เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 87
เฉินเหม่ยลี่หัวเราะเสียงเย็นพลางมองมาที่หญิงสาว “เธออาจจะหลอกคนอื่นได้นะ แต่เธอคิดว่าเธอจะหลอกฉันได้งั้นรึ ฉันเห็นเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย นั่งทำการบ้านกับฉินชิงของเรามาตลอด ฉินชิงผู้ใสซื่อของเราบอกว่าเธอเป็นคนดี แต่ฉันรู้ดีนะว่าเธอมีเจตนาแอบแฝงอะไรน่ะ”
หลินเช่อตกตะลึง
การขุดเอาเรื่องราววัยเด็กขึ้นมาพูดแบบนี้ทำให้เธอทั้งเสียใจและอับอาย
แม้สถานการณ์อาจจะยังเหมือนเดิม แต่คนเราก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาแล้ว ใบหน้าของหลินเช่อเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อเธอจ้องตอบเฉินเหม่ยลี่ “การที่ฉันดีกับเขานี่เป็นเพราะว่าฉันมีเจตนาแอบแฝงเหรอคะ”
“เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอจะไปคิดเรื่องดีๆ ได้ยังไง เธอหลอกลวงฉินชิง เธอเห็นว่าเขาเป็นคนดีแล้วก็ไร้เดียงสา เธอก็เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นเหยื่อให้เธอตะครุบได้ง่ายๆ เธอคิดว่าถ้าเธอจับฉินชิงอยู่แล้วเธอจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างนั้นละสิ อา ฉันรู้ทันความคิดต่ำๆ ของเธอดีหรอกน่า ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่เสียใจด้วยนะที่ตระกูลฉินไม่ได้ยอมให้ใครเข้ามาง่ายๆ”
หลินเช่อกัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น เมื่อถูกพูดถึงความรู้สึกของเธอในสมัยก่อนทำให้หญิงสาวโกรธจนแทบจะหน้าเขียว
ความรู้สึกที่เธอมีให้กับฉินชิงนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยลืมเลือนและไม่อาจเลิกใส่ใจกับมันได้ โดยเฉพาะเมื่อใครๆ ต่างก็รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร มีเพียงฉินชิงเท่านั้นที่ไม่เคยรู้เลย
หลินเช่อรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช
เฉินเหม่ยลี่สังเกตเห็นว่าหลินเช่อกำลังนั่งดื่มกาแฟโดยไม่มีรถแม้สักคันให้ได้เห็น เธอจึงหันไปยิ้มกับพนักงานและพูดขึ้นว่า “นี่พวกเธอก็ช่างไม่รู้จักดูคนเอาเสียเลยนะ หล่อนดูเหมือนคนที่มีปัญญาซื้อรถหรูๆ หรือเปล่าเนี่ย หล่อนอาจจะแค่มากินฟรีเท่านั้นแหละ หล่อนคิดว่าหล่อนเป็นดาราแล้วก็จะมีปัญญาซื้อรถแพงๆ ได้งั้นเรอะ ลองดูสารรูปหล่อนสิ คิดว่าหล่อนขับรถดีๆ ได้หรือเปล่า คิดว่าหล่อนคู่ควรจะมีสักคันหรือเปล่า”
“คุณน้าฉินคะ กรุณาอย่าล้ำเส้นให้มากเกินไปนักนะคะ!” หลินเช่อผุดลุกขึ้น จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด
เฉินเหม่ยลี่จับมือหลินลี่ไว้เพื่อพยุงตัวขณะที่เธอลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหาหลินเช่ออย่างวางมาด
เธอพูดต่อไปว่า “ก็แล้วทำไมเธอไม่หัดดูสารรูปตัวเองให้ดีเสียก่อนล่ะ ไปกันเถอะหลินลี่ ร้านนี้มันเต็มไปด้วยกลิ่นสาบคนจน ถึงได้เหม็นหึ่งไปหมดแบบนี้”
“แต่อย่างน้อยก็ยังกลิ่นดีกว่าผู้หญิงแก่ๆ อย่างคุณน้านะคะ” หลินเช่อโต้เข้าให้
