เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 371
เมื่อลู่ชูเซี่ยได้ยินเช่นนั้น เธอก็ยิ่งขึ้นเสียงดังกว่าเดิมด้วยความเหลืออด “แกหมายความว่ายังไงที่บอกว่า ‘บังเอิญ’ น่ะ แกจงใจเหยียบเท้าฉันชัดๆ”
หลินเช่อตอบ “ฉันก็บอกคุณแล้วนี่คะ ว่าเราไปดูภาพในกล้องวงจรปิดกันก็ได้จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่านจะได้ตัดสินด้วยตัวเอง แต่ที่ฉันพูดเป็นความจริงค่ะ”
“ถ้าเธอต้องการแบบนั้น งั้นก็ได้ ฉันไม่กลัวหรอก”
“พอที” ลู่ฉินอวี่หันไปปรามลู่ชูเซี่ย
หญิงสาวทำหน้าจ๋อย “คุณพ่อ”
หน้าของลู่ฉินอวี่ระบายไปด้วยความโกรธ “แกยังก่อเรื่องไม่พออีกหรือไง อย่ามาทำตัวน่าขายหน้าที่นี่ กลับไปรักษาข้อเท้าแกได้แล้ว”
“หนู…” ลู่ชูเซี่ยโวยวายขึ้นอย่างไม่ยอม “คุณพ่อ อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อเชื่อคำพูดของนังแพศยานี่มากกว่าหนูน่ะ”
“ฟังตัวเองพูดบ้างเถอะ พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยเลย พูดอย่างโง้นที พูดอย่างงี้ที แกควรจะกลับห้องไปทบทวนตัวเองได้แล้ว และก็อย่าออกมาจนกว่าฉันจะอนุญาต”
“…” ลู่ชูเซี่ยมองหน้าบิดาของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
ตอนนี้เธอพลุ่งพล่านไปด้วยโทสะ ซ้ำยังรู้สึกได้ถึงความเสียใจที่ตามมาด้วย
พ่อของเธอเป็นคนเข้มงวดและเธอก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายต่อหน้าท่านมาโดยตลอด วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเช่อละก็ เธอคงไม่ต้องมาพรั่งพรูคำพูดแย่ๆ แบบนี้ออกมาหรอก
หญิงสาวตวัดสายตามองหลินเช่ออีกครั้ง
“แต่ คุณพ่อคะ คุณพ่อจะเชื่อแม่นี่จริงๆ หรือคะ!” ลู่ชูเซี่ยไม่เต็มใจรับความพ่ายแพ้ จึงถามเสียงอ่อนๆ ขึ้นอีกครั้ง
ลู่ฉินอวี่ตอบว่า “ฉันเชื่อเขา ฉันได้พบหลินเช่อก่อนหน้านี้ และเขาก็เป็นเด็กดีมาก เขาไม่มีทางโกหกแน่”
“…” ลู่ชูเซี่ยไม่อยากจะเชื่อว่าการพบกันเพียงครั้งเดียว จะทำให้พ่อของเธอคิดว่าหลินเช่อเป็นเด็กดีและไม่มีทางโกหกไปได้
นังหลินเช่อนี่…มันเอาชนะใจพ่อเธอได้ยังไงกันนะ
ลู่ชูเซี่ยหัวเสียหนัก หมุนตัวและเดินออกมา
หลินเช่อมองอีกฝ่ายเดินจากไป ด้วยท่าทีที่ยิ่งโกรธจัดหนักกว่าเดิม
หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นเมื่อคิดถึงว่า ลู่ฉินอวี่อุตส่าห์เข้าข้างเธอ แต่ในขณะเดียวกันหลินเช่อก็รู้สึกแย่ด้วยเหมือนกัน
เพราะเธอเป็นต้นเหตุให้เกิดความบาดหมางระหว่างพ่อและลูก นั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย
เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านคะ…”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปสนใจเลย เดี๋ยวฉันจะจัดการคนพวกนี้เอง ต้องขอบคุณที่พวกเขายังไม่ทันทำอะไรเธอ” เขาหันมามองหลินเช่อ “แล้วก็เป็นความผิดของฉันด้วยเหมือนกันที่ไม่คอยดูแลลูกสาว ปล่อยให้มาทำตัวยโสโอหังแบบนี้ เธอคงจะกลัวแย่สินะ”
“ไม่เลยค่ะ อันที่จริงแล้วฉันไม่เป็นไร” หลินเช่อตอบ “แต่ว่า…ตอนนี้…ฉันต้องขอพูดตรงๆ กับคุณนะคะ ว่าฉันตั้งใจเหยียบเท้าเขาจริงๆ
“หือ” ลู่ฉินอวี่หันมามองเธอ
หลินเช่อจับผมตัวเองอย่างกระวนกระวายแล้วพูดอายๆ ว่า “ฉันเห็นเขายื่นขาออกมาเพื่อให้ฉันสะดุด ฉันเห็นเข้าแต่ก็ไม่ได้เดินเลี่ยงออกมาซะ ฉันกะว่าจะเหยียบเท้าเขาแต่ก็ไม่คิดว่ารองเท้าส้นสูงของฉันจะทำให้เขาบาดเจ็บมากขนาดนี้น่ะค่ะ”
เมื่อลู่ฉินอวี่ได้ยินเช่นนั้นพลางมองเห็นหลินเช่อที่กำลังจับผมตัวเองอยู่ไปมา เขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา…
หลังจากอึ้งไปเป็นครู่ ชายชราก็มองหญิงสาวตรงหน้า แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “ฉันไม่ได้เข้าข้างเธอหรอก ฉันรู้จักลูกสาวฉันดี เขาเป็นคนแบบนี้นี่แหละ หุนหันพลันแล่น ชอบการเผชิญหน้า แล้วก็เจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย เพราะแบบนี้ฉันถึงรู้ไงล่ะ ว่าเขาจะต้องทำเรื่องแย่ๆ แน่นอนถึงได้โดนคนเหยียบเอาแบบนี้”
“จริงหรือคะ แต่คุณหนูลู่ก็เป็นคนใจร้อนจริงๆ นั่นแหละ”
“ใช่แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้คงไม่ยอมเอ่ยปากอธิบายขึ้นก่อนหรอก แต่เธอ แม่สาวน้อย เป็นคนซื่อสัตย์อย่างมาก ฉันเชื่อเธอ”
“ขอบคุณที่เชื่อใจฉันค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าถึงยังไงก็มีภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่ แล้วเขาก็ท่าทางตั้งใจจะขัดขาฉันจริงๆ ไม่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันไม่ได้โกหก เราจะมานั่งดูภาพจากกล้องด้วยกันเพื่อเผยความจริงก็ได้ แต่ฉันเองก็ผิด ที่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ความรุนแรงแบบนั้น”
“ใช่ ฉันรู้”
“คุณลู่” ในตอนนั้นเอง กู้จิ้งเจ๋อเดินออกมาจากทางด้านหลัง แล้วเขาก็เห็นลู่ฉินอวี่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น จึงอดประหลาดใจไม่ได้
หลินเช่อรีบวิ่งเข้าไปหาเขา
กู้จิ้งเจ๋อจับมือหลินเช่อไว้และจูงเดินมาหาลู่ฉินอวี่ “คุณกำลัง…”
ลู่ฉินอวี่ยิ้มเมื่อหันไปมองหลินเช่อ “ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยกันนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ทำไมล่ะ กลัวว่าฉันจะรังแกหล่อนหรือไง ไม่หรอก ไม่ ฉันคิดว่าหล่อนน่าสนใจแล้วก็น่ารักมากทีเดียวละ ฉันไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นภรรยาของเธอ เธอโชคดีมากในเรื่องความรักนะ สาวน้อย เธอเองก็สวยมากด้วย”
