว “ทำไมเธอต้องถืออาหารเข้ามาเองล่ะ สาวใช้อยู่ไหน” เขามองลึกลงไปในดวงตาของเธอแล้วก็รับเอาถาดไป
หลินเช่อว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเห็นมีคนอยู่เลยไม่ได้เรียกสาวใช้น่ะ กินข้าวกันเถอะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อถือถาดไว้มือเดียวแต่ด้วยอะไรก็ตาม ถาดในมือของเขาเอียงไปข้างหนึ่งแล้วของทุกอย่างก็เทตกลงบนพื้น จานสีขาวแตกกระจายที่บนพื้น หลินเช่อตกใจแล้วรีบพูดว่า “โอ ตายแล้ว! แตกหมดเลย” เธอรีบคุกเข่าลงแล้วก็เก็บชิ้นส่วนต่างๆ ที่แตก
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอยื่นมือไปเก็บเศษจานเขาก็รีบบอกโดยเร็ว “พอแล้ว อย่าขยับ” แต่ก็สายไปเสียแล้ว เศษแก้วบาดเข้าไปในมือหลินเช่อตอนที่เธอจับมัน
“โอ้ย…” หลินเช่อสะดุ้งเพราะความเจ็บ กู้จิ้งเจ๋อคุกเข่าลงไปที่พื้นทันที เขานิ่วหน้าและดึงมือเธอเข้ามาหา “อย่าขยับ ดูเธอสิ ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
“ฉัน…”
หลินเช่อยังไม่ทันได้ตอบว่าอะไร กู้จิ้งเจ๋อก็เอานิ้วของเธอเข้าปากเขา
“ว้าย! อย่าทำอย่างนั้น! มันสกปรก!…” หลินเช่อร้องเสียงหลง พยายามจะดึงมือออก
สายตาเยือกเย็นของกู้จิ้งเจ๋อฉายวาบ เขาจับเธอไว้แน่นแล้วพูด “ฉันบอกว่าอย่าขยับไง”
ลิ้นนั้นเลียที่หยดเลือดบนปลายนิ้วของเธอ เขาจับมือเธอขึ้นมามองใกล้ๆ แล้วบอกว่า “โอเค แผลไม่ได้ลึกอะไร”
ขณะที่พูดเขาก็อุ้มหลินเช่อขึ้นมาด้วย
หลินเช่อร้องตกใจแล้วกอดคอของเขา เธอมองไปที่ลู่ชูเซี่ย
“วางฉันลงเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไร คุณอุ้มฉันทำไมกันเนี่ย”
“อย่าขยับนะ เศษจานแตกเต็มไปหมดเลย ถ้าซุ่มซ่ามไปเหยียบเข้าแล้วจะทำยังไง”
“แต่…”
กู้จิ้งเจ๋อไม่พูดอะไรอีกแล้วก็วางเธอลงบนเตียง หลินเช่อยังคงพยายามจะขยับตัว แต่กู้จิ้งเจ๋อจ้องเธอหน้านิ่งแล้วพูดว่า “อย่าขยับ”
กู้จิ้งเจ๋อจ้องหลินเช่อแล้วบอกว่า “คราวหน้าปล่อยให้พวกสาวใช้เป็นคนทำนะ ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
“…” หลินเช่อพูดได้เพียง “ถ้าคุณไม่คว้ามันไปอย่างนั้น มันก็คงไม่ตกนี่นา”
กู้จิ้งเจ๋อขมึงตาใส่หลินเช่ออีกครั้ง
มีแต่เธอนี่แหละที่กล้าเถียงเขาอย่างนี้
เขาทำท่าเรียกให้คนงานเข้ามาทำความสะอาด หลินเช่อมองดูเขารู้สึกอบอุ่นใจ เขาทำเป็นดุเธอ แต่หญิงสาวรู้ว่าเขาทำอย่างนี้ก็เพื่อตัวเธอเอง
กู้จิ้งเจ๋อเคยชินกับการดุเธอ แต่ทุกครั้งที่ทำก็เพื่อเธอ
หลินเช่อมองเขารู้สึกซาบซึ้งใจ กู้จิ้งเจ๋อกำลังยืนอยู่ ลำตัวครึ่งหนึ่งถูกพันด้วยผ้าก๊อซ หญิงสาวคิดว่าเขาดูหล่อดี
พี่น้องตระกูลลู่ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เฝ้ามองกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่ออย่างงงงวย
ลู่ชูเซี่ยไม่เคยคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อจะดูแลหลินเช่อดีขนาดนี้
ชายที่ไม่เคยต้องหยิบจับทำอะไรเองเลยสักครั้งตอนนี้กลับช่วยหลินเช่อถือของเสียเอง
และเขาไม่กลัวว่าตัวเองจะสกปรก ทั้งเอานิ้วของหลินเช่อเข้าปากแล้วยังอุ้มเธอขึ้นบนเตียง
ในขณะเดียวกัน เหล่าสาวใช้ดูเหมือนจะคุ้นชินกับภาพที่เห็นตรงนี้ พวกเขาทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว เป็นระบบระเบียบ ใช้เวลาไม่นานห้องนั้นก็กลับมาสะอาดหมดจดอีกครั้ง
