เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 62
ฉันต้องการตัวคนที่จะมารับผิดชอบเรื่องนี้
หลินเช่อยิ้มเยือกเย็นเมื่อเธอมองดูหันไฉ่อิง “คุณแม่เลี้ยงคะ ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่าฉันเป็นคนของตระกูลหลินน่ะ ต่อให้ฉันก่อเรื่องขึ้นจริงๆ มันก็เสียแค่ตัวฉันเองเท่านั้น คุณอยากจะคิดอะไรก็สุดแท้แต่คุณ แต่ก็อย่างที่ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น และถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วละก็ โปรดหลีกทางด้วย ฉันจะกลับบ้าน”
ฉินชิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาหันไปมองสองแม่ลูกก่อนที่จะช่วยดึงหลินเช่อให้ลุกขึ้น
ในตอนนั้นเองที่ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความผอมบางของอีกฝ่าย ท่อนแขนนั้นเล็กเสียจนแทบจะหักลงได้ทุกเมื่อ
เขาช่วยเธอพยุงตัวให้กลับขึ้นมายืนอีกครั้ง หลินเช่อรู้สึกว่าร่างกายของเธอเริ่มหนาวยะเยือกและขาแข้งก็เริ่มสั่นระริก
หันไฉ่อิงเฝ้ามองการกระทำของฉินชิงซึ่งทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอรั้งหลินลี่ไว้ไม่ให้พูดอะไรอีกเพราะไม่อยากให้ผู้เป็นเขยไม่พอใจลูกสาวของเธอ แต่ในฐานะแม่ เธอก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง
เธอปัดมือของฉินชิงออกแล้วมองหน้าหลินเช่อ “หลินเช่อ เธอทำแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอคิดว่าเดี๋ยวนี้พอจะเป็นดารามีชื่อขึ้นมาก็จะหันมาอ่อยฉินชิงงั้นรึ มันจะมากไปหน่อยแล้วนะ คุณชายที่สามของบ้านตระกูลฉินเกินเอื้อมไปสำหรับคนอย่างเธอนะยะ”
แล้วเธอก็หันมาหาฉินชิง “ฉินชิง แม่นี่น่ะสารพัดมารยาสาไถย หล่อนคิดไม่ดีกับเธอมาตั้งแต่ต้นแล้วนะ เธอมองไม่ออกเอง หนำซ้ำยังมาคอยช่วยเหลือหล่อนแบบนี้อีก! เธอทำให้หลินลี่ผิดหวังมากนะรู้มั้ย!”
ฉินชิงกัดฟันแน่นแล้วหันไปมองหันไฉ่อิง เขาดีใจที่หลินลี่ไม่เหมือนกับแม่ของเธอ
ฉินชิงพาหลินเช่อเดินต่อไป เขาไม่อยากจะฟังหันไฉ่อิงพล่ามอะไรอีกแล้ว ขณะที่ทั้งคู่ลากกันถูลู่ถูกังไปนั้น หลินเช่อก็ยังคงรู้สึกพร่ามึน อีกทั้งขาแข้งของเธอก็ไร้เรี่ยวแรง
เมื่อได้เห็นฉินชิงไม่สนใจ หันไฉ่อิงก็ปราดเข้าไปขวางหน้าด้วยความโกรธ หล่อนกระชากหลินเช่อโดยแรงแล้วสะบัดมือตบลงบนหน้าหญิงสาวฉาดใหญ่
ในตอนนั้นเอง…
รถยนต์สองสามคันก็แล่นมาหยุดลงตรงทางเข้า
ที่ด้านในตัวอาคาร ทุกคนต่างกรูกันออกมานอกสถานีโดยไม่รู้ว่าหัวหน้าหน่วยตำรวจรับรู้ถึงการมาของพวกเขาได้อย่างไร
หลินลี่และหันไฉ่อิงยืนนิ่งงัน มองดูรถยนต์สีดำหลายคันที่จอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบด้วยความประหลาดใจ
รถเบนลีย์สีดำทะมึนแล่นเข้ามาจอดตรงกลาง
ประตูรถเปิดออก แล้วรองเท้าหนังแฮนด์เมดราคาแพงลิบก็ก้าวออกมาแตะพื้น
ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขยับตามออกมา กู้จิ้งเจ๋ออยู่ในชุดเสื้อสีเทาและกางเกงสีน้ำเงินเข้ม ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนทางเดินปูด้วยหิน ดวงตาสีดำสนิทลึกลับอยู่กลางดวงหน้าคมสันได้สัดส่วนสมบูรณ์ ราวกับเขานำพาเสน่ห์ของบุรุษเพศให้แผ่กระจายไปทั่วในยามที่ก้าวออกมาจากรถ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ฉินชิงที่กำลังโอบกระชับร่างของหลินเช่อเอาไว้ ความไม่พอใจระบายไปทั่วใบหน้าเคร่งขรึมโดยทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นแววมาดร้ายที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้อารมณ์นั้นจะสัมผัสได้เพียงบางเบา แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนเย็นวาบไปทั่วสันหลัง
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตามมาด้านหลังยืนเรียงเป็นแถว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่สองคนซึ่งมีหูฟังเสียบติดอยู่ที่หูก้าวเข้ามายืนขนาบสองข้าง ฉินเฮ่าเดินตามมาอย่างนอบน้อม ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาทั้งหลินลี่และหันไฉ่อิงถึงกับตะลึงงัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจกุลีกุจอเข้าไปกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม แต่ก็ไม่กล้าที่จะเฉียดกรายเข้าไปจนใกล้นัก เขาเอ่ยเพียงเบาๆ ว่า “คุณกู้ขอรับ เราไม่คิดเลยว่าท่านจะมาถึงที่นี่ ก็เลยไม่ได้เตรียมการตอนรับที่เหมาะสมเอาไว้”
กู้จิ้งเจ๋อสนใจมองแต่เพียงหลินเช่อที่ใบหน้าซีดเซียวจนแทบจะไร้สีเลือด เขาก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาเธอ
เมื่อได้เห็นร่างสูงของกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาใกล้ ฉินชิงก็ยิ่งยึดมือเข้ากับร่างของหลินเช่อแน่นขึ้นไปอีก
แม้ว่าจะกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่ฉินชิงก็ปฏิเสธที่จะยอมปล่อยมือจากหญิงสาวและปักหลักยืนนิ่งโดยไม่ยอมถอย
สายตาของกู้จิ้งเจ๋อนั้นเย็นชาและเต็มไปด้วยความรู้สึกขู่เข็ญคุกคาม
หลินเช่อเงยหน้าขึ้น ไม่ยอมให้ตัวเธอดูอ่อนแอต่อหน้าเขา แต่หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นยิ่งทำให้สภาพของเธอกลับดูน่าสงสารยิ่งขึ้นไปอีก
กู้จิ้งเจ๋อคว้าแขนเธอไว้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่มือของฉินชิง
ฉินชิงกัดฟันแน่น เขาไม่อยากจะปล่อยมือ แต่แรงกดดันที่ได้รับก็ทำให้ชายหนุ่มค่อยๆ คลายการเกาะกุมออกอย่างช้าๆ
กู้จิ้งเจ๋อช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนโดยแทบจะไม่ต้องออกแรง
หลินเช่อไม่ขัดขืน เธอสูดเอากลิ่นกายของเขาเข้าไป รู้สึกได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยเมื่อเขาโอบประคองร่างของเธอไว้ในวงแขน
สายตาราวกับนักล่าเตรียมตะครุบเหยื่อของกู้จิ้งเจ๋อกวาดมองไปยังฉินชิงที่ถูกร่างสูงใหญ่กว่าของเขายืนค้ำอยู่ใต้ร่าง
“กู้จิ้งเจ๋อ ฉัน…” แขนผอมบางของเธอโอบคล้องอยู่รอบคอเขาขณะที่พยายามจะพูด แต่กู้จิ้งเจ๋อห้ามเสียด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ไม่ต้องพูด”
หลินเช่อชะงัก เธอกัดริมฝีปากขณะมองหน้าเขาแล้วกล้ำกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีขณะที่ตวัดสายตามองเธอด้วยความชิงชัง
ถ้าหล่อนไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วก็ควรจะอยู่นิ่งๆ และไม่ต้องพูดพล่ามอะไรอีก
เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเย็นยะเยือกเมื่อพวกเขามองกู้จิ้งเจ๋ออุ้มร่างของหลินเช่อเอาไว้ ทุกคนต่างเหลียวมองกันและกัน พลางพยายามหาตัวว่าใครกันที่บังอาจจับตัวผู้หญิงคนนี้ไว้ หมอนั่นจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่ที่ไปล่วงเกินกู้จิ้งเจ๋อเข้าแบบนี้ ทางตระกูลกู้ถึงขนาดโทรมาและสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาคนนี้ในทันที
เจ้าหน้าที่คนที่ลงมือสอบปากคำหลินเช่อเมื่อครู่ก่อนเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปแสดงตัว อาการสบประมาทเย้ยหยันเมื่อครู่ก่อนบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความหวาดหวั่นเสียแล้ว
หลินลี่และหันไฉ่อิงยืนมองเหตุการณ์อย่างไม่ยอมวางตา
ฝ่ายหลินลี่นั้นกำลังคิดอย่างหัวเสียอยู่ในใจว่า นังหลินเช่อนี่นะ ทำไมมันถึงได้มีผู้ชายระดับนั้นมาคอยปกป้องมันได้
ยิ่งได้เห็นร่างสูงใหญ่ ทรงอำนาจและเปี่ยมเสน่ห์ของกู้จิ้งเจ๋อที่อุ้มร่างของหลินเช่อเอาไว้ราวกับอุ้มลูกแกะน้อย เขาก็ยิ่งดูหล่อเหลาขึ้นไปอีกหลายเท่า เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงทุกคนต้องเต้นเร่าด้วยความริษยาตาร้อน
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากจะให้ผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์แบบนี้โอบอุ้มไว้ในวงแขนกันทั้งนั้น มันเซ็กซี่ออกจะตาย
หลินลี่แช่งชักอยู่ในใจ นังหลินเช่อทำไมมันโชคดีอย่างนี้นะ
ฉินชิงที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่เช่นกันก็เริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นในใจ เขาอยากจะเดินตามไปแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบสีดำหยุดเขาไว้ด้วยการก้าวมาขวางและแยกเขาออกมาให้ห่างจากคนคู่นั้น เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านี้ได้
ฉินชิงนึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจ เขาและกู้จิ้งเจ๋อดูต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้แต่จะเข้าไปใกล้ตัวกู้จิ้งเจ๋อเขายังทำไม่ได้เลย
เมื่อทั้งคู่กำลังจะกลับออกไป เจ้าหน้าที่ทุกยศทุกตำแหน่งต่างก็พากันโค้งคำนับโดยเร็วพลันและเดินตามหลังไป หันไฉ่อิงพูดอย่างฉุนๆ “นี่มันหมายความว่ายังไง มาวางท่าอวดเบ่งใส่หน้ากันแบบนี้น่ะรึ”
หลินลี่เคืองจัดเมื่อพูดขึ้นว่า “นายกู้จิ้งเจ๋อนี่เขาเป็นคนใหญ่คนโตพอตัวน่ะค่ะ”
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะภาพของความมีอำนาจและความอ่อนแอก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้วอย่างชัดเจน
ฉินชิงสูดลมหายใจเข้าลึก “ในประเทศนี้ไม่มีใครต่อกรกับพวกตระกูลกู้ได้หรอกครับ คนหนึ่งมีตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง ส่วนอีกคนก็เป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่”
เมื่อหลินลี่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำราวกับมะเขือเทศ นังเวรหลินเช่อ…มันไม่คู่ควรกับความโชคดีขนาดนี้เลย
กู้จิ้งเจ๋ออุ้มหลินเช่อไปที่รถ
เขาก้าวตามหลังเธอขึ้นไป แล้วหญิงสาวก็ทรุดฮวบลงในอ้อมแขนเขา
เมื่อได้เห็นว่าสภาพของเธอย่ำแย่แค่ไหน สายตาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้น เขามองไปข้างหน้าและสั่งฉินเฮ่าว่า “ฉันต้องการตัวคนที่จะมารับผิดชอบเรื่องนี้”
ฉินเฮ่าพยักหน้า “ครับท่าน”