เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 67
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย” หลินเช่อโบกมือ
“ไม่ เธอเป็นภรรยาฉัน” เขายังย้ำหนักแน่น
หัวใจของหลินเช่อพองโต เขามองเธอด้วยสายตาจริงจัง เติมเต็มหัวใจเธอให้เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
เขาบอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขา…
หญิงสาวรีบหันหนี ไม่อยากที่จะมองใบหน้าชวนหลงใหลนั่น
ไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงบ้าน
ทั้งสองเดินตามกันเข้าสู่ตัวบ้าน ชายหนุ่มหันไปสั่งสาวใช้ว่า “เอายาให้คุณผู้หญิงด้วย”
หลินเช่อหันขวับ กู้จิ้งเจ๋อจึงบอกว่า “เธอเป็นหวัดอยู่นะ กินยาแล้วก็รีบเข้านอนซะ”
ในห้องนอน หลินเช่อนั่งลงบนเตียง สาวใช้นำยาเข้ามาให้ กู้จิ้งเจ๋อรับยาไว้แล้วส่งสัญญาณบอกให้สาวใช้ออกไปได้ เขาหันมาหาหลินเช่อ “อ้าปากสิ”
หลินเช่อรีบบอก “ฉันไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ นะ ไม่ต้องกินยาหรอก”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “อ้าปาก เป็นเด็กดีหน่อยสิ”
เสียงของเขาทุ้มนุ่มชวนฟังราวกับเสียงเชลโล่ หัวใจของหลินเช่อสั่นระรัว คนบ้าอะไรเพอร์เฟกต์ไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้นะ
เขาทั้งเซ็กซี่ ชวนมอง ร่ำรวย แถมยังเอาใจใส่และรับผิดชอบอีกต่างหาก
เขาช่างดีกับเธอเหลือเกิน
คงเป็นเพราะเขารู้สึกว่าควรจะต้องทำดีกับเธอในฐานะภรรยาตามข้อตกลงนั่นแหละ เขาถึงได้ช่วยเหลือเธอมากมายแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอดรู้สึกจับใจไม่ได้
แต่แล้วหลินเช่อก็คิดขึ้นได้ว่าวันหนึ่งเธอกับเขาก็ต้องหย่าขาดจากกัน แล้วเธอก็คงไม่มีวันได้พบผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้อีกแล้ว
หัวใจของเธอปวดหนึบ
กู้จิ้งเจ๋อร้องถาม “นี่เธอมัวแต่เหม่ออะไรอยู่ อย่าทำตัวงี่เง่าน่า อ้าปากแล้วก็กินยาซะ”
หลินเช่อหน้าแดง รีบหันหนี “ไม่”
“ไม่กินจริงรึ”
“ไม่กินค่ะ ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย กินยาน่ะไม่ดีต่อร่างกายนะคะ ตอนเด็กๆ ฉันไข้สูงตั้งสี่สิบองศา ยังไม่เห็นจะต้องกินยาเลย เดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละค่ะ”
“สี่สิบองศา…” กู้จิ้งเจ๋อจ้องหน้าเธอ โชคดีแค่ไหนแล้วที่เธอยังรอดชีวิตมาจนถึงวันนี้ได้ “ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสมองเธอถึงได้ทึบนัก คงเพราะเป็นไข้สูงเมื่อตอนเด็กๆ นี่เอง”
“อีตาบ้า!” หลินเช่อเงยหน้าเถียงฉอดทันที “เพราะแบบนี้ร่างกายฉันถึงได้แข็งแรงมากต่างหากล่ะ! ดูสิว่าฉันเสียเลือดตั้งเยอะแต่ก็ยังรอดมาได้น่ะ”
“วิธีการของเธอมันไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นะ ใครบ้างที่ไม่ยอมกินยาเวลามีไข้สูงน่ะ” กู้จิ้งเจ๋อยังคงยืนกราน
หลินเช่อโต้กลับ “ก็พวกคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอย่างพวกคุณไงล่ะ พวกเราไม่ได้มีหมอประจำตัวเอาไว้ค่อยโทรหากันทุกคนหรอกนะ สมัยยังเป็นเด็กฉันต้องอยู่กับพี่เลี้ยง แล้วเธอก็ยุ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครจะคอยมาใส่ใจฉันหรอก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันไม่ค่อยจะป่วยกับเขาเท่าไหร่ ร่างกายฉันแข็งแรง ฉันจำได้ว่าเคยเป็นไข้สูงถึงสี่สิบองศาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกแต่หาพี่เลี้ยงไม่เจอ ฉันก็เลยออกไปหายามากินเอง แต่ตอนนั้นฉันยังรู้หนังสือแค่ไม่กี่คำ ก็เลยพลาดกินยาเม็ดสีเหลืองเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นยาแก้หวัด ฉันกินเข้าไปทั้งกำเลยละค่ะ พี่เลี้ยงของฉันกลัวแทบขาดใจ ตอนที่เธอต้องรีบพาฉันไปส่งที่คลินิกใกล้บ้าน แต่กลายเป็นว่าฉันไม่เป็นอะไรเลยแถมยังหายไข้อีกต่างหาก คุณหมอบอกว่าถ้าเด็กที่กินยาเป็นประจำน่ะป่านนี้คงตายไปแล้ว ฉันโชคดีที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง”
ยิ่งได้ยินหญิงสาวเล่าด้วยความไม่อินังขังขอบเช่นนี้ สีหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งบึ้งตึง ปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เขาขยับเข้ามาใกล้เธอ หลินเช่อเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาดำสนิทของอีกฝ่าย เธอเอนตัวหนีแต่กู้จิ้งเจ๋อกลับพูดด้วยน้ำเสียงคุกคามหนักว่า “กินยาซะ อย่าบังคับให้ฉันต้องใช้วิธีโหดๆ”
หลินเช่อมองอีกฝ่ายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ริมฝีปากและลำคอของเขากำลังขยับ เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอชักเริ่มร้อนขึ้นทุกที หญิงสาวขยับหันเตรียมตัวเผ่นหนี “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ไม่ต้องกินยาหรอก”
จังหวะนั้นเอง กู้จิ้งเจ๋อหยิบยาใส่ปากตัวเอง แขนยาวของเขาเอื้อมออกมา มือเขาจับปลายคางเธอ ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะกดทาบลงมา
แล้วลิ้นเย็นเฉียบที่มาพร้อมรสขมของยาก็รุกล้ำเข้ามาในปากของหลินเช่อ
หลินเช่อกรีดร้อง เธอรู้สึกเหมือนปากของเขาปิดกั้นอากาศทั้งหมดที่จะเข้าสู่ร่างเธอ
เม็ดยาเลื่อนลงไปในลำคอเพราะเธอต้องหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แม้ว่ายาจะล่วงพ้นลำคอไปแล้ว แต่ลิ้นของเขายังคงค้นควานอยู่ในปากเธอ อย่างไม่อยากจะถอนกลับออกไป
ผ่านไปเนิ่นนานราวกับชั่วนิรันดร์ เขาจึงถอนริมฝีปากออกไป หลินเช่อไอโขลกๆ กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นใบหูที่แดงก่ำของเธอ ริมฝีปากของชายหนุ่มึงบิดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เมื่ออาการไอทุเลาลง เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง เขา กู้จิ้งเจ๋อส่งแก้วน้ำเย็นให้ “ดื่มน้ำซะสิ”
หลินเช่อจ้องหน้าเขาตาเป๋งไม่ยอมพูดอะไร
กู้จิ้งเจ๋อเคลื่อนเข้ามาหาอีกครั้ง สีหน้าขบขันยิ่ง “ทำไม หรืออยากจะให้ฉันบังคับเธอดื่มน้ำด้วยวิธีโหดๆ ด้วยงั้นเหรอ”
หลินเช่อโพล่งออกมาอย่างโกรธจัด “คนเลว!”
เธอคว้าแก้วน้ำไปแล้วรีบดื่มอึกใหญ่
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีมาก คราวหน้าอย่าท้าทายฉันอีกล่ะ”
หลินเช่อคิดในใจ อีตานี่เป็นปีศาจชัดๆ
แต่ถึงยังไงเขาก็อยากให้เธอกินยาเพื่อตัวเธอเองนี่นะ หลินเช่ออดรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมานิดๆ ไม่ได้
ตอนยังเป็นเด็ก ไม่ค่อยจะมีใครใส่ใจเธอมากนักนอกจากพี่เลี้ยงเพียงคนเดียวเท่านั้น
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองเธอ “หวังว่าเธอจะหายเร็วๆ นะ ฉันไม่อยากติดหวัดจากเธอ”
ให้ตายสิ…
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ร่างกายฉันแข็งแรง แป๊บเดียวก็หายดีแล้ว อีกอย่าง ไอ้ที่คุณทำเมื่อกี้นั่นแหละที่จะทำให้ติดหวัดจากฉันง่ายๆ เลย”
“แข็งแรงงั้นเหรอ อยู่ๆ เธอก็ล้มป่วยโดยไม่รู้สาเหตุเนี่ยนะ” สายตาของกู้จิ้งเจ๋อจับจ้องที่ปากแดงเรื่อของอีกฝ่าย “น้ำลายน่ะช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียรู้มั้ย เชื้อเธอน่ะไม่ถูกส่งผ่านมาหรอก ดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”
“…”
ก็จริงของเขา เขาได้รับการปฏิบัติเยี่ยงราชาในบ้านตระกูลกู้ออกอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็คอยปรนนิบัติดูแล เขาไม่จำเป็นต้องให้เธอเป็นห่วงหรอก
ต่อให้เขาเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาๆ เขาก็มีคุณหมอทั้งทีมอยู่พร้อมหน้าคอยรักษาให้
เธอกับเขามาจากโลกคนละใบโดยแท้ หลินเช่อพลันได้คิดถึงความแตกต่างระหว่างเธอและเขา และตัวเธอนั้นอยู่ห่างไกลจากเขาแค่ไหน
หลินเช่อพูดว่า “ใช่ว่าฉันจะเจออุบัติเหตุมันซะทุกครั้งเมื่อไหร่กันละคะ”
แต่ก็อีกนั่นแหละ มีหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอในช่วงนี้ ถ้าไม่เจ็บตัวก็ล้มป่วย
เธออดคิดไม่ได้ โม่ฮุ่ยหลิงคงไม่เคยเจอประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้เหมือนเธอหรอกมั้ง
หลินเช่อเริ่มตำหนิตัวเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมกู้จิ้งเจ๋อถึงได้ชอบโม่ฮุ่ยหลิง เธอเป็นเด็กดี เชื่อฟัง แล้วก็ไม่เคยเอาตัวเองไปเจอกับปัญหาใดๆ
หลินเช่อคิด บางทีคนอื่นคงพูดถูกแล้วละมั้ง ตอนที่พวกเขาบอกว่าเธอไม่คู่ควรกับกู้จิ้งเจ๋อน่ะ
ต้องผู้หญิงอย่างโม่ฮุ่ยหลิงสิ ถึงจะเหมาะสมกับเขา
อย่างน้อยชีวิตของโม่ฮุ่ยหลิงก็สุขสบายและดีงาม ไม่ต้องพบเจอกับปัญหามากมายในชีวิต
ส่วนผู้หญิงต้อยต่ำอย่างเธอก็มีแต่ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องปวดหัวที่เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แม้ว่าจะอยากหลบก็ตาม
กู้จิ้งเจ๋อพูดขึ้น “เอาล่ะ รีบเข้านอนซะ”
“แต่ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย” หลินเช่อบอก
กู้จิ้งเจ๋อว่า “อย่าอาบเลย เธอยังไม่สบายอยู่ ยังไงก็ไม่มีคนบ่นเรื่องนี้หรอกน่า”
“แต่…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ไปนอนซะ” เขาสั่งแล้วห่มผ้าให้เธอ
หลินเช่อคิด ผู้ชายคนนี้เป็นจอมบงการตัวจริงเสียงจริงเลย