ลู่ชูเซี่ยเอาแต่คิดถึงภาพที่กู้จิ้งเจ๋ออุ้มหลินเช่อ เธอทั้งอิจฉาและหึงหวงในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกมันท่วมท้นจนแทบจะทนไม่ไหว
กู้จิ้งเจ๋อช่างนุ่มนวลอ่อนโยน แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นพระเอกลดน้อยลงเลย อันที่จริง ยิ่งดูเท่มากกว่าเดิม เขาไม่ได้ใส่อะไรเลยมีแค่กางเกงขายาวตัวเดียว เอวต่ำจนทำให้เขายิ่งดูผอมเพรียว และเห็นรอยกระดูกเชิงกรานชัดเจน ขายาวๆ นั่นก็ยาวยิ่งกว่าใครทั้งหมด มิน่าล่ะรูปร่างเขาถึงได้สัดส่วนดูดีเหลือเกิน
ตอนที่เขาอุ้มหลินเช่อมันช่างน่าอิจฉา มันทำให้ลู่ชูเซี่ยอยากเป็นคนที่อยู่ในวงแขนของเขาเสียเอง คงจะรู้สึกดีมากหากได้สัมผัสผิวนุ่มเนียนนั่น
แต่หลินเช่อคือคนที่เขาอุ้ม ยัยมารผจญหลินเช่อ
ลู่เป่ยเฉินมองดูคนทั้งสอง ยิ้ม แล้วก็ลุกขึ้นก่อน พูดกับพวกเขาว่า “สงสัยว่าพวกเรามาผิดจังหวะซะแล้ว เอาอย่างนี้มั้ย จิ้งเจ๋อ ฉันจะคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆ กับนายคราวหน้า จะได้ไม่กวนนายกับพี่สะใภ้…” เขามองหลินเช่อแล้วยิ้ม “จะได้ไม่กวนเวลากินข้าว”
กู้จิ้งเจ๋อได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ไม่พยายามชักชวนให้ทั้งสองอยู่ต่อ
ลู่ชูเซี่ยมองหลินเช่อด้วยท่าทางเหยียดหยันแล้วบอกกับกู้จิ้งเจ๋อ “ฉันว่าที่นี่มันซอมซ่อไปนะคะ มาอยู่ที่วิลล่าบนเขาของเราสิคะ ถ้าพี่ชอบก็ไปพักฟื้นที่นั่น สิ่งแวดล้อมดีกว่าแล้วเรายังมีคนรับใช้ด้วย”
ลู่ชูเซี่ยพูดพลางชำเลืองมองหลินเช่อที่ยืนอยู่ด้านข้างเหมือนจะบอกว่าเธอและกู้จิ้งเจ๋อมาจากโลกเดียวกัน ครอบครัวของเธอมีวิลล่าบนเขา คนรับใช้ และทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าจะเปรียบเทียบกับยัยสาวซุ่มซ่ามแบบนี้ เธอดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า
หลินเช่อรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจพูดทั้งหมดนี้เพื่อให้เธอได้ยิน แต่เธอก็ไม่หนีไปไหน กลับนั่งอยู่ตรงนั้นจ้องกลับไปที่ลู่ชูเซี่ย
กู้จิ้งเจ๋อเสียงเย็นชา “ไม่จำเป็น เธอคิดว่าคนรับใช้ตระกูลลู่ดีกว่าของตระกูลกู้งั้นเหรอ”
ลู่ชูเซี่ยถึงกับผงะ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไม่มีคนรับใช้ที่ไหนจะมีความเป็นมืออาชีพ แน่วแน่ สงบนิ่ง และซื่อสัตย์ เท่าคนรับใช้ตระกูลกู้อีกแล้ว
แม้แต่คนรับใช้ตระกูลลู่ก็ไม่เข้าตากู้จิ้งเจ๋ออย่างนั้นสินะ
ลู่ชูเซี่ยเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ เขาไม่ได้แม้แต่จะมองตากันตอนที่บอกลาเธอ ลู่ชูเซี่ยมองหลินเช่อเป็นครั้งสุดท้าย เธอจำใจต้องกลับเพราะไม่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ต่อ
เมื่อพวกเขาอยู่ด้านนอก ลู่เป่ยเฉินถามลู่ชูเซี่ยว่า “เธอพอหรือยัง พี่คิดว่าเวลาของเธอมันหมดแล้วนะ พี่ไม่เคยเห็นจิ้งเจ๋อห่วงหวงใครแบบนั้นมาก่อน ไม่แม้แต่กับโม่ฮุ่ยหลิง”
“ไม่ค่ะ กู้จิ้งเจ๋อแค่แกล้งแสดงต่อหน้าฉัน เขาแค่อยากให้ฉันยอมแพ้เท่านั้นเอง” ลู่ชูเซี่ยยืนกราน “แต่เขายังปฏิบัติกับฉันต่างออกไป พี่ไม่เห็นเหรอ เขาเคยใจดีกับผู้หญิงคนไหนบ้าง แล้วดูซิว่ามีผู้หญิงซักกี่คนที่ได้เข้าใกล้เขา แต่เขาก็ยังยอมสนิทกับฉัน”
ลู่ชูเซี่ยพูดแล้วทำเสียงเยาะเย้ย “ยัยหลินเช่อนั่นไม่เท่าไหร่หรอก ก็แค่ของเล่น วันนึงพี่กู้จิ้งเจ๋อก็จะโยนหล่อนออกไปจากตระกูลกู้เองนั่นแหละ”