เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 94
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงและถอดรองเท้าของเธอออกเพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บ
หลินเช่อนึกอายที่เขาประคองฝ่าเท้าของเธอเอาไว้ในมือแบบนั้น “มันเหม็นออกค่ะ ฉันใส่รองเท้ามาทั้งวัน แล้วก็ไม่ได้ล้างเท้าเลยด้วย! ”
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบสายตาขึ้นมอง “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ ยังไงมันก็เคยวางอยู่บนหน้าฉันมาแล้วด้วยซ้ำ ฉันยังไม่บ่นอะไรเลย ถ้าไม่ชอบใจ ป่านนี้ฉันจับเธอโยนลงจากเตียงไปตั้งนานแล้ว”
หลินเช่อยิ้ม “แล้วทำไมถึงไม่ถือละคะ”
เขาตอบขณะลูบคลำตรวจตราเท้าเธอ “มีประโยชน์อะไรที่จะต้องถือเรื่องนี้ ในเมื่อฉันต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงไร้การอบรมอย่างเธอ ควรทำตัวให้ชินซะน่าจะง่ายกว่า”
เขาพูดพลางช่วยเธอสวมรองเท้ากลับเข้าที่เดิม
หลินเช่อจึงนั่งเอ้เต้อยู่ในรถเข็นชอปปิ้งนั่นแหละ เธอหันหลังไปยิ้มให้เขาแล้วออกคำสั่งแจ้วๆ ว่า “เข็นรถสิคะ ฉันไม่ลงไปเดินแล้วล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อเหน็บแนม “ขี้เกียจตัวเป็นขน”
ถึงแม้จะฟังเสียงดูไม่ค่อยเต็มใจ แต่เขาก็เริ่มเข็นรถไปรอบๆ
หญิงสาวจึงทำเพียงนั่งและคอยออกคำสั่งให้เขาจัดการซื้อข้าวของต่างๆ
“ฉันอยากได้มะเขืออันโน้นด้วยค่ะ”
“อา อยากได้มันฝรั่งแผ่นจัง”
“กู้จิ้งเจ๋อ เข็นเร็วๆ สิคะ ตรงนั้นมีของลดราคาด้วย”
หลินเช่อร่าเริงสุดขีดในขณะที่คนผลักชักจะหน้าบูดขึ้นทุกขณะ หนุ่มสาวทั้งสองไปตรงโน้นมาตรงนี้ทั่วทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเพลิดเพลิน เป็นภาพที่ทำให้หลายคนต้องถอนใจด้วยความอิจฉา
ใครบางคนบ่นขึ้นว่า “ดูสิว่าคนอื่นเขาดูแลแฟนตัวเองยังไง”
“ไปอิจฉาเขาน่ะ ก็หัดดูซะก่อนว่าพวกเขาหน้าตาเป็นยังไง เห็นรึเปล่าว่าผู้หญิงน่ะสวยขนาดไหน ถ้าแฟนฉันสวยแบบนั้น ฉันก็ทำแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไปตายซะไป นี่ไม่เห็นหรือไงว่าผู้ชายหน้าตาเป็นยังไงน่ะ เขาก็หล่อลากดินจะแย่เหมือนกันนั่นแหละย่ะ”
“อื้ม พูดถึงผู้ชาย ฉันว่าเขาหน้าตาคุ้นๆ อยู่นะ”
“ฉันว่าผู้หญิงก็หน้าคุ้นเหมือนกัน”
“ช่างเถอะ ยังไงเขาสองคนก็หน้าตาดีกันมากๆ สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกทีเดียว”
หลินเช่อซื้อของไม่ยั้ง และในไม่ช้าทั้งสองก็ออกจากร้านไปพร้อมถุงใบโตที่มีของเต็มเอี้ยดถึงสามใบทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อถือออกมาด้านนอกร้านอย่างค่อนข้างทุลักทุเล เขาจอดรถเข็นไว้ด้านนอก ก่อนจะก้มลงหยิบถุงทั้งสามใบขึ้นมาและเดินตรงไปที่รถ
หลินเช่อเสนอที่จะช่วย “ให้ฉันถือใบนึงนะคะ”
แต่เขาปฏิเสธ “แขนกับขาเล็กๆ แบบนี้น่ะนะ ลืมไปได้เลย”
เธอบุ้ยปากพลางมองดูร่างใหญ่ๆ และแข็งแรงของเขา คว้าถุงสามใบตรงไปที่รถอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มโยนของใส่ท้ายรถ หลินเช่ออดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาดูดีและสมเป็นชายชาตรีเสียเหลือเกิน
เธอนั่งยิ้มในรถไปตลอดทาง
แต่เมื่อกลับถึงบ้านและต้องลงมือทำอาหาร ความร่าเริงก็พลันหายไป
เธอจัดแจงคาดผ้ากันเปื้อนด้วยท่าทางราวกับเชฟมืออาชีพ แต่เมื่อถึงคราวต้องหั่นผัก แม่ครัวกลับท่าดีทีเหลวเสียอย่างนั้น
กู้จิ้งเจ๋อยืนมองอยู่ด้านข้าง นึกอยากจะเข้าไปด้วยเต็มแก่
โดยเฉพาะเวลาที่มีดคมนั้นหั่นฉับลงมาใกล้นิ้ว ทำเอาเขาแทบจะอกสั่นขวัญบินไปหมด
“โอเคๆ ให้ฉันช่วยหั่นผักก็แล้วกันนะ” เขารีบเดินเข้ามา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันทำได้สบายมาก ดูสิเห็นมั้ย ฉันว่าทักษะการใช้มีดของฉันเริ่มดีขึ้นแล้วนะ ความสามารถในการเรียนรู้ของฉันน่ะออกจะสูง…โอ๊ย…”
เธอร้องเสียงหลง มีดคมเฉือนเข้าไปที่นิ้วอย่างจัง
หลินเช่อทิ้งมีดลงพื้นอย่างลืมตัว โชคดีที่มีดเล่มเล็กนั่นไม่กระดอนขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นภาพมีดที่หล่นลงพื้นก็ยังดูน่ากลัวอยู่นั่นเอง
กู้จิ้งเจ๋อปรี่เข้ามายืนข้างตัวและยกมือเธอขึ้นดู เลือดสดๆ ไหลออกมาจากบาดแผล
เขาดึงนิ้วเธอ “เธอนี่มัน…ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าหั่นอีก”
ขณะพูด เขาก็ยกนิ้วเธอเข้าปากตัวเอง
หลินเช่อเจ็บแผลแปล๊บ
เธอมองดูแนวคิ้วของเขาขณะที่กู้จิ้งเจ๋อดูดนิ้วเธออยู่ มันให้ความรู้สึกอบอุ่น เธอสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นของเขาที่แตะไล้ไปมาแผ่วเบาอยู่กับนิ้วเธอ
หญิงสาวยืนนิ่งมองเขาอยู่แบบนั้น ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น ก่อนที่หน้าของเธอจะเริ่มร้อนผ่าว
“สกปรก…” เธอคิดในใจ นิ้วเธอน่าจะสกปรกจากการหยิบจับผักทั้งหลายไม่น้อยทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อดูดแผลอีกครั้งก่อนจะปล่อยมือเธอ เขาก้มลงมองจนแทบจะชิดบาดแผล
ร่างใหญ่หันไปคว้ากล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาล แล้วเริ่มติดปลาสเตอร์ยาให้เธอ
หลินเช่อมองปลาสเตอร์ที่บรรจงติดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะหันไปมองคนเจ้าระเบียบที่ลงมือทำแผลให้
ชายหนุ่มนิ่วหน้าแล้วผลักเธอออกไป “พอที ไปยืนข้างๆ โน่นไป๊ เธอนี่มันซุ่มซ่ามที่สุด อย่าขยับไปไหนล่ะ”
หลินเช่อท้วง “แล้วอาหาร…”
เขาพ่นลมพรืดอย่างเยาะๆ และหันไปมองสูตรอาหาร “ฉันจัดการเอง”
“อา…ฉันรู้สึกแย่จังค่ะ” แต่ความจริงแล้วเธอยิ่งกว่าดี๊ด๊าที่ไม่ต้องทำกับข้าว หลินเช่อหันไปมองชายหนุ่มอย่างประจบประแจง
กู้จิ้งเจ๋อคว้ามีดแล้วลงมือหั่นผักที่เหลือ เขาเหลือบมองเธอและพูดว่า “ฉันกลัวว่าถ้าขืนปล่อยให้เธอทำต่อ มีหวังเธอคงได้เผาครัวนี่วอดหมดแน่”
“…” หลินเช่อทำปากยื่น “ความผิดคุณนั่นแหละค่ะ อยากมาชวนฉันคุยทำไมล่ะ”