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งประหลาดใจหนักขึ้นไปอีก เขาก้มลงมองหลินเช่อ แล้วหันกลับไปยิ้มให้อีกฝ่าย “ครับ ผมโชคดีมาก”
ลู่ฉินอวี่พูดต่อไป “สาวน้อย ขอให้สนุกกับงานเลี้ยงนี่พร้อมจิ้งเจ๋อนะ โอ้ จริงสิ นี่เบอร์โทรของฉัน ถ้าต้องการอะไรก็โทรมาได้ ต่อไปถ้าเธอว่างก็แวะมาหาฉันที่บ้านตระกูลลู่ได้ทุกเมื่อ อย่าทำตัวเหมือนจิ้งเจ๋อที่เอาแต่มีงานยุ่งตลอดเวลา ตอนนี้เราเป็นญาติกันแล้ว เธอมาหาฉันได้ไม่มีปัญหา”
“อา โอเคค่ะ ขอบคุณนะคุคุณลู่ ถ้าว่างฉันจะไปค่ะ”
หลินเช่อมองนามบัตรที่ได้รับมา
ลู่ฉินอวี่มองหน้าหลินเช่ออีกครั้ง แล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจ
เหมือนมากจริงๆ
แต่ก็คงไม่ใช่แน่ๆ
หลินเช่ออายุน้อย อายุน้อยเกินไป
ในขณะที่หล่อน…
เขายิ้มให้หลินเช่อและเดินจากมา
เมื่อลู่ฉินอวี่เดินไปแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็ก้มลงถามหลินเช่อว่า “เธอไปรู้จักประมุขตระกูลลู่ได้ยังไง”
หลินเช่อตอบ “โอ้ เราเจอกันหน้าห้องน้ำก่อนหน้านี้น่ะค่ะ แล้วตอนนี้เขาก็เข้าข้างฉันด้วย เขาเป็นส่งลู่ชูเซี่ยกลับไปนั่งสำนึกผิด”
“งั้นเหรอ” กู้จิ้งเจ๋อนึกแปลกใจ ทำไมคุณลู่จะต้องเข้าข้างหลินเช่อด้วยล่ะ
หลินเช่อเองก็สงสัยไม่แพ้กัน “คุณลู่เพิ่งรู้จักฉันได้ไม่นาน ทำไมเขาถึงช่วยฉันแบบนี้ล่ะคะ ตระกูลลู่ไม่ได้กลัวอะไรตระกูลกู้นี่นา ใช่มั้ยคะ”
“เราเกื้อหนุนกันในโลกธุรกิจ แต่ในความสัมพันธ์เราไม่ได้พึ่งพาอะไรกัน ไม่มีใครกลัวใคร เพราะฉะนั้นที่เขาเข้าข้างเธอ ไม่น่าจะเป็นเพราะเธอเป็นภรรยาของฉันหรอก”
“จริงหรือคะ งั้นก็น่าแปลกมาก” หลินเช่อยิ่งได้ยินก็ยิ่งประหลาดใจ
กู้จิ้งเจ๋อพูดขึ้นว่า “เอาละ อย่าไปคิดมากเลย กลับกันดีกว่า”
“โอเคค่ะ ธุระของคุณเรียบร้อยแล้วหรือคะ”
“ใช่แล้ว”
แล้วอยู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังกระหึ่มขึ้นมา
“ผลโวตสำหรับแดนซิ่งควีนในคืนนี้สิ้นสุดลงแล้ว และแดนซิ่งควีนของคืนนี้ก็คือ…คู่เต้นของคุณกู้จิ้งเจ๋อ คุณหลินเช่อครับ!”
ทุกคนพากันปรบมือ
ผลโวตอันไม่คาดคิดสร้างความประหลาดใจอย่างมาก แต่ภาพการเต้นที่ทุกคนจำได้ติดตาจนลืมไม่ลง ก็คือภาพตอนที่หลินเช่อยืนบนเท้าของกู้จิ้งเจ๋อและเต้นรำ
หลินเช่อเองก็ไม่คิดว่าผลโวตของเธอจะได้คะแนนสูงกว่าคนอื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนั้น
หญิงสาวจึงมองออกไปด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม
เธอหันไปมองเขาด้วยความช็อค “ฉันได้ค่ะ โอ้พระเจ้า ฉันเต้นรำแย่ออกขนาดนั้นน่ะนะ”