เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 363
ทว่า ใบหน้าเรียบเฉยของกู้จิ้งเจ๋อกลับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขามองหน้าลู่ชูเซี่ย “ไม่จำเป็น ฉันจะไปส่งเขาเอง”
ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะได้พบสตีเฟ่นและผู้บริหารเหล่านี้ และครั้งนี้สตีเฟ่นเป็นคนลงทุนนัดหมายทุกคนให้มาร่วมพูดคุยกันด้วยตัวเอง ลู่ชูเซี่ยไม่เชื่อว่ากู้จิ้งเจ๋อจะยอมทิ้งการประชุมไปง่ายๆ แบบนี้
นี่เขากล้าหักหน้าสตีเฟ่นเพียงเพราะผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ
ลู่ชูเซี่ยเริ่มใจคอไม่ดี “อย่าเลยค่ะ ให้ฉันช่วยพาเธอไปส่งดีกว่า นานๆ ทีพี่จะได้เจอกับสตีเฟ่นนะคะ ถ้าพี่จะไม่ไว้หน้าคนอื่น อย่างน้อยก็น่าจะไว้หน้าสตีเฟ่นบ้าง”
แต่กู้จิ้งเจ๋อจ้องตอบลู่ชูเซี่ยอย่างไม่ลดละ “อะไรสำคัญกว่ากัน การรักษาหน้าหรือว่าสุขภาพของภรรยาฉัน”
“…” ลู่ชูเซี่ยตกตะลึง
คำพูดของเธอติดค้างอยู่ที่ปาก ไม่อาจพูดออกไปได้ในตอนนี้
สิ่งที่เขาพูดออกมา หมายความว่าเขาไม่สนใจว่าจะต้องรักษาหน้าใครทั้งสิ้น
เขาดึงมือหลินเช่อและพาเธอออกไปด้านนอก
ที่ด้านนอก ทุกคนที่หันมาเห็นต่างพากันช็อคสนิท พวกเขาเห็นลู่ชูเซี่ยรีบตามออกมาในขณะที่กู้จิ้งเจ๋อกำลังพาหลินเช่อไป เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอะไรทั้งสิ้น ลู่ชูเซี่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความชิงชังจับใจ หล่อนได้ยินใครๆ พากันพูดถึงข่าวลือที่ไม่รู้ว่าผุดขึ้นมาจากไหน ที่ว่าผู้หญิงของกู้จิ้งเจ๋อไม่สบาย และเขาก็บอกกับสตีเฟ่น ก่อนจะทิ้งการประชุมส่วนตัวที่ชั้นบนกับสตีเฟ่นออกมาทั้งอย่างนั้น
ใครคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเคยได้ยินอยู่หรอกว่ากู้จิ้งเจ๋อไม่เคยกลัวอะไร เขาปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือโดยไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น ฉันเพิ่งได้เห็นกับตาตัวเองก็คราวนี้เอง”
“ใช่สิ ได้เป็นผู้หญิงของเขาคงจะโชคดีสุดยอดไปเลยนะ ได้ถูกเขาอุ้มกลับไปด้วยตัวเองแบบนี้น่ะ”
“การประชุมส่วนตัวของสตีเฟ่นน่ะมีคนดังๆ ระดับท็อปได้รับเชิญแค่หยิบมือเดียวเท่านั้นเองนะ เห็นรึเปล่า พวกเขาไม่ลงมาข้างล่างด้วยซ้ำ และก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นบนเลย ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้พวกเขาไม่โผล่หน้าออกมาให้ใครเห็นด้วยซ้ำ แต่กู้จิ้งเจ๋อเดินออกมาเฉยๆ อย่างงั้น ไม่แคร์อะไรเลยซักนิด ถ้าเป็นฉันละก็ ต่อให้ถูกลากก็คงไม่ยอมออกมาง่ายๆ หรอก”
เมื่อลู่ชูเซี่ยได้ยินก็พลอยเลือดขึ้นหน้า
หล่อนอุตส่าห์ตั้งตารอการประชุมที่จัดโดนสตีเฟ่นครั้งนี้ แล้วก็คิดว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางยอมทิ้งการประชุมไป ไม่คิดเลยว่าเขากลับเดินออกมาหน้าตาเฉยอย่างั้น
แถมยังอุ้มหลินเช่อกลับไปด้วย
ในห้องพัก
หน้าของหลินเช่อซีดจนน่ากลัว
ชายหนุ่มวางเธอลงบนเตียงและพิจารณาดูร่างตรงหน้า “รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”
หลินเช่อส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ยังปวด”
กู้จิ้งเจ๋อพูดขึ้นว่า “ฉันจะไปตามหมอ”
“ก็ปวดท้องเท่านั้นเองค่ะ อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย มันไม่ได้มีอาการอื่นด้วย”
“ไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มตอบ เขาไม่พูดอะไรอีกและรีบสั่งให้คนโทรตามหมอทันที
หมอมาถึงอย่างรวดเร็วและค่อยๆ เข้าตรวจอาการของหลินเช่อ ก่อนจะบอกว่า “เป็นแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารน่ะครับ ก็เลยทำให้มีอาการปวดลำไส้”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “เป็นเพราะกินอาหารไม่สะอาดงั้นหรือ”
“อาจจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนก็ได้ครับ สาเหตุไม่ค่อยจะเป็นที่แน่ชัดเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรน่าห่วง นี่เป็นยาฆ่าเชื้อในลำไส้แล้วก็ยาแก้ปวด หลังจากกินยาแล้วก็น่าจะอาการดีขึ้นครับ ส่วนปัญหาเรื่องลำไส้ ช่วงนี้ก็ระวังอย่ารับประทานอาหารทะเล อาการที่นี่ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล อาจจะเป็นเพราะผู้ป่วยกินอาหารทะเลมากเกินไปก็ได้ครับ”
หลินเช่อพยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินก็ค่อยสบายใจมากขึ้น เขาปล่อยให้เธอนอนพัก ก่อนจะหันไปรินน้ำมาให้เพื่อที่เธอจะได้กินยา
หลินเช่อเงยหน้าขึ้น กลืนยาลงคอ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่ม “เห็นมั้ยคะ ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักหน่อย ฉันหายากินเองก็หายแล้ว คุณไม่ต้องกลับมากับฉันก็ได้”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “แล้วป่วยขนาดนี้ทำไมถึงยังอดทนไม่ยอมบอกอีกล่ะ นี่ปวดมานานแค่ไหนแล้ว”
เมื่อโดนเผยความลับ หลินเช่อก็บุ้ยปาก ก้มหน้า วางแก้วน้ำลง ก่อนจะพึมพำตอบ “ก็ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอกค่ะ…”
“พูดสิ ปวดมานานแค่ไหนแล้ว บอกฉันมา”
หลินเช่อเงยหน้า ไม่อยากทำให้เขาต้องเป็นห่วง “ไม่ได้นานขนาดนั้นจริงๆ ค่ะ”
หน้าคนถามยิ่งบึ้งตึงหนัก เขาตวัดสายตาเขียวปั้ดมองเธอ “นี่จะบอกความจริงฉันรึเปล่า”
เมื่อเห็นว่าเขาดื้อดึงจะรู้ให้ได้ หลินเช่อจึงรีบตอบไปว่า “ก็ได้ค่ะ ก็ได้ ฉันบอกก็ได้ มันก็ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเริ่มปวดตอนที่ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ นั่นเข้าไปนั่นแหละ ฉันก็เลยคิดว่าบางทีอาจจะเพราะเครื่องดื่มนั่นเย็นเกินไป ก็เลยทำให้ปวดท้อง”
ถ้าเป็นตอนนั้น ก็อย่างน้อยๆ มากกว่าสิบนาทีแล้ว
ชายหนุ่มตวัดสายตามองเธอ “ทำไมถึงได้งี่เง่าอย่างนี้นะ เธอควรจะบอกฉันทันทีที่ปวดสิ”
“ฉะ…ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนี่คะ” หลินเช่อตอบเสียงแผ่วเบา
“จะไม่เป็นเรื่องใหญ่ได้ยังไง!” เขาตวาดดุดัน
หลินเช่อยิ่งหัวหดหนักขึ้นไปอีก “ฉันก็แค่กลัวว่ามันจะไปขัดจังหวะการทำงานของคุณ คุณไม่เห็นหรือคะ แล้วฉันก็ทำงานคุณพังจริงๆ พอฉันบอกว่าปวดท้องคุณก็พาฉันกลับมาห้องนี่ไง ฉันคิดว่าการประชุมยังไม่น่าจะจบนะคะ ทำไมคุณไม่กลับไปล่ะคะ เดี๋ยวฉันได้พักซักหน่อยก็คงดีขึ้น”
จะให้เขาทำแบบนั้นได้ยังไง!
