เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1008
บทที่1008 เพิ่มจนกว่าพวกเธอจะพอใจ
คงจะเป็นเพราะสมองยังไม่ตื่นเต็มที่ หานมู่จื่อจึงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย ไม่ได้คิดว่ามีปัญหาอะไร จึงได้ปิดตานอนหลับต่อ
เย่โม่เซินจึงอุ้มเธอออกไปข้างนอก หลังจากที่เดินออกไปหลายก้าว จู่ๆหานมู่จื่อก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ลืมตาจ้องมองเย่โม่เซินไปอีกครั้งทันที
“ไม่สิ คุณปล่อยฉันลง”
ตอนนี้เธออยู่ที่บริษัท เธอยังมีงานมากมายที่จัดการยังไม่เสร็จ เธอจะกลับไปได้ยังไง?
อีกทั้งในตอนนี้เอง หานมู่จื่อก็ได้พบว่า เมื่อกี้นี้ตนง่วงนอนมากจนนอนหลับไป? แบบนี้แล้วต่อไปจะสร้างแบบอย่างที่ดีได้ยังไง? เจ้านายอย่างเธอมานอนหลับในเวลาทำงานเสียได้ แล้วยังหลับเป็นตายอีก แม้แต่เรื่องที่เย่โม่เซินมาก็ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เย่โม่เซินหยุดฝีเท้าลง ย่นคิ้วมองเธอ
นึกไม่ถึงว่าจะตื่นมาเร็วขนาดนี้?
“เร็วสิ ปล่อยฉันลง”
หานมู่จื่อผลักร่างเขา ดิ้นรนพยายามคิดจะลงจากอ้อมแขนเย่โม่เซิน เย่โม่เซินโอบเธอแน่น เม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
“คุณทำอะไร?”
“ได้เวลาเลิกงานแล้ว” เขาเอ่ยเตือน
เลิกงานแล้ว? หานมู่จื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปหลายส่วนเหมือนกับถูกฟ้าผ่าลงมาทันที ทั้งๆที่เธอก็จำได้ว่าในตอนทำงานนั้นยังเร็วไปจากเวลาเลิกงาน แล้วเธอนอนหลับไปไม่ว่า แต่ยังนอนหลับจนถึงเวลาเลิกงานเลยหรอ???
จบกันๆๆ….
ในตอนที่หานมู่จื่อกำลังตำหนิตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังอยู่นั้นเอง เสียงของเลิงเยาเยาที่อยู่ข้างก็ดังขึ้นมา
“ท่านมู่จื่อ! คุณกลับไปกับคุณชายเย่ก่อนเถอะค่ะ งานพวกนี้ฉันกับหวังอานจัดการกันได้ค่ะ ถึงยังไงมันก็ไม่ได้เป็นงานเร่งที่จะต้องทำให้เสร็จในวันสองวันนี่คะ แล้วอีกอย่างคุณก็ดูเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ”
หานมู่จื่อเงียบไป “ขอโทษนะ ไม่นึกเลยว่าฉันจะหลับไปเสียได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เลิงเยาเยาโบกมือ เมื่อก่อนเธอไม่ยอมรับหานมู่จื่อ แต่ตั้งแต่รู้ว่าหานมู่จื่อเป็นนักออกแบบที่เธอชื่นชอบที่สุดแล้วนั้น อย่าให้พูดเลยว่าเลิงเยาเยาถือหางเธอมากแค่ไหน
คนที่เธออยากปกป้อง ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ในสายตาของเธอนั่นก็คือมีเหตุผล แต่อาจมีความลำบากใจที่จะพูดออกมา
ถึงแม้ว่าจะไม่มี เธอเลิงเยาเยาก็จะช่วยอีกฝ่ายหามาให้ได้!
หวังอานตามจีบเลิงเยาเยามานาน จึงรู้ลักษณะนิสัยของเธอดีอยู่แล้ว ในตอนนี้จึงได้ยิ้มไปพลางพร้อมเอ่ยต่อออกมา “ใช่ คุณกลับไปก่อนเถอะครับ เรื่องของที่นี่มอบหมายให้ผมกับเลิงเยาเยาทำก็ได้ครับ”
เย่โม่เซินเห็นหานมู่จื่อกำลังสับสน จึงตัดสินใจให้เธอไปทันที
“วันนี้กลับไปก่อน เรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จพรุ่งนี้ค่อยมาต่อ พวกเธอทั้งสองคน ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้เอง เอาจากบัญชีของฉัน”
พูดจบ เย่โม่เซินก็ได้เข้าไปกระซิบข้างๆใบหูของเธอ “ตอนนี้พอใจแล้วหรือยัง?”
ความจริงแล้วหานมู่จื่อคิดว่าตัวเองผู้เป็นเจ้านายนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ได้ทำแบบอย่างที่ดีออกมาเสียได้ แล้วยังให้เลิงเยาเยากับหวังอานทำงานมากมายขนาดนี้อีก รู้สึกละอายใจเสียจริง ในตอนนี้เย่โม่เซินก็ได้เพิ่มเงินเดือนให้พวกเขา ทำให้ภายในใจของเธอสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
แต่เธอก็ยังมีความอยากรู้อยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงเอ่ยถามออกไปเบาๆ
“เพิ่ม เพิ่มเท่าไหร่?”
เย่โม่เซินแสยะริมฝีปากออกมา “เพิ่มจนกว่าพวกเธอจะพอใจ”
เลิงเยาเยากับหวังอานที่อยู่ข้างๆ “…”
จุ๊ๆ มีเงินนี่ก็เป็นคนที่พูดดังกว่าคนอื่นจริงๆ!
เลิงเยาเยาพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดีเลยเพิ่มเงินเดือน ท่านมู่จื่อ ตอนนี้คุณก็สามารถกลับไปอย่างสบายใจได้แล้วนะคะ”
หานมู่จื่อยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรเย่โม่เซินก็ไม่ได้ปล่อยโอกาสให้เธอได้สับสนเลย หลังจากที่พยักหน้าบอกลาให้กับทั้งสองคนแล้ว ก็ได้อุ้มเธอออกไป
หลังจากที่ตัวคนเดินออกไปแล้วนั้น สองมือของเลิงเยาเยาก็ได้ยกขึ้นมาจับคาง ดวงตาเป็นประกายออกมา
“คุณชายเย่นี่ช่างมีความสุขเกินไปแล้วนะเนี่ย~”
หวังอาน “หา?”
“ก็เขา…อุ้มเทพธิดาของฉันไงล่ะ!” เลิงเยาเยาแสดงสีหน้าของความรู้สึกสุดยอดออกมา เหมือนกับว่าคนที่อุ้มหานมู่จื่อเป็นตัวเองไม่มีผิด
หวังอานที่จากเดิมแล้วคิดว่าเลิงเยาเยาจะเป็นเหมือนกับพวกผู้หญิงที่บ้าผู้ชายพวกนั้นที่จะหลงผู้ชายใบหน้าหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่คนเมื่อครู่นี้เสียอีก เพราะถึงอย่างไรในสายตาของเขาที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้าของเย่โม่เซินเหมือนกับจะเพอร์เฟคไม่มีที่ติเลยทีเดียว
แต่นึกไม่ถึงว่าคนที่เลิงเยาเยาหลงใหลนั้นไม่ใช่เย่โม่เซิน แต่เป็น…
หวังอานอดไม่ได้ที่จะมองเลิงเยาเยาอยู่นานก่อนจะถามหยั่งเชิงออกไป “เยาเยา เธอคงไม่…มีรสนิยมทางเพศมีปัญหาหรอกใช่มั้ย?”
เลิงเยาเยาที่เมื่อกี้นี้ยังมีสีหน้าเคลิ้มอยู่ได้ยินคำพูดนั้นเข้า ก็หันไปมองหวังอานอย่างไม่สบอารมณ์ทันที “นายพูดบ้าอะไร? อะไรกันที่บอกว่ารสนิยมทางเพศมีปัญหา?”
“เหอะๆ เธอคิดดูสิว่าผมตามจีบเธอมาตั้งนาน แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกลับมาเลยสักนิด ตอนนี้กลับมองผู้หญิงคนนึงอีก…ถ้าไม่ได้เป็นเพราะรสนิยมทางเพศมีปัญหา แล้วทำไมเธอ…”
คำพูดยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ คอปกเสื้อของหวังอานถูกเลิงเยาเยาคว้าเอาไว้ เธอดึงเข้าหาตัวเอง ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองคนจากที่ไกลก็ได้เข้ามาใกล้กันในทันที พอหวังอานเงยหน้าขึ้นมาก็สามารถมองเห็นใบหน้าสวยของเลิงเยาเยาอยู่ตรงหน้าเขาได้ทันที จนถึงขนาดที่ว่าถ้าเขาเข้าใกล้ไปอีกนิดก็จะสามารถจูบโดนริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอได้เลยทีเดียว
หวังอานรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที มองเลิงเยาเยาที่อยู่ตรงหน้าไปพร้อมกับขนตาที่กระตุกรัว “ทำ ทำไมกัน?”
ถึงแม้ว่าจะอยากจูบลงไป แต่หวังอานก็ต้องบอกตัวเองเอาไว้ว่าต้องเอาทนไว้ เขาตามจีบเยาเยามานาน ถ้าตอนนี้มาทนไม่ไหวแล้วบุ่มบ่ามจูบลงไป แล้วเธอเกลียดเขาขึ้นมา อย่างนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำไปมันก็สูญเปล่าน่ะสิ
เลิงเยