เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 378 สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ
ฉินหวานหว่านสวยหวานสมชื่อจริงๆ
หลินเช่อก้มลงมองชุดสีแดงแตงโมของตัวเองแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นยัยขี้ขลาดที่ไม่กล้าใส่ชุดสีสันฉูดฉาดแบบนั้น เธอโดนชาวเน็ตถล่มมากเสียจนกลัวที่จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเรื่องแบบนี้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ หลินเช่อจึงไม่ค่อยกล้าทำอะไรที่ทำให้ตัวเองโดดเด่นสะดุดตา
และแล้วฉินหวานหว่านก็หันมายิ้มให้จากด้านในงาน หล่อนฉายเสน่ห์อย่างเต็มเปี่ยมทีเดียว
ด้วยหางชุดราตรีที่ยาวลากพื้น ฉินหวานหว่านค่อยๆ เดินช้าๆ และหยุดให้ทุกคนถ่ายรูป ไม่ว่าจะเยื้องกรายไปทางไหน แสงไฟก็สว่างพรึ่บพรั่บ หล่อนกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจโดยแท้ และเป็นเรื่องยากที่จะไม่นึกอิจฉา
ฉินหวานหว่านเซ็นชื่อลงบนแผ่นกระดานก่อนที่จะหายตัวไปจากพรมแดงในที่สุด และลำดับต่อไปก็คือ หลินเช่อ
เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเช่อดูไม่สะดุดตาเท่า
เมื่อนักข่าวร้องเรียกชื่อเธอ หลินเช่อก็เงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มไปทักทาย
นักข่าวจากต่างประเทศถ่ายรูปเธออย่างสุภาพและยิ้มให้
หลินเช่อตอบรับทุกคนเป็นอย่างดี ชุดที่เธอสวมนั้นไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
ส่วนที่อยู่ติดกับชุดสีแดงของเธอคือเกาะอกสีดำ ชุดนั้นตัดจากผ้าที่มีความแวววาว ตกแต่งด้วยผ้าหลากสีด้านล่างซึ่งช่วยขับผิวผ่องนวลเนียนของผู้สวม สายรัดเอวช่วยส่งให้เอวกลมนั้นยิ่งดูบอบบาง น่าทะนุถนอมยิ่งขึ้นไปอีก ดูแล้วเป็นชุดที่เหมาะเจาะกับงานแบบนี้มากกว่าฉินหวานหว่านเสียอีก
ไม่ช้าหลินเช่อก็เข้าสู่งานด้านใน และเห็นฉินหวานหว่านกำลังโบกมือคอยท่าอยู่
“เฮ้ หลินเช่อ เธอก็มาปารีสเหมือนกันเหรอจ๊ะ ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนล่ะ”
“ฉันไม่รู้นี่นาว่าเธอจะมาด้วยน่ะ”
“ฉันมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์น่ะ ฉันเป็นตัวแทนให้คาดิย่า เธอล่ะจ๊ะ มาทำอะไร”
หลินเช่อตอบ “อืมเอาเป็นว่าฉันมาที่นี่เพื่อเดินพรมแดงเท่านั้นแหละ ไม่ได้มาเป็นตัวแทนให้แบรนด์อะไรหรอก”
“อา แล้วนี่เธอเข้ามาในงานได้ยังไงกันล่ะ”
“ฉันขอบัตรเชิญเขามาน่ะ”
“เข้าใจละ ไม่เป็นไรหรอก งานนี้เข้ามายากออกจะตายไป ส่วนใหญ่ก็เพราะว่าเราไม่มีคอนเน็คชั่นกับทางต่างประเทศนี่แหละ ก็เลยไม่ได้รับบัตรเชิญ ดูสิ ยังมีคนที่เดินอยู่บนพรมแดงอีกตั้งหลายคน แต่พวกเขาเข้ามาในงานไม่ได้ต่อให้อยากเข้าก็เถอะ”
ฉินหวานหว่านรวบชายกระโปรง แล้วเอ่ยว่า “เอาละ ฉันจะไปเปลี่ยนชุดก่อนละนะ ไม่ไหวแล้วกับชุดนี้ ถ้าขืนใส่ต่อต้องเป็นบ้าแน่ๆ”
“ได้จ้ะ ไปเถอะ”
เมื่อแยกกัน หลินเช่อก็ได้รับสูจิบัตรของงานแฟชั่น โชว์ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมงานแฟชั่น โชว์ถึงได้ดึงดูดผู้คนได้มากมายแบบนี้ แต่หญิงสาวก็ค่อยๆ อ่านกำหนดการต่างๆ อย่างระมัดระวัง ถึงยังไงเธอก็นั่งดูโชว์อยู่ข้างกู้จิ้ิ้งอวี่ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ค่อยสนนักหรอกว่ามันจะเป็นโชว์อะไร
เมื่อฉินหวานหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หล่อนก็กลับออกมาเล่าให้หลินเช่อฟังต่อว่า หล่อนได้รับเชิญจากคาดิย่า ให้มาดูโชว์ของคาดิย่า นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะดูโชว์ของลาฟาเยตต์และชาแนลต่อด้วย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ โชว์ที่ฉินหวานหว่านเลือกดูนั้นล้วนแต่เป็นโชว์ของแบรนด์ดังๆ ทั้งสิ้น
หลินเช่อไม่รู้ว่าตัวเองจะอยากดูโชว์ของใคร จึงได้แต่บอกว่า “เดี๋ยวฉันขอดูก่อนก็แล้วกัน”
ฉินหวานหว่านรีบแย้งทันที “ยัยบื้อ กว่าบริษัทจะหาทางส่งเธอมาร่วมงานนี้ได้น่ะไม่ใช่ง่ายๆ นะจ๊ะ เธอต้องเลือกโชว์ที่มันคุ้มค่าที่จะดูหน่อยสิ พวกสื่อแล้วก็คนดังๆ น่ะ เขาเลือกเข้าไปดูโชว์ของแบรนด์ใหญ่ๆ กันทั้งนั้น แล้วก็จะมีการเขียนบทความเกี่ยวกับโชว์พวกนี้ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ เธอควรจะเข้าไปดูโชว์ของแบรนด์พวกนั้น แต่การจะได้รับเชิญเข้าไปเนี่ยมันไม่ง่ายเลย แถมถ้าโดนให้ไปนั่งข้างหลังก็ไม่มีประโยชน์อีกเพราะกล้องก็จะถ่ายภาพเธอไม่ติด”
หลินเช่อจึงตอบไปว่า “จ้ะ แต่ถึงยังไง ฉันก็ได้ยินมาว่าพวกเขาจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว”
ฉินหวานหว่านยังติไม่เลิก “เธอนี่ช่างไม่กระตือรือร้นเอาซะเล้ย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำไมขี้เกียจอย่างนี้จ๊ะ”
หลินเช่อได้แต่ยักไหล่แทนคำตอบ “ก็เพราะว่าฉันไม่คุ้นกับเรื่องพวกนี้น่ะสิ ให้พวกมืออาชีพเขาจัดการดีกว่า”
ฉินหวานหว่านถอนหายใจพลางส่ายหน้า ราวกับไม่พอใจที่หลินเช่อไม่ยอมใช้ชีวิตตามที่หล่อนคาดหวัง
อวี๋หมินหมิ่นเอ่ยขึ้นเมื่อฉินหวานหว่านแยกตัวไปแล้ว “ดูเหมือนว่าเขาจะได้นั่งดูโชว์ของชาแนลที่แถวหน้า”
ที่ข้างตัวเธอ หยางหลิงซินถามขึ้น “มันเข้าไปดูยากหรือคะ”
อวี๋หมินหมิ่นพยักหน้า “ชาแนลเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับบัตรเชิญให้เข้าไปดูโชว์”
อวี๋หมินหมิ่นยังอธิบายกับหยางหลิงซินต่อไปอีกว่า “เรามาร่วมพิธีเปิดแล้วก็มาร่วมเดินพรมแดง ส่วนแฟชั่นโชว์ทั้งหลายจะมีขึ้นในช่วงบ่าย บัตรเชิญที่ได้รับนั้นเป็นของแค่พิธีเปิดเท่านั้น แต่การไปดูโชว์หลังจากนี้ต่างหากที่ผู้คนเขาแก่งแย่งแข่งขันกันน่ะ บัตรเชิญสำหรับเข้าร่วมแฟชั่นโชว์นั้น แต่ละแบรนด์จะเป็นคนแจกจ่ายออกไปเอง คนทั่วไปอาจจะได้รับบัตรเชิญได้ไม่ยาก แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะต้องนั่งอยู่แถวหลัง ส่วนแบรนด์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนั้นก็ยิ่งได้รับบัตรเชิญง่าย แต่ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจอยากจะดูนักด้วย สำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างชาแนล เขาจะยกที่นั่งแถวหน้าให้กับคนดังๆ เป็นแบบนี้มานานแล้ว การจะได้ที่นั่งแถวหน้าสำหรับคนทั่วไปนับเป็นเรื่องยากมาก แม้แต่แถวหลังยังยากเลย เพราะแบบนี้ ยัยฉินหวานหว่านถึงได้รีบมาอวดใหญ่เลยไงล่ะว่าได้รับบัตรเชิญจากทั้งชาแนลแล้วก็คาดิย่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางหลิงซินก็เดือดปุดขึ้นมาทันที “ถ้าเป็นแบบนี้ ฉินหวานหว่านก็แค่อยากมาคุยโวให้ฟังเท่านั้นเองนี่คะ”
อวี๋หมินหมิ่นเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไร
หยางหลิงซินถามต่อไปอีก “ให้ตายสิ มีอะไรน่าอวดนักหนานะ”
“พอทีเถอะ ไปกันดีกว่าเราต้องไปรอกู้จิ้ิ้งอวี่อีก”
ในบ่ายวันนั้น
ในที่สุด กู้จิ้ิ้งอวี่ก็มาถึง
เขาพาหลินเช่อเข้าไปในงานพร้อมกับชาวต่างชาติ ขณะที่เดินไปด้วยกันนั้น พวกเขาก็พูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องปาก โดยกู้จิ้ิ้งอวี่คอยหันมาอธิบายสิ่งที่พวกเขาสนทนากันให้หลินเช่อฟังเป็นระยะ
“วันนี้เราเลือกโชว์ที่จะดูมาสามโชว์จากระยะเวลาการจัดงานสองสามวันนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องดูทุกโชว์หรอก เราจะได้ใช้เวลาที่เหลือไปเที่ยวกันให้สนุกเลย”
“ค่ะ แล้วแต่คุณเลย”
“ดีมาก เอาไว้พองานเลิก ฉันจะพาเธอไปกินของอร่อย”
หลังจากนั้นผู้คนก็พากันหลั่งไหลเข้ามาในงานไม่ขาดสาย พวกเขาตั้งตาที่จะได้มาดูแฟชั่น โชว์ และกลับออกไปพร้อมภาพถ่ายของตัวเอง
หลินเช่อตามกู้จิ้ิ้งอวี่ไปชมโชว์จากหลุยส์ วิตตองและชาแนล เธอยังเห็นฉินหวานหว่านในโชว์ของชาแนลด้วยซ้ำ
เพราะหล่อนนั่งอยู่ตรงข้ามหลินเช่อนี่เอง เมื่อฉินหวานหว่านเห็นหลินเช่อ จึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่เธอจะมาดูโชว์ของชาแนลด้วยเหรอ”
หลินเช่อตอบ “ใช่จ้ะ ตอนแรกฉันไม่รู้น่ะ”
“งั้นเธอก็มากับกู้จิ้ิ้งอวี่ละสิ ไม่ต้องแปลกใจเลย ยังไงเขาก็หาบัตรเชิญให้ได้อยู่แล้ว” ฉินหวานหว่านพูดพลางหันไปมองชายหนุ่ม
ส่วนกู้จิ้ิ้งอวี่ก็เพียงแต่มองตอบ
คนที่มาดูโชว์บางคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกประหลาด ท่าทางน่าจะเป็นคนในแวดวงแฟชั่นหรือไม่ก็ช่างภาพ เพื่อให้กลมกลืนไปกับคนอื่น หลินเช่อเลือกสวมเสื้อผ้าที่ดูกลางๆ ไม่ดูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ก็ดูนำแฟชั่น
ส่วนเสื้อผ้าของฉินหวานหว่านนั้นยิ่งดูประหลาดไปกว่า มันเต็มไปด้วยสีสันสดใส ไปกันได้กับสีที่ชาแนลเลือกใช้ในปีนี้อย่างมาก
ฉินหวานหว่านหันมองหลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่อย่างมีความหมาย ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปที่รันเวย์ต่อ
แฟชั่นโชว์ของแบรนด์ดังจะถูกจัดเอาไว้ในช่วงท้ายของกิจกรรม
เมื่อโชว์จบลง ก็เท่ากับงานในวันนี้ก็สิ้นสุดลงด้วย
ทุกคนต่างวุ่นวายกับการดูโชว์และถ่ายรูป เมื่อกลับถึงบ้านก็จะมีการพูดคุยกันถึงบรรดาคนดังที่มาร่วมงานแฟชั่นวีค
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชุดของฉินหวานหว่านที่สวมไปในพิธีเปิดนั้น ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างมาก
หลายคนในโลกออนไลน์พากันแซ่ซ้องหล่อน พวกเขาบอกว่าฉินหวานหว่านนั้นสวยมากจนถึงขนาดเป็นที่ชื่นชมของบรรดานักข่าวต่างชาติเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเช่อดูจะได้พื้นที่ข่าวน้อยกว่าในวันแรก ถึงแม้ว่าเธอจะดูสวย แต่เสื้อผ้าที่สวมก็ดูจะธรรมดาเกินไปและไม่มีอะไรสะดุดตาเท่าไหร่
บทความที่ลงต่างก็พูดถึงสิ่งที่แตกต่างกันของดาราแต่ละคนที่มาร่วมชมโชว์
ในบรรดาบทความเหล่านั้น ดาราที่แต่งกายได้โดดเด่นก็จะได้รับการชื่นชม ส่วนคนที่อาจจะไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ก็ยังพอมีพื้นที่ข่าวให้คนอ่านได้เห็นบ้างก็มีอยู่