“ยัยโง่” เขามองหลินเช่ออย่างนึกสงสาร เมื่อคิดว่าเธอต้องอดทนกับความเจ็บปวดอยู่นานทีเดียว เพราะอย่างนี้นี่เองมือเธอถึงได้ชื้นเหงื่อขนาดนั้น แล้วหน้าก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ หัวใจของเขาปวดหนึบเพราะว่าเธอ
นี่ถ้าเขาไม่เห็นเข้า เธอก็คงยังจะทนปวดต่อไปสินะ
ยัยผู้หญิงโง่นี่
ชายหนุ่มยกแขนขึ้นโอบรอบศีรษะเธอไว้ ให้เธอได้ซุกอยู่ในอ้อมแขนเขา ศีรษะแอบอิงพิงอกกว้าง กู้จิ้งเจ๋อลูบเส้นผมเป็นเงาสลวยของเธอเบาๆ
“ยัยโง่ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ทำไมเธอถึงต้องทนปวดด้วยล่ะ”
“มันก็ไม่ได้ปวดขนาดนั้นนะคะ”
“ฉันรู้ว่าปวดลำไส้มันทรมานแค่ไหน นี่ยังจะพยายามโกหกฉันอีกรึไง แล้วถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ล่ะ หรือถ้าอาการปวดมันนำไปสู่อย่างอื่นล่ะ เธอจะดูแลตัวเองได้ยังไง อีกอย่าง ฉัน กู้จิ้งเจ๋อ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงของฉันต้องมาอดทนอะไรเพื่อฉัน ถ้าฉันทำงานหนักขนาดนี้ แล้วเธอยังจะต้องมาอดทนกับความปวดขนาดนี้เพื่อฉัน แล้วฉันจะมีสถานะและเงินทองขนาดนี้ไปทำไมกัน”
“…”
“เอาเป็นว่า คราวหน้าอย่าทำอีกก็แล้วกัน ยัยบื้อ”
ถ้าเธอเป็นอะไรไป มันคงจะไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก
เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นไม่สำคัญเลย
หลินเช่อพูดขึ้นว่า “ว่าแต่แล้วกับมิสเตอร์สตีเฟ่นจะไม่เป็นไรจริงๆ หรือคะ ท่าทางเขาเป็นคนมีฝีมือเอามากๆ”
“เขาเป็นคนเก่ง เพราะอย่างนี้เราถึงไม่ได้ต้องพึ่งพาเรื่องภาพลักษณ์กันยังไงล่ะ ทุกคนมีความสามารถของตัวเอง ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลหรอก อีกอย่าง ฉันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพบปะสังสรรค์ แค่โผล่หน้าไปร่วมงานก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว ก็แค่ออกมาก่อนเท่านั้นเอง”
มิน่า…เขาเป็นคนเก่งนี่เอง
กู้จิ้งเจ๋อถาม “ยังปวดท้องอยู่อีกมั้ย”
หลินเช่อจึงนึกถึงอาการป่วยของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนแรกนั้นมันปวดมากทีเดียว แต่หลังจากกินยาและได้นอนพัก เธอก็ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว
เธอจึงตอบไปว่า “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อยกศีรษะของเธอวางลงบนตักเขา แล้วเริ่มนวดท้องให้
แล้วทันใดนั้นเอง ที่นอกห้อง
ลู่ชูเซี่ยก็มาถึง
หล่อนหันมองคนรับใช้แล้วถามว่า “พี่จิ้งเจ๋อกับหลินเช่ออยู่ข้างในรึเปล่า”
คนรับใช้ตอบว่า “อยู่ค่ะ”
“โอ้ ฉันมาเยี่ยมน่ะ คุณผู้หญิงไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“เธอไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ฉันอยากพบหลินเช่อหน่อย” หล่อนว่า
คนรับใช้จึงตอบเพียงว่า “ขอดิฉันโทรถามท่านก่อนนะคะ”
พูดจบหล่อนก็ผลักประตูเข้าไป โดยมีลู่ชูเซี่ยยืนมองคนรับใช้ของตระกูลกู้อย่างขัดใจ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็คิดอะไรเองไม่เป็นกันทั้งนั้น แถมยังกล้าทำตัวเหิมเกริมกับหล่อนแบบนี้ นี่ทำให้ลู่ชูเซี่ยยิ่งปรี๊ดหนัก คนรับใช้เหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะรับฟังคำสั่งของตระกูลกู้เท่านั้น และปฏิบัติหน้าที่ได้ราวกับมืออาชีพ แต่พวกเขาก็ไม่เคยที่จะไว้หน้าหล่อนเอาเสียเลย
เมื่อคนรับใช้เปิดประตูให้เปิดออก ลู่ชูเซี่ยก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังตระกองกอดหลินเช่ออยู่ข้างใน