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มคล่องแคล่วว่องไว เขาหั่นผักไปพลางมองดูสูตรอาหารไปพลาง และเครื่องปรุงทุกอย่างก็ถูกปั่นออกมาเหมือนกับในตำราอาหารไม่มีผิดเพี้ยน
คนตัวใหญ่ยังเทศนาต่อไปขณะลงมือทำอาหารว่า “เธอทำตามสูตรแทบไม่ถูกเลยสักนิด สมองเธอนี่มันทึ่มทื่อจริงๆ ”
หลินเช่อคอยดูการประกอบอาหารของอีกฝ่าย เขาดูราวกับเชฟมืออาชีพมากเสียจนเธอหมดสิทธิ์ที่จะโต้แย้งใดๆ
หญิงสาวจึงเอนตัวพิงเคาน์เตอร์แล้วเฝ้าชื่นชมการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วรวดเร็วไร้ที่ติของอีกฝ่าย เธอพูดขึ้นว่า “ว่าแต่ คุณจำผู้จัดการของฉันได้มั้ยคะ อวี๋หมินหมิ่นน่ะค่ะ”
“ต้องจำได้สิ”
“หมายความว่ายังไงคะที่ว่าต้องจำได้”
“เธอคิดว่าใครต่อใครเขาจะความจำห่วยแตกเหมือนเธอหรือไงเล่า ความจำฉันน่ะเป็นเยี่ยมนะ”
“…” หลินเช่อรู้สึกว่าเขาเอาแต่เหยียดหยามเธอไม่หยุด
แต่เธอก็เล่าต่อไปว่า “ช่วงนี้อวี๋หมินหมิ่นมีเรื่องน่ะค่ะ”
เขาถามขณะลงมือผัดอาหารอย่างขะมักเขม้น “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
หลินเช่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ก่อนจะเสริมว่า “ฉันคิดว่าพี่อวี๋น่ะเก่งสุดๆ ไปเลยละค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็ทั้งๆ ที่ครอบครัวยุ่งเหยิงขนาดนั้น แต่เธอก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ เธอทุ่มเทความพยายามอย่างดีที่สุดจนไม่มีใครรู้เลยสักนิดว่าเธอมีชีวิตส่วนตัวที่แย่ขนาดนั้นน่ะค่ะ ฉันคิดว่าคนเป็นมืออาชีพคนจะต้องเป็นแบบนี้นะคะ แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ นี่ถ้าช่วงนี้ฉันไม่ได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอละก็ ฉันเองก็คงไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเธอเหมือนกันนั่นแหละค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อครุ่นคิด การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มช้าลง
ก่อนที่จะกลับมาขยับอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ในไม่ช้า เขาก็จัดอาหารลงจาน
เขาพูดขึ้นว่า “เอ้า ลองชิมสิ”
หลินเช่อหันมอง มันดูดีมากจริงๆ หญิงสาวจับตะเกียบแล้วเริ่มชิมอาหาร
เธอไม่คิดเลยว่ามันจะอร่อยขนาดนี้
หลินเช่อหันขวับไปด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณไม่บอกฉันละคะว่าทำอาหารเป็น”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “นี่เป็นการทำอาหารครั้งแรกของฉัน”
“เป็นไปไม่ได้น่า! ”
ชายหนุ่มเช็ดมือด้วยผ้าก่อนจะหันไปเตรียมอาหารจานต่อไป
“ก็แค่ทำตามสูตรเป๊ะๆ เท่านั้นเอง จะมีอะไรผิดพลาดไปได้ยังไงล่ะ”
“แต่ฉันเคยลองทำมาก่อนแล้ว แต่ไม่ว่าฉันจะทำเมนูไหนมันก็ออกมาแย่ไปหมดทุกอย่างเลยนี่นา”
“ถ้าอย่างนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่สูตรอาหารแล้วล่ะ ปัญหาอยู่ที่เธอต่างหาก เพราะเธอซื่อบื้อเกินไป มันก็เลยไม่ช่วยอะไร”