เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 52
ถอดกางเกงเธอออก แล้วให้ฉันดูหน่อย
ปฏิกิริยาของโลกภายนอกที่มีต่อเหตุการณ์นี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ บางคนก็ยินดีที่ได้เห็นหลินเช่อต้องหน้าแตกเพราะกู้จิ้งอวี่ปฏิเสธข่าวรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างเธอกับเขา แต่อีกกลุ่มหนึ่งกลับรู้สึกว่าถึงแม้กู้จิ้งอวี่จะบอกว่าพวกเขาไม่ได้ออกเดตกัน แต่เขาก็บอกว่าหลินเช่อเป็นเพื่อนที่ดีและในอดีตที่ผ่านมา ถ้าหากมีใครก็ตามที่ฉวยโอกาสหาประโยชน์จากกู้จิ้งอวี่ด้วยการสร้างกระแสข่าวลือขึ้นมาแบบนี้ละก็ ดาราคนดังจะจัดการเอาคืนอย่างสาสมชนิดไร้ความปรานีเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้กู้จิ้งอวี่กลับทำเพียงปฏิเสธอย่างนุ่มนวลและไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการแก้แค้นหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อทำงานเสร็จ หลินเช่อก็กลับบ้าน เธอเห็นกู้จิ้งเจ๋อกำลังนั่งตัวตรงแน่วขณะทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะสามารถรักษาบุคลิกท่วงท่าทุกอย่างของตัวเองให้ตัวตรงเป็นสง่าอยู่ได้ตลอดเวลา
แต่ก็เพราะท่าทางขึงขังแน่วแน่แบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้เขาดูเร้าใจเหลือร้าย
เมื่อหลินเช่อเดินเข้าไปในห้อง เธอก็ชะงัก สายตาเหลือบมองนิ้วมือของกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังเคาะแป้นคอมพิวเตอร์ มันเรียวยาวจนน่าจะไปพลิ้วไหวอยู่บนคีย์เปียโน ดูอ่อนช้อยเหมือนนักบัลเลต์ผู้ช่ำชอง
หญิงสาวเหมือนถูกสะกดให้มองภาพนั้นจนไม่อาจถอนสายตาได้ มีคนบอกว่าผู้ชายจะดูดีที่สุดเวลาที่พวกเขากำลังจริงจังกับอะไรสักอย่าง ความหล่อเหลานั้นยิ่งเพิ่มเป็นอีกหลายเท่าทวีเมื่อผู้ชายคนนั้นหล่อวายร้ายอยู่แล้วอย่างกู้จิ้งเจ๋อ
เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นหลินเช่อยืนอยู่ที่ประตู เขาก็ร้องบอกไปว่า “มายืนบื้ออะไรของเธออยู่น่ะ หลินเช่อ”
แล้วหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูพลางคิดอะไรอยู่ในหัวก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเพิ่งรู้สึกตัว
กู้จิ้งเจ๋อนึกในใจ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนที่ทำตัวประหลาดแบบนี้เลย
แต่พอเขาเลื่อนไปเจอหน้าเว็บเพจหนึ่งที่ตัวเองเปิดเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ กำลังเสนอข่าวที่ว่ากู้จิ้งอวี่ออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์รักๆ ใคร่ๆ กับหลินเช่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มุมปากของกู้จิ้งเจ๋อก็อดยกขึ้นนิดๆ เป็นรอยยิ้มไม่ได้ เมื่อเหลียวกลับไปมองหลินเช่อ เธอก็ยิ่งดูสวยสะดุดตาน่ามองมากขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งยิ้มและโบกมือให้เธอ “อย่ามัวแต่ยืนงงอยู่นั่นเลย เข้ามานี่สิ” เขากดปิดหน้าเว็บเพจแล้วร้องบอกเธอ
หลินเช่อยิ้มอายๆ เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเอาแต่ยืนจ้องผู้ชายจนไร้สติแบบนี้ได้ หูเธอร้อนแดงด้วยความขัดเขิน และตอนนี้เธอก็ไม่กล้าสบตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันล้ำลึกของเขาอีกต่างหาก เธอรีบพูดขึ้นโดยเร็วเพื่อกลบเกลื่อนว่า “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอเข้าไปพักก่อนนะคะ”
“ไม่สบายเหรอ” กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้าทันที รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนหน้าในตอนแรกหายวับไปทันตา
เมื่อเห็นหลินเช่อทำท่าจะเดินเข้าห้องไป เขาก็รีบเดินตามไปติดๆ “เกิดอะไรขึ้น หลินเช่อ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อตรงรี่เข้ามา หลินเช่อก็ยิ่งตระหนกหนักขึ้นไปอีก เธอละล่ำละลักบอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่…ฉันน่าจะเหนื่อยมากเท่านั้นเองค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อเดินตามเธอเข้ามาจนถึงในห้องนอน เขามองหน้าเธอแล้วซักไซ้ต่อไปอีก “เป็นเพราะแผลที่ขาเธอยังไม่หายสนิทดีหรือเปล่า”
แม้ว่าจะผ่านเวลามาพักใหญ่แล้ว แต่ช่วงนี้หลินเช่อก็ทำงานค่อนข้างหนัก เธอออกไปถ่ายซีรีส์ทุกวันจนมืดค่ำ กลับถึงบ้านก็ดึกดื่น ถึงแม้ว่าแผลจะไม่ใหญ่นัก แต่มันก็เกิดขึ้นตรงจุดสำคัญของร่างกาย
“ถอดกางเกงออกสิ ให้ฉันดูหน่อย ว่าแผลเธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” โดยไม่รอให้เธอได้มีโอกาสตอบ เขาย่อตัวลงทันทีและเริ่มที่จะลงมือจัดการกับกางเกงเธอ
นอกเหนือจากเวลาที่เธอต้องไปร่วมงานหรือต้องสวมใส่ชุดที่ใช้ในการแสดงแล้ว หลินเช่อชอบที่จะใส่แค่กางเกงยีนธรรมดาและรองเท้าผ้าใบเวลาออกไปไหนต่อไหน และตอนนี้กางเกงยีนที่เธอสวมบนตัวนั้น ทำให้เป็นการยากที่จะบอกว่าแผลที่ขาของเธอมีความผิดปกติอะไรหรือไม่
กู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่ได้คิดถึงอะไรอื่น เขาเพียงแค่ขอให้เธอถอดกางเกงออกเพราะกังวลเรื่องแผลเท่านั้น
แต่หลินเช่อเองกลับหน้าแดงก่ำ และแดงลามลงไปตลอดทั้งลำคอ
ถอดกางเกงเหรอ…ต่อหน้าผู้ชายตัวโตอย่างเขาเนี่ยนะ…
ฝ่ายกู้จิ้งเจ๋อเมื่อเห็นหลินเช่อยืนนิ่งไม่ขยับอยู่เป็นนาน เขาก็เริ่มที่จะลงมือช่วยปลดกางเกงของเธอออกด้วยตัวเอง
“เร็วเข้าสิ ถอดออกหน่อย ฉันจะได้ดูแผล” ขณะที่พูด มือใหญ่ก็เริ่มคลำเปะปะไปทั่ว เขาคว้าขอบกางเกงของเธอและเริ่มที่จะดึงมันลงมา
หลินเช่อเริ่มสติแตก
เธอรีบคว้ามือเขาไว้ทันที ใบหน้าแดงก่ำ และร้องตะโกนว่า “กู้จิ้งเจ๋อ นี่คุณจะบ้าหรือคะ ฉัน…ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณจะให้ฉันถอดกางเกงทำไมกัน”
กู้จิ้งเจ๋อเถียง “จะไม่ให้ฉันดูได้ยังไง ถ้าเธอไม่สบายก็บอกฉันสิ แผลที่เส้นเลือดใหญ่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ”
แต่เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขาก็ได้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่แดงจัดตลอดทั้งหน้าของหลินเช่อเข้า
ในชั่วขณะนั้น ใบหน้าเล็กๆ ของหลินเช่อก็เหมือนผลมะเขือเทศที่สุกงอมจวนเจียนจะแตกเต็มทีราวกับมีใครไปบีบเข้า
ตอนนั้นเองที่กู้จิ้งเจ๋อเพิ่งรู้สึกตัวว่า มือของเขาที่เธอจับอยู่กำลังจะดึงกางเกงของเธอลงมา
กู้จิ้งเจ๋อหน้าถอดสีและเปลี่ยนเป็นความขัดเขินในทันที
“ถอดมันออกละกัน ฉันแค่อยากจะดูแผลหน่อยเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอย่างอื่น เธอจะกังวลอะไรล่ะ” ” เขาพูดพลางพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าเขินอายของตัวเอง
ลมหายใจของหลินเช่อติดอยู่ในลำคอ เธอมองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นแบบนั้น ฉันก็ถอดกางเกงไม่ได้อยู่ดีค่ะ…ฉันไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในนั้น!”
“เฮ้ นี่ฉันเป็นสามีเธอนะ ให้ฉันดูจะเป็นไรไปล่ะ ก่อนหน้านี้เธอก็พูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าไม่มีอะไรที่ฉันไม่เคยเห็นน่ะ”
“คุณ…”
“เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ เธอไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในนั้นงั้นเหรอ” คำพูดนี้ทำให้กู้จิ้งเจ๋อเริ่มได้สติ เขาขมวดคิ้วเร็วพลัน นี่คงไม่ได้หมายความว่า ข้างใต้นั่น…นั่น…
หน้าของหลินเช่อร้อนแดงอีกครั้ง “เปล่าค่ะ ฉันกำลังจะบอกว่า…ฉันใส่แค่กางเกงในเท่านั้น!”
กู้จิ้งเจ๋อมองกางเกงยีนของอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหมดความอดทน “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แปลว่าตรงส่วนที่ควรจะมีอะไรปกปิดก็มีอะไรปกปิดไว้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ฉันไม่ควรเห็นสิ นี่เธอคิดว่าฉันอยากจะดูขาเธอนักหรือไง”
หลินเช่อชักโมโห “ถ้าคุณไม่ได้อยากดูก็ลืมมันไปซะเถอะค่ะ ฉันก็ไม่ได้ขอให้คุณดูสักหน่อย อีกอย่าง มันไม่ใช่เพราะแผลที่ขาของฉัน ฉันแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง คุณช่วยออกไปแล้วก็ปล่อยให้ฉันนอนพักสักหน่อยได้มั้ยคะ คืนนี้ฉันไม่อยากให้คุณนอนด้วย คุณรบกวนจนฉันนอนหลับไม่ค่อยสนิทเลย”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความงุนงง “ฉันไม่ได้กรนสักหน่อย แถมยังนอนเรียบร้อยกว่าเธอตั้งเยอะ ฉันจะไปรบกวนเธอได้ยังไงกัน”
การมีคุณนอนอยู่ด้วยนั่นแหละที่มันรบกวน
“สรุปสั้นๆ ก็คือ…คืนนี้ฉันขอนอนคนเดียวได้มั้ยคะ ถ้าเราแยกห้องกันนอนบ้างเป็นครั้งคราว ฉันว่าครอบครัวของคุณก็คงไม่ว่าอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าคู่แต่งงานทุกคู่จะต้องนอนห้องเดียวกันทุกวันสักหน่อยนี่”
ถึงแม้กู้จิ้งเจ๋อจะรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีเป็นกังวลของหลินเช่อแล้ว เขาก็คิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะเธอยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับเขา ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาคงมีสาเหตุบางอย่างให้เธอรู้สึกอึดอัดจนต้องระเบิดออกมาในวันนี้เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “ก็ได้ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ฉันจะออกไปนอนข้างนอกคืนนี้ เธอจะได้พักให้สบาย”
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินกู้จิ้งเจ๋อตอบเช่นนั้น เขาเดินเข้ามาหยิบผ้าห่มแล้วออกจากห้องไป
ให้ตายเถอะ
หลินเช่อทิ้งตัวลงบนเตียง พลางนึกในใจว่า กู้จิ้งเจ๋อนี่ร้ายกาจ ร้ายกาจที่สุด!
บางทีอาจเป็นเพราะเธอมาถึงช่วงอายุที่ไม่อาจควบคุมฮอร์โมนใดๆ ในตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เพราะแบบนี้เวลาที่ประจันหน้ากับกู้จิ้งเจ๋อ เธอถึงได้เต็มไปด้วยความกระหายต้องการเขา หน้าของเธอแดงก่ำ และหัวใจของเธอก็เต้นรัวแรงอย่างปราศจากเหตุผล
โชคดีที่ในอีกสองสามวันต่อมา เธอวุ่นวายอยู่กับตารางการทำงานจนแทบไม่ได้หยุดพักและใช้เวลาอยู่กับทีมงานที่กองถ่ายมากกว่าที่บ้าน จึงไม่มีเวลาใส่ใจปัญหาที่เกิดระหว่างเธอและกู้จิ้งเจ๋อนัก
ในที่สุดการถ่ายทำก็สิ้นสุดลง
กู้จิ้งอวี่ประกาศอย่างใจกว้างว่าเขาจะขอจัดงานเลี้ยงให้ทุกคนได้ร่วมสนุกพร้อมหน้ากันที่โรงแรม จะไม่มีใครกลับบ้านจนกว่าจะเมา และถ้าใครเมาพับจนกลับไม่ไหว ก็สามารถพักค้างที่โรงแรมได้เลย พูดสั้นๆ ก็คือ ทุกคนสามารถสนุกกันได้อย่างสุดเหวี่ยงนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ หลินเช่อจึงขอให้อวี๋หมินหมิ่นไปร่วมงานปาร์ตี้เป็นเพื่อน เพื่อที่จะได้สนุกด้วยกัน
อวี๋หมินหมิ่นคิดทบทวนอยู่ในใจว่าถ้าเธอไปร่วมงานนี้ด้วย เธอก็อาจจะมีโอกาสได้เข้าหาผู้กำกับและคนสำคัญอื่นๆ ในวงการได้อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เธอจึงตอบตกลงอย่างยินดีในทันที
ระหว่างการเดินทางไปร่วมงาน อวี๋หมินหมิ่นเป็นคนขับรถ เธอหันมาพูดกับหลินเช่อว่า “นี่ถ้าอีกหน่อยเธอดังขึ้นมา เราจะเปลี่ยนไปใช้รถตู้สำหรับดารากันแล้วนะ”
ตอนนี้หลินเช่อยังเป็นเพียงนักแสดงเล็กๆ เท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงรถตู้ประจำตำแหน่ง เธอไม่มีแม้กระทั่งรถยนต์ของตัวเองด้วยซ้ำ
หลินเช่อนึกขอบคุณอวี๋หมินหมิ่นที่เป็นคนคอยขับรถไปรับส่งเธอในทุกที่ ไม่ว่าจะด้วยธุระปะปังเรื่องใดก็ตาม
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อไปว่า “สถานที่ที่กู้จิ้งอวี่ใช้จัดงานดูเหมือนจะเป็นคลับเฮาส์ของตระกูลกู้นะ ฉันละอยากรู้จังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกู้จิ้งเจ๋อหรือคนสำคัญระดับนั้นบ้างหรือเปล่า”
“อุ๊บ…” หลินเช่อแทบสำลัก
อวี๋หมินหมิ่นถาม “เธอเป็นอะไรไปน่ะ”
หลินเช่อตอบ “พี่จะอยากเจอกู้จิ้งเจ๋อไปทำไมหรือคะ”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ก็เผื่อจะได้มีโอกาสประจบเขาบ้างสักหน่อยไงล่ะ พี่อวี๋ของเธอน่ะชอบสังสรรค์กับคนมีเงินที่สุดเลย ยิ่งถ้ามีโอกาสดีๆ แบบนี้ ฉันยิ่งไม่ยอมพลาดแน่”