เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 415 มีการแข่งขันก็มีเรื่องดีๆ
“ไม่เลวนี่ จิ้งหมิง นี่เป็นครั้งแรกที่นายพาเธอมาเจอกับพวกเรา ซ่อนไว้ดีใช้ได้” สวี่อี้กล่าวด้วยรอยยิ้มอยู่ข้างๆ
หลายคนทำเหมือนอวี๋หมินหมิ่นไม่ได้อยู่ในสายตา ทำเพียงมองดูเธอ สำรวจด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้ากู้จิ้งหมิงยังคงเรียบนิ่ง “เอาล่ะ ไปเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าเขาพูดไม่เก่งเท่าสองคนนั้น มองอวี๋หมินหมิ่น “เธอไปหาอะไรทานก่อน”
อวี๋หมินหมิ่นทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ
กู้จิ้งหมิงก้าวเดินแยกออกไปก่อน
ทั้งสองยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง มองสำรวจอวี๋หมินหมิ่น
“ภริยาท่านประธานาธิบดี แล้วเจอกันนะครับ”
“ภริยาท่านประธานาธิบดี ลาก่อนนะครับ”
อวี๋หมินหมิ่นครางตอบรับในลำคอเบาๆ เพื่อนปีศาจนี่ร้ายกาจเหมือนกันเลยแฮะ
สวี่อี้ตามกู้จิ้งหมิงไป “จิ้งหมิง ดูหุ่นไม่เลวนี่”
“ใช่ เป็นไง เคยสัมผัสหรือยัง เหอะๆ” ฟางจ้งโหมวเองก็บอก
กู้จิ้งหมิงมองทั้งสองคน “คิดผิดแล้ว”
เขายื่นมือไปตบศรีษะของสวี่อี้
“นี่ๆๆ ไม่ใช่มั้ง อยู่ที่ทำเนียบหลินหลีหลายวันขนาดนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหรอ”
“จริงๆ เลย ท่านประธานาธิบดี นายมันเฉยชาเกินไปหรือเปล่า”
พวกเขาหัวเราะออกมา ไม่ได้ต่างไปจากคนทั่วไป แต่เมื่อคนรอบข้างมองไป รีบขยับตำแหน่ง ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป
ตอนนั้นเอง…
“เฮ้ หยินซู่หย่า” สวี่อี้รีบผลักกู้จิ้งหมิง
กู้จิ้งหมิงดวงตาทะมึน เงยหน้าขึ้นมองไปยังหญิงสาวคนนั้น กระโปรงยาว ใบหน้ารูปไข่ ท่าทางศิลปิน เธอยืนอยู่ตรงนั้น ตอนที่มองมายังกู้จิ้งหมิง ใบหน้ามีรอยยิ้มพร้อมแววเศร้าสร้อยเล็กน้อย…
หลายคนเงียบลง
เนิ่นนานไม่มีใครพูดอะไรออกมา “นี่ ซู่หย่า มาแล้วเหรอ จ้งโหมว งั้นฉันไปฝั่งนั้นก่อนนะ”
เขายื่นมือออกไปคว้าฟางจ้งโหมว
เหลือไว้เพียงกู้จิ้งหมิงที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงนั้น มองหยินซู่หย่านิ่งๆ
ไกลออกไป…
อวี๋หมินหมิ่นเบื่อหน่าย มาถึงก็ถูกสะบัดทิ้ง รู้สึกไม่พอใจนิดๆ โดยเฉพาะ เมื่อมองไปยังบุคคลสำคัญเหล่านั้น ต่างก็คุ้นตา แต่ก็จำชื่อไม่ได้ รู้สึกปล่อยวางอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังเข้าร่วมงานเลี้ยง หรือว่ากำลังชมถ่ายทอดสดอยู่กันนะ?
