เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1005
บทที่1005 ไม่อยากให้เธอต้องลำบากเกินไป
คำพูดตรงท่อนหลังของเสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดออกมา หานมู่จื่อก็มองออกว่าเธอมีคำพูดที่พูดออกมาไม่ได้ แต่เธอก็มีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลาออกให้ได้ ในตอนที่ไปนั้นก็ยังเอ่ยขอโทษหานมู่จื่อออกมาอยู่หลายคำก่อนที่จะกลับไป
หานมู่จื่อคิดไปมาคิดมา คิดว่าเรื่องมันมีอะไรบางอย่างที่มันผิดแปลกไป
ตามนิสัยของเสี่ยวเหยียนแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะลาออกในตอนนี้ การที่จู่ๆก็ไม่อยากจะทำขึ้นมานั่นจะต้องมีเหตุมีผลของเธอแน่ๆ
หานมู่จื่อก็เลยลงไปที่บริษัทด้วยตัวเอง
หลังจากที่ก่อตั้งเป็นสาธารณะ ก็เจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียง ดังนั้นแล้วจึงมีคนมีชื่อเสียงมาให้ออกแบบไม่น้อยเลย
เมื่อก่อนหานชิงได้ช่วยเธอหาทีมคนที่มีฝีมือกลุ่มนั้นมาให้ ตอนแรกใจก็เกิดความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ภายหลังก็ค่อยๆหายไปตามกาลเวลา พวกเธอจะศึกษาค้นคว้าด้วยกัน จากนั้นก็ออกแบบชิ้นงานที่เป็นที่พอใจของลูกค้า
และในตอนนั้นเองหานมู่จื่อถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ผลงานของพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่จะต้องผ่านด่านของเธออยู่ดี
เธอเองก็มักจะเอาประเด็นหลักและเรื่องควรระวังในการทำงานเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์เรื่องอะไรก็ได้ให้เสี่ยวเหยียนบอกกับทุกคนแล้ว
แต่ตอนนี้จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็มาลาออก หานมู่จื่อก็จะสูญเสียแขนขาที่มีกำลังที่สุดไป
แต่ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่อาจดึงดันได้
เสี่ยวเหยียนเป็นอิสระของตัวเอง เธอเองก็ไม่อาจต้องการให้เธออยู่ข้างตัวเธอไปได้ตลอด บางทีหลายปีมานี้ที่เธออยู่กับตนมาโดยตลอดเป็นเพราะว่าแรงกดดันหรือไม่ก็เป็นการมีความรับผิดชอบของเธอก็ไม่แน่
เลิงเยาเยาเห็นหานมู่จื่อกลับบริษัทมาก็ดีใจอย่างมาก เอาชิ้นงานที่ตัวเองเพิ่งออกแบบล่าสุดมาให้หานมู่จื่อดูอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นไงบ้างคะ?”
เลิงเยาเยามองเธออย่างคาดหวัง บนใบหน้ามีสามคำเขียนอยู่เต็มไปหมด
ช่วยชมหน่อย!
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยเสียงหวานออกมา “ไม่เลว พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย”
จากนั้น หานมู่จื่อก็ได้ถามเรื่องเสี่ยวเหยียน
“ช่วงนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง? ช่วงนี้ฉันไม่มีเวลาเข้ามาเลย เสี่ยวเหยียนเธอ…เป็นยังไงบ้าง?”
พูดถึงเสี่ยวเหยียน สีหน้าของเลิงเยาเยาก็ได้แปลกไป มีท่าทางลังเลออกมา หานมู่จื่อขมวดคิ้วสวยออกมาเล็กน้อย มีเหตุผลอย่างที่คิดไว้สินะ?
“เป็นอะไรไป? สีหน้าแบบนี้…”
เลิงเยาเยาได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้ง ลังเลอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “เอ่อ…ฉันรู้ว่าเสี่ยวเหยียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ แต่ในเมื่อวันนี้คุณถามฉันมา ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะว่าร้ายเธอนะคะ อาการเสี่ยวเหยียนในช่วงนี้ไม่ดีนัก ช่วงหลายวันมานี้ก็ทำพังไปหลายรายการแล้ว”
“ทำพัง?” หานมู่จื่อหรี่ตาลง อย่างไม่รู้สาเหตุ “ทำพังได้ไง?”
หลังจากเลิงเยาเยาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้กับหานมู่จื่อ ในตอนนั้นเองหานมู่จื่อก็เอาแต่นิ่วหน้าออกมา ทำเอาคนอื่นมองไม่ออกว่าตกลงแล้วเธอโกรธหรือเปล่า หลังจากที่พูดจบเลิงเยาเยาก็ยังพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าร้ายเธอนะคะ เป็นเพราะคุณถามฉันก็เลยพูดออกมา”
ไม่อย่างนั้นแล้วเธอไม่ใช่คนจำพวกที่จะมาพูดว่าใครลับหลังหรอก
หานมู่จื่อเรียกสติกลับมา ยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว เป็นเพราะฉันถามเธอก็เลยต้องพูด เธอไม่ใช่คนจำพวกที่จะพูดว่าใคร อย่างนี้เธอถึงจะพอใจใช่มั้ย?”
ถูกหานมู่จื่อจ้องมาอย่างนี้แล้ว ใบหูของเลิงเยาเยาก็แดงขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นเขินอายขึ้นมา “เอ่อ…คุณอย่ามาหยอกล้อฉันเล่นสิคะ ความจริงแล้วแต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวเหยียนก็ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าฉันเลิงเยาเยาคนนี้จะไม่ได้สนิทสนมกันเท่าไหร่ แต่ฉันก็มองออกว่าสภาพจิตใจของเธอในช่วงนี้ไม่ดีนัก ก็คงไม่ได้ตั้งใจจะทำรายการสั่งซื้อพวกนั้นพังไปหรอกค่ะ”
หานมู่จื่อส่งเสียงอืมออกไป “ฉันทำงานกับเธอมาหลายปี เธอเป็นคนยังไงฉันรู้ดี”
“อย่างนี้นี่เอง วันนี้คุณก็เลยถามเพราะอยากรู้ว่าช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่”
“งั้นฉันก็จะบอกข่าวคราวเกี่ยวกับเสี่ยวเหยียนให้กับคุณอีกหน่อยแล้วกัน”
ต่อจากนั้น หานมู่จื่อก็ได้ข่าวคราวที่เกี่ยวกับเสี่ยวเหยียนในช่วงนี้จากเลิงเยาเยามามากมาย ที่แท้หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกลับมาบริษัท ก็เอาแต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ตอนที่คุยกับลูกค้าก็มักจะเทน้ำลงไปบนตัวลูกค้าอยู่เป็นประจำ ไม่ก็เป็นความผิดพลาดอื่นๆ ที่ได้ทำเอาลูกค้าโกรธจนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปไม่อยากร่วมงานกับบริษัทของเราอีก
แล้วยังมีพวกเรื่องเล็กๆอย่างอื่นอีก เรื่องเหล่านี้เลิงเยาเยาล้วนแล้วแต่จะพบเจอมาแล้วทั้งสิ้น
แววตาของหานมู่จื่อได้เป็นกังวลขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเรื่องความรู้สึกพวกนี้จะเข้าเล่นงานเสี่ยวเหยียนอย่างหนักเลยทีเดียว
เมื่อก่อนถึงแม้ว่าเธอจะถูกเล่นงาน แต่เพียงไม่นานก็สามารถยืนหยัดขึ้นมาได้ เป็นเพราะเธอยังไม่ยอมแพ้ไปจากหานชิง มักจะสามารถหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเองอยู่ตลอด
ตอนนี้เธอกลับกลายมาเป็นอย่างนี้ ไม่ได้ให้กำลังใจตัวเองอีก ยอมวางมือไปจากหานชิงจริงๆน่ะหรอ?
แต่บนใบหน้าของเธอดูแล้วเหมือนกับว่าจะไม่มีปัญหาอะไร นึกไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงในเรื่องของการทำงาน จิตใจก็เตลิดเปิดเปิงไปหมด
คาดว่าน่าจะเป็นเพราะพลาดการสั่งซื้อใหญ่ๆไปหลายรายการ เธอจึงเกิดความละอายใจขึ้นมา ก็เลยอยากลาออกไป?
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าตนควรจะรั้งเธอไว้ที่นี่หรือปล่อยเธอไปดี
ในช่วงปีนี้ เธอไม่แน่ใจว่าเสี่ยวเหยียนยอมอยู่ทำงานกับเธอจริงๆ หรือว่าจะเป็นเพราะความรับผิดชอบกัน?
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน หานมู่จื่อก็ล้วนแล้วแต่จะต้องขอบคุณเธอทั้งนั้น
แต่ถ้าเธอเป็นเพราะใจที่รับผิดชอบก็เลยมาอยู่ทำงานกับเธอ อย่างนั้นแล้วมู่จื่อก็ต้องปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วจริงๆ ให้เธอได้ไปทำสิ่งที่เธออยากทำ
หลังจากที่ได้ตัดสินใจอย่างนี้แล้ว หานมู่จื่อก็คิดที่จะไปคุยกับเสี่ยวเหยียนสักหน่อย
เห็นเธอมาบริษัทเสี่ยวเหยียนก็ยังอึ้งไปเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงมาบริษัทได้? สภาพของเธอตอนนี้ คงไม่คิดอยากจะเข้ามาทำงานหรอกใช่มั้ย?”
หานมู่จื่อยิ้มเรียบๆออกมา พร้อมพูดตอบออกไป
“ทำไม สภาพฉันตอนนี้มาทำงานแล้วมันมีปัญหาหรือไง?”
“มีแน่นอนอยู่แล้ว เธอเป็นคนท้องนะ อีกทั้งเด็กในท้องของเธอก็ไม่ได้มั่นคงนัก ทางที่ดีก็ควรพักอยู่ที่บ้าน เรื่องที่บริษัทมันเยอะเกินไป ฉันกลัวว่าเธอจะยุ่งจนรับมือไม่ไหว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อหายไป “ตอนนี้เธอมากังวลว่าฉันจะยุ่งจนรับมือไม่ไหว แล้วหลังจากที่เธอออกไปล่ะ?”
เสี่ยวเหยียน “…”
บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบ ผ่านไปได้สักพักเสี่ยวเหยียนก็ได้จับหัวตัวเอง จากนั้นก็พูดต่อออกมา “งั้น ฉันอยู่ดูแลให้เธอไปอีกสักพักนึง?”
ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มมุมปากของหานมู่จื่อก็ได้จางลง เธอไม่ได้ตอบออกมาว่าดีหรือว่าไม่ดี แต่ได้เดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหยุดตรงหน้าเสี่ยวเหยียน
“ตลอดที่ผ่านมานี้ เธอใช้ความคิดนี้เพื่ออยู่ที่บริษัท อยู่ข้างๆฉันใช่มั้ย?”
เสี่ยวเหยียน “ฉัน…”
“ห้าปีที่แล้วพวกเราได้รู้จักกัน ในตอนนั้นเธอยังพูดกับฉันว่าเมิ่งเส่โยวเป็นแม่ดอกบัวขาวคนนึง ต่อมาหลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันได้พบเจอ แล้วก็ไปต่างประเทศกับฉัน ต่อมาก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวหมี่โต้วกับฉัน ฉันเห็นว่าในทุกๆวันเธอก็มีความสุขดี และยังเห็นแก่มิตรภาพของทั้งสองคนที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่วันนี้ฉันก็ได้ค้นพบว่า ที่แท้…เธอก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมาโดยตลอด”
“ไม่ๆๆ” เสี่ยวเหยียนรีบโบกมือปฏิเสธออกมา พยายามที่จะพูดอธิบายให้กับตัวเอง “ฉันไม่ได้มีภาระ มู่จื่อเธออย่าเข้าใจผิดนะ เมื่อกี้นี้เธอก็บอกนี่ว่าฉันอยู่กับพวกเธอก็มีความสุขดี นี่มันก็เป็นเกียรติของฉันแล้ว จะเป็นภาระไปได้ยังไงกัน?”
“ไม่ใช่ภาระที่ไหนกัน? ก็อย่างที่เมื่อกี้นี้เธอยังอยากจะลาออกอยู่แท้ๆ แต่หลังจากที่ได้ทราบสภาพร่างกายของฉันแล้วก็เลยอยู่ต่อ นี่จะไม่เป็นการลำบากตัวเอง เพื่อดูแลคนอื่นเขาหรือไง?”
เสี่ยวเหยียนพูดไม่ออกอยู่สักพักนึง ไม่รู้ว่าจะตอบหานมู่จื่อออกไปยังไง ผ่านไปได้สักพักก็ได้ตอบกลับออกไปเบาๆ “ฉัน ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้เธอต้องลำบากเกินไป”