เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 354
หลินเช่อโวยวาย “วางฉันลงนะ วางฉันลง ถ้าใครเห็นพวกเราเข้าอายเขาตายเลย”
“ไม่เห็นเป็นไร ปล่อยให้เห็นไป อุ้มเมียตัวเองผิดตรงไหนเหรอ”
ในความเป็นจริง พวกคนที่อยู่ด้านนอกกำลังมองมาทางทั้งสองคนจริงๆ
ลู่ชูเซี่ยดูอยู่ห่างๆ ขณะที่กู้จิ้งเจ๋ออุ้มหลินเช่อและหมุนไปรอบๆ ในสนามหญ้า
กู้จิ้งเจ๋อสูงมากเสียจนดูเหมือนเขากำลังอุ้มตุ๊กตาเวลาที่อุ้มหลินเช่อ
หลินเช่อหัวเราะเสียงดังใบหน้าเปล่งประกาย ฉากที่เห็นราวกับว่าพวกเขาอยู่ในภาพวาด
ลู่ชูเซี่ยกราดเกรี้ยว เธอไม่เพียงจัดการหลินเช่อไม่สำเร็จแต่หลินเช่อยังมีแก่ใจเพลิดเพลินกับอ้อมกอดและอำนาจของกู้จิ้งเจ๋อ ไม่อยากจะเชื่อเลย…
ลู่ชูเซี่ยหัวเราะหึแล้วเดินจากไป
วันนี้กู้จิ้งเจ๋อแค่ต้องการที่จะช่วยให้หลินเช่อร่าเริงขึ้น เขาไม่ชอบอะไรก็ตามที่ทำให้หลินเช่อไม่มีความสุข
หลังจากที่คิดรอบคอบโน่นนี่ดีแล้ว พวกเขาเลือกม้าที่จัดว่าดีตัวหนึ่ง กิริยานุ่มนวลและขี่ง่าย แม้ว่ามันจะค่อนข้างมีราคา ชายหนุ่มคิดว่ามันเหมาะกับหลินเช่อมาก
กู้จิ้งเจ๋อซื้อม้าตัวนั้นให้หลินเช่อและกลับไปพร้อมกับเธอ
หลินเช่อกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง เธอทำการนัดหมายกับทางสตูดิโอ แจ้งว่าเธอการเดินทางของเธอเสร็จสิ้นแล้วและพร้อมที่จะกลับมาถ่ายทำ
ที่บริษัท หยางหลิงซินทักทายหลินเช่อแล้วพูดกับเธอว่า “พี่เช่อค่ะ เมื่อวานนี้พี่ไปที่ฟาร์มม้าหรือเปล่าคะ”
“ใช่จ้ะ เธอรู้ได้ยังไงน่ะ” เธอถาม
หยางหลิงซินบอก “ฉันเห็นรูปพี่น่ะค่ะ พี่โพสต์บน Weibo ไม่ใช่เหรอคะ นี่ไง”
หลินเช่อจึงนึกได้ว่าเธอยุ่งมากเสียจนไม่ได้เปิดดูเนื้อหาของข่าว
มีคนมากมายเขียนข้อคิดเห็นเอาไว้ด้านล่าง บ้างอธิบายว่าที่หลินเช่อถ่ายรูปหมู่ที่ทางเข้าฟาร์มเพราะไม่มีเวลาพอที่จะถ่ายรูปคู่ทีละคน
ทุกคนคิดไปทันทีว่าหลินเช่อช่างเป็นคนอบอุ่นใจดี
หยางหลิงซินว่า “ทุกคนในโลกออนไลน์ต่างพูดว่าพี่เป็นคนน่ารัก พี่ดีกับแฟนๆ และคนที่ผ่านไปมาบนถนน พี่เช่อคะ พี่ทำได้ยังไง พี่ทำให้คนมากมายคิดกับพี่ในแง่ดีอย่างนี้ได้ยังไง”
หลินเช่อพูดยังรู้สึกงง “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันก็แค่…หัวอ่อน ฉันไม่อยากทำให้คนอื่นไม่พอใจและใครๆ ก็อยากเห็นคนดัง ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาน่ะ”
หยางหลิงซินพูดด้วยความอิจฉา “ฉันหวังว่าวันนึงทุกคนจะชอบฉันเหมือนกัน พี่เช่อ ฉันต้องเรียนรู้จากพี่แล้วล่ะค่ะ”
หลินเช่ออมยิ้มแล้วลูบหัวเธอ
หลินเช่อถามถึงอวี๋หมินหมิ่น หยางหลิงซินบอกว่าอวี๋หมินหมิ่นไม่ว่างมาสองวันแล้วและเธอรู้สึกว่ามันแปลกชอบกล
เธอเองก็ไม่รู้ว่าอวี๋หมินหมิ่นอยู่ที่ไหน
ที่บ้าน
อวี๋หมินหมิ่นเดินตรงไปที่ห้องของเธอ
แม่ของเธอเห็นอวี๋หมินหมิ่นและร้องเรียก “พ่อแกยืนกรานว่ามันเป็นรูปแก แม่จะทำยังไงดีพ่อไปพบประธานาธิบดีเพื่อขอเงินจากเค้า เราจะทำยังไงถ้าเกิดพ่อตายอยู่ด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดี”
ขณะที่อวี๋หมินหมิ่นทำงานอยู่เธอได้รับโทรศัพท์บอกว่าพ่อของเธอเห็นรูปบนอินเทอร์เน็ต เมื่อเขาเห็นรูปก็มั่นใจมากว่าต้องเป็นรูปของอวี๋หมินหมิ่น เขาคิดว่าเธอและประธานาธิบดีต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างแน่นอน เขาจึงต้องการไปขอเอาเงินจากประธานาธิบดี
แม่ของอวี๋หมินหมิ่นพูด “เราจะทำยังไงกันดี แม่บอกเค้าว่ามันเป็นไปไม่ได้ แกจะไปมีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีได้ยังไง แต่พ่อเค้าไม่ฟัง”
อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้พูดไปว่าแท้จริงแล้วคือเธอเอง
สายตาของพ่อเธอช่างแม่นยำเสียจริง เขาคงเห็นข้าวของของเธอวางอยู่ใกล้ๆ
อวี๋หมินหมิ่นโทรแจ้งลินดาว่าพ่อของเธออาจจะไปที่ทำเนียบของท่านประธานาธิบดี
ลินดาตอบว่าเขามาถึงที่ด้านนอกของเกลซท์ ไทล์ พาเลซแล้วและมาทำเสียงดัง พวกเขากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาจึงพาตัวไปกักตัวไว้ที่ห้องรักษาความปลอดภัย
อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกผิดมาก
“ฉันต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้พวกคุณ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
ลินดาวางหูโทรศัพท์ลงและความรู้สึกต่ออวี๋หมินหมิ่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในตอนแรก เธอนึกว่าอวี๋หมินหมิ่นจงใจเข้าใกล้กู้จิ้งหมิงดังนั้นเธอจึงคอยระวังอยู่ตลอด ตอนนี้เธอคิดว่าหญิงสาวเป็นแค่คนๆ นึง ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต
อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก พ่อของเธอคนนี้สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน
แค่คิดก็ทำให้เธอปวดหัวแล้ว
การที่ต้องอดทนกับมันก็ทำให้เธอปวดหัวเช่นกัน เธอรีบเร่งไปที่เกลซท์ ไทล์ พาเลซ
ลินดามารออยู่ตรงข้างนอกแล้ว อวี๋หมินหมิ่นเข้าไปหาพ่อของเธอ เขาพูดด้วยอาการตื่นเต้น “หมินหมิ่น บอกพ่อซิ นี่ใช่แกหรือเปล่า แกมีไฝที่มือ พ่อจำได้แม่น พ่อบอกแม่ว่านี่คือลูกแต่แม่เขาไม่เชื่อ”
อวี๋หมินหมิ่นดึงเขาเข้ามา “พอได้แล้ว มากับหนู”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น นั่นประธานาธิบดีนะและเขาเป็นมหาเศรษฐี แกจะยอมเป็นของเล่นฟรีๆ ได้ยังไง แกนี่โง่หรือเปล่า”
“พ่อ เข้าใจเอาไว้ด้วยนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อ กลับไปกับหนูเดี๋ยวนี้”
“ปล่อยฉัน ฉันไม่กลับ ฉันไม่ไปถ้ายังไม่ได้เงิน”
“พ่ออยากตายที่นี่ใช่ไหม” เธอหันมาถาม
พ่อของอวี๋หมินหมิ่นยืนกราน “แกเป็นผู้หญิงของประธานาธิบดี แกจะปล่อยให้ฉันตายที่นี่ได้ยังไง”
อวี๋หมินหมิ่นลากเขาไปกับเธอเพราะไม่ต้องการพูดอะไรกับเขาอีก
พ่อของหญิงสาวเกิดความรำคาญ เขาประจันหน้าอวี๋หมินหมิ่นแล้วตบไปที่หญิงสาว “แกมันลูกอกตัญญู! กล้าดียังไงมาลากพ่อของตัวเอง ฉันเลี้ยงแกมาแล้วแกทำกับฉันอย่างนี้รึ”
อวี๋หมินหมิ่นเสียหลักล้มลงไปบนโต๊ะ
ตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดของประธานาธิบดีที่อยู่ใกล้เคียงตรงเข้ามาที่พวกเขา
อวี๋หมินหมิ่นได้ยินเสียงเย็นชาของกู้จิ้งหมิงดังมาจากด้านหลัง “พาคุณอวี๋ออกไปก่อน”
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นกู้จิ้งหมิงยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
เมื่อกี้เขาออกมาที่ด้านนอกแล้ว ชายหนุ่มเห็นทุกอย่างและยืนดูหญิงสาวยื้อยุดกับพ่อที่ดูจะเสียสติ
แต่จู่ๆ พ่อของเธอก็เกิดคลั่งขึ้นมาและตบหน้าเธอ
พ่ออวี๋ไม่เคยเห็นประธานาธิบดีนอกจอทีวี เขาจึงนิ่งงันไป
กู้จิ้งหมิงจ้องเขม็งไปที่เขาและออกคำสั่งด้วยความรังเกียจ “ส่งเขาไปสถานีตำรวจด้วยข้อหาจงใจทำร้ายร่างกาย”
“เฮ้ คุณ…ฉันเป็นพ่อของอวี๋หมินหมิ่นนะ บอกฉันซิ ระหว่างคุณสองคนมีอะไรกันใช่มั้ย ดูเหมือนว่าจะจริงแฮะ โอ้โห หมินหมิ่น…หมินหมิ่น แกนี่ใช้ได้จริงๆ แกจับประธานาธิบดีได้รึ ทำไม่แกไม่บอกฉัน”
อวี๋หมิ่นหมิ่นยืนอยู่ข้างนอก ส่ายหัวของเธอที่ตอนนี้วิงเวียนมากขึ้นกว่าเดิม เธอแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
“อย่าขยับ” ทันใดนั้นเสียงของกู้จิ้งหมิงก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “เธอเลือดออก” ขณะที่พูดเขาเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของเธอ
อวี๋หมินหมิ่นยกหัวขึ้นและมองขึ้นไปที่กู้จิ้งหมิงด้วยความประหลาดใจ
เขาเม้มริมฝีปากอันบางเฉียบมองดูเธออย่างภาคภูมิใจ
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่แผลเล็กๆ เอง”
เขาถาม “นั่นพ่อคุณเหรอ”
อวี๋หมินหมิ่นพยักหน้า “ฉันไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องรูปของเราได้ยังไง ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันส่งเขาไปขังไว้แล้ว”
“อ้า งั้นหรือคะ อันที่จริง เขาน่าจะคุ้นเคยกับสถานีตำรวจเป็นอย่างดี ปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์ในนั้นซักสองสามวันก็ได้ค่ะ ขอโทษนะคะ เขาตื่นเต้นไปหน่อย ปกติท่านประธานาธิบดีอยู่แต่ในทีวีเท่านั้นและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นตัวจริง เขาคงไม่ชินน่ะค่ะ ฉันจะเตือนไม่ให้เขามาก่อเรื่องอีก”
กู้จิ้งหมิงนิ่วหน้า สายตาของเขายังคงจ้องอยู่ที่รอยเลือดตรงมุมปากของเธอ
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอบวมแดงและดูแย่มาก
อวี๋หมินหมิ่นพูด “ฉันไม่เป็นไร ฉันโดนมาหนักกว่านี้ไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่เด็ก แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”
กู้จิ้งหมิงบอก “เธอควรยื่นคำร้องต่อมูลนิธิช่วยเหลือครอบครัวนะ ฉันจำได้ว่ามีข้อกฎหมายนี้ในประเทศซี”