รอบข้างล้วนเป็นบอดี้การ์ดของประธานาธิบดี ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็สนใจต่อภริยาของประธานาธิบดีคนนี้อย่างล้นเปี่ยม ทว่าไม่กล้าเข้าใกล้ ทำได้เพียงยืนมองอยู่ไกลๆ
“ว้าว ท่านประธานาธิบดียืนอยู่กับคุณหยินใช่ไหม”
“ใช่”
อวี๋หมินหมิ่นชะงัก เงยหน้าขึ้นมา กวาดตามองไปรอบๆ ไม่นานก็มองเห็น กู้จิ้งหมิงยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนสูงเด่นอยู่ด้านใน
หันหน้าเข้าหากัน ทั้งคู่กำลังสบตา มองเพียงท่าทางไม่รู้พวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่
แต่ว่า ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแบบนั้น เหมาะสมกันมาก
ตอนนั้นเอง ผู้คนรอบข้างส่งเสียงพูดคุย
“ดูเหมือนคุณหยินกับเพื่อนของประธานาธิบดีจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลยนะ”
“ใช่น่ะสิ พวกเขาเล่นอยู่ด้วยกันตลอด เดิมคุณหยินไม่ได้เข้าสู่สังคมนี้ แต่ถูกประธานาธิบดีแนะนำเข้ามาต่างหาก”
“งั้นเธอกับประธานาธิบดีเป็น…”
“ก็เห็นพูดกันแบบนั้นนะ แต่ว่า ตอนนี้พวกเขาก็ดูไม่มีอะไรแล้ว เห็นบอกว่า เป็นเธอที่ทิ้งประธานาธิบดี ไม่ยอมเป็นภริยาประธานาธิบดี ดังนั้น…”
“ไม่ใช่มั้ง กล้าทิ้งประธานาธิบดี ทำไมกัน”
“เพราะการเป็นภริยาประธานาธิบดีนั้นมันมีข้อจำกัดมากมาย ทำงานของเธอต่อไปไม่ได้ เธอเป็นนักออกแบบ ต้องออกนอกประเทศตลอดเวลา จะมาเป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างกู้จิ้งหมิงไม่ได้หรอก”
“แบบนี้นี่เอง”
อวี๋หมินหมิ่นยืนอยู่ตรงนั้น ฟังบทสนทนาของพวกเขา เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มองไปยังฝั่งนั้น
ร่างของทั้งคู่หายไปแล้ว ไม่เห็นกู้จิ้งเจ๋อแล้ว เหลือเพียงผู้หญิงคนนั้น ยืนอยู่ตรงนั้น มองด้านล่าง
อวี๋หมินหมิ่นพลันนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นใคร หยินซู่หย่า เป็นนักออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียง เพราะเธอเป็นนักออกแบบที่มีอายุน้อยที่สุดในปารีส และเป็นนักออกแบบหญิงคนแรกของประเทศซีที่ได้ออกไปยังต่างประเทศ
มิน่า ถึงได้มีบุคลิกที่ดูพิเศษ
อวี๋หมินหมิ่นรู้ ว่าตัวเธอเองมาอยู่ที่ทำเนียบเพื่อเอาไว้ประดับเท่านั้น เพียงแต่ นี่เป็นทางที่เธอจะต้องเดิน
มองกู้จิ้งหมิงที่เดินกลับมาอีกครั้ง เดินขึ้นไปกับเธอ
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ “ไปเถอะ แม่รอเราอยู่ด้านในแล้ว”
อวี๋หมินหมิ่นเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อ สูดหายใจเข้าลึก ในหัวยังคงคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อครู่ แต่เธอก็ยังยิ้มและพยักหน้าตอบรับ
ครั้งแรกที่ได้เจอกับมู่หว่านฉิง เธอยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
แต่มู่หว่านฉิงเข้าถึงง่าย มองอวี๋หมินหมิ่น ถามน้ำเสียงอบอุ่น “อยู่กับกู้จิ้งหมิง คงเหนื่อยน่าดู เป็นภริยาประธานาธิบดี ก็คงจะไม่ง่าย โดยเฉพาะ คนอย่างจิ้งหมิง เย็นชาไปหน่อย ไม่สนใจคนอื่น ถ้าเธอมีอะไร ก็มาคุยกับฉันนะ ต่อไปเธอจะมาเป็นภรรยาของกู้จิ้งหมิงของเรา ยังไงฉันก็จะยืนอยู่ข้างเธอ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มพลางพยักหน้า มองไปยังกู้จิ้งหมิงที่อยู่ตรงหน้า
เหอะ ความจริงน่ะเย็นชามากเลยล่ะ
หลังจากร่วมงานเลี้ยงเสร็จแล้ว ตอนออกมาเหล่าบอดี้การ์ดคอยเดินประกบ ห่างออกไปด้านนอกสามารถมองเห็นเหล่าหญิงสาวมาออกันอยู่ ทว่าไม่สามารถเข้ามาได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ตรงนั้น
และกู้จิ้งหมิงนั้น ไม่ได้หันไปมองรอบข้างเลยสักนิด เดินขึ้นรถไปก่อน ภายใต้การดูแลของบอดี้การ์ด
กู้จิ้งหมิงมองเห็นทำเนียบหลิวหลีแล้วจึงบอกกับอวี๋หมินหมิ่น “งานพิธีในอีกไม่กี่วัน ถ้าครอบครัวคุณยอม จะมาร่วมด้วยก็ได้”
“อ้อ พ่อฉันยังถูกจับอยู่เลย แต่ให้เขาอยู่ในห้องขังต่อไปเถอะค่ะ รอจนกว่าไม่มีใครพูดถึงแล้วเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ส่วนถ้าแม่กับน้องชายฉันสามารถเข้าร่วมงานได้…”
กู้จิ้งหมิงพยักหน้า “แน่นอน พวกเขามาได้”
“จริงเหรอคะ เยี่ยมไปเลย ขอบคุณนะคะ”
กู้จิ้งหมิงมองเธอเล็กน้อย ก่อนที่จะลงจากรถไป
อวี๋หมินหมิ่นรีบต่อสายหาแม่ของเธอ บอกให้เธอเตรียมตัว พวกเขามาร่วมงานพิธี ได้
เมื่อน้องชายรับโทรศัพท์แล้ว จึงบอก “พี่ จริงเหรอครับ เท่ไปเลย ผมจะได้ไปที่ทำเนียบหลิวหลีด้วย”
“งานพิธีจัดที่ทำเนียบหลิวหลี แน่นอนว่ามาได้”
“เยี่ยมไปเลย”
แม่แย่งโทรศัพท์กลับไป “แล้วคนด้านนอกพวกนั้นจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน เพื่อนบ้านต่างพากันรุมมอง มองแล้วก็ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น”
น้องชายได้ยินแล้วจึงบอก “พี่ อย่าให้พวกเขาไปนะ พวกเขาหล่อมาก ยืนอยู่ที่นี่เท่มากเลย ผมก็อยากเป็นบอดี้การ์ด แต่ว่าพวกเขาต้องเก่งมากแน่ๆ ได้ยินมาว่าแต่ละคนล้วนอยู่ในระดับแชมป์ยูโดเลยนะ ยิงปืนก็แม่นมาก…”
“เอาล่ะ นายก็อย่าพูดมาก บอดี้การ์ดอะไร พวกเขาแค่อยู่ที่นั่นไม่กี่วันก็เท่านั้น ไม่นานก็ไปแล้ว รอให้เรื่องนี้เริ่มคลี่คลายไปก่อน และรอไม่ให้มีคนไปรบกวนพวกนาย เดี๋ยวพวกเขาก็ไป”
“ห๊ะ แบบนั้นเหรอ แต่ผมคิดว่าเป็นแบบนี้กำลังดีเลย”
อวี๋หมินหมินพูดไม่ออก เด็กคนนี้คิดอะไรง่ายเกินไปแล้ว