เฉินเหม่ยลี่ตกใจอย่างที่สุด รีบหันขวับมา หน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวจนทำเอารอยเ**่ยวย่นบนใบหน้ายิ่งชัดเจนขึ้น “แก…แกมัน…” เธอโกรธจัดเสียจนทำท่าว่าจะกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย บรรดาพนักงานต้องรีบช่วยกันรั้งตัวไว้
เฉินเหม่ยลี่เดินจากไปพร้อมทั้งบริภาษด่าทอไม่ขาดปาก
หลินเช่อทรุดตัวลงนั่งด้วยความหงุดหงิด เธอมองหลินหลี่ที่หันหลังกลับมาแสยะยิ้มเยาะๆ ให้
ถึงแม้ว่าจะสามารถจัดการเอาคืนเฉินเหม่ยลี่ได้ แต่หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง และทันทีที่เขาเห็นหลินเช่อนั่งหน้าหมองเศร้า สีหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปเป็นดุดันทันที
แววตาของเขาขุ่นมัว
“หลินเช่อ” เขาเรียกเธอจากทางด้านหลัง
หลินเช่อหันไปมองด้วยความประหลาดใจ “รถเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
เขามองเธอ “เมื่อกี้มีเรื่องอะไรกันน่ะ”
เขามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากระยะไกลแต่ไม่อาจได้ยินบทสนทนาได้
หลินเช่อพยายามฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจนักที่หลินเช่อพยายามทำตัวเข้มแข็ง
สีหน้าเขาเริ่มบึ้งตึงยิ่งขึ้นไปอีก เขามองหน้าเธอนิ่งนาน
หลินเช่อรีบอธิบายว่า “ฉันชินแล้วละค่ะ เขาจะพล่ามอะไรไร้สาระก็ไม่มีผลอะไรกับฉันหรอก ถ้าฉันทะเลาะกับเธอ วันรุ่งขึ้นต้องกลายเป็นข่าวพาดหัวแน่ว่าฉันรังแกคนแก่น่ะ”
เธอพูดพลางพยายามฝืนยิ้ม ซึ่งไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นเลย
แม้ว่าจะพยายามทำตัวเข้มแข็ง แต่รอยยิ้มแห้งแล้งนั้นก็ทำให้หัวใจของกู้จิ้งเจ๋ออยู่ไม่เป็นสุข
เมื่อเห็นเธอรู้สึกไม่ดี เขาก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย
ชายหนุ่มเม้มปากและจับมือเธอไว้ “อยากเห็นพวกนั้นเดือดร้อนมั้ยล่ะ”
“อยากสิคะ…แต่ว่าคุณจะทำอะไรเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อเอามือเธอวางไว้บนท่อนแขนเขาแล้วยิ้มน้อยๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าแฝงความร้ายกาจนั่น หลินเช่อก็รู้ได้เลยว่าอารมณ์ของเขากำลังเปลี่ยนไป
เธอรู้สึกได้ว่าสีหน้าของเขาดูดุดันกว่าปกติ ดวงตาสีดำสนิทนั้นก็ลึกล้ำเกินหยั่งถึงราวกับท้องฟ้ายามราตรี
“ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่จะให้เธอได้ดูอะไรสนุกๆ เท่านั้น” มุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มชนิดที่ผู้หญิงคนไหนก็ต้องบอกว่าเซ็กซี่เป็นที่สุด มันให้ความรู้สึกซุกซนและร้ายกาจไปพร้อมกัน
ก่อนที่หลินเช่อจะทันได้ตอบอะไร กู้จิ้งเจ๋อก็พาเธอเดินไปมาอยู่ร่วมสิบนาทีได้ จนกระทั่งเธอได้ยินใครบางคนพูดขึ้นว่า “คนทำรถท่านเสียหายครับ”
หลินเช่อได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดของเฉินเหม่ยลี่ดังขึ้นตามมา “แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร เราจะไปทำรถนั่นพังได้ยังไงกัน เราไม่แตะต้องรถพรรค์นั้นหรอก มันก็แค่ของเล่นราคาไม่กี่ล้าน เรา…”
ในตอนนั้นเองกู้จิ้งเจ๋อก็ฉุดมือหลินเช่อให้ทำทีเป็นเดินผ่านเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ เสียงทุ้มลึกเหมือนเชลโล่ของเขาถามว่า “ใครทำรถที่เราเพิ่งซื้อเสียหายงั้นเหรอ”
แล้วหลินเช่อก็มองเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของตระกูลกู้เดินตรงเข้ามา “ท่านครับ ผู้หญิงคนนี้ทำรถเราเสียหายและพยายามที่จะหนี เราโทรแจ้งตำรวจแล้วและกำลังรอให้เข้ามาจัดการกับเรื่องนี้อยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้ทำเอะอะเสียงดังแล้วก็ไม่ยอมรับว่าเธอเป็นคนทำครับ”
หลินลี่และเฉินเหม่ยลี่หันมาทางกู้จิ้งเจ๋อที่อยู่ในชุดดำสนิททั้งตัว ดูสูงส่งและงามสง่าราวกับเทพเจ้า
เฉินเหม่ยลี่ตกใจ และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นหลินเช่อที่กำลังยืนเกาะแขนเขาอยู่ข้างๆ
ดวงตาของหลินลี่เป็นประกายวาบด้วยความอิจฉาทันทีที่เห็นหลินเช่อ
นังหลินเช่อนี่มายืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อแบบนี้ มองแล้วเสียสายตาจริงเชียว
เฉินเหม่ยลี่ที่ตกใจในตอนแรก แต่เธอก็ได้เห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อเพียงแต่ปรายตามองเธอเพียงแวบเดียวเท่านั้นราวกับไม่อยากจะสนใจเธอให้เสียเวลา และพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า “ในเมื่อตำรวจกำลังจะมา งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการสิ พวกนายจะส่งเสียงเอะอะไปทำไมกัน”
เฉินเหม่ยลี่พ่นลมพรืดเสียงดังและเอ็ดอึงขึ้นอีกครั้งว่า “ตระกูลฉินเราไม่ชายตามองรถราคาแค่ไม่กี่ล้านแบบนั้นหรอก แล้วเราจะไปเสียเวลายุ่งกับมันทำไมกัน อีกอย่าง เธอคิดว่าการเรียกตำรวจมาจะช่วยแก้ปัญหาได้งั้นรึ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าตำรวจจะมีปัญญาทำอะไรกับฉัน แต่ฉันไม่เชื่อว่าเธอยังจะสามารถโทษว่าเป็นความผิดฉันได้อีกแน่ๆ!”
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง นั่นยิ่งทำให้เฉินเหม่ยลี่ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ กู้จิ้งเจ๋อก็คำรามเบาๆ โดยไม่มองตาเฉินเหม่ยลี่ เขาพูดกับเจ้าหน้าที่ของตัวเองว่า “บอกตำรวจว่าฉันไม่ค่อยชอบใจเธอคนนี้เท่าไหร่ เธอทำผิดแต่กลับไม่ยอมสำนึกผิด ให้ตำรวจจัดการให้เรียบร้อย แล้วอย่างน้อยให้ตำรวจจับเธอเข้าคุกสักสองสามวันก่อนที่จะให้เธอออกมาทำลายความสงบอีกครั้ง”
เฉินเหม่ยลี่ตกใจสุดขีด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
เธออยากจะตอบโต้แต่หลินลี่ห้ามไว้เสียก่อน
หลินลี่หันไปมองกู้จิ้งเจ๋ออย่างนึกริษยา แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เธอก็รีบกระซิบบอกเฉินเหม่ยลี่ที่ข้างหูว่า “คุณแม่คะ…นี่คือกู้จิ้งเจ๋อ กู้จิ้งเจ๋อแห่งตระกูลกู้น่ะค่ะ”
เฉินเหม่ยลี่หน้าเผือดสีทันที แม้แต่รองพื้นหนาที่ทาไว้ก็ไม่อาจปกปิดอาการได้
ผู้ชายคนนี้คือกู้จิ้งเจ๋องั้นรึ
เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันควัน เธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อน
แต่ถึงอย่างไร เมื่อหันไปมองหลินเช่อ เธอก็ยังเชื่อไม่ลงอยู่ดีนั่นเอง
จะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน หลินลี่ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ นังผู้หญิงไร้ค่าแบบนี้จะไปรู้จักคนอย่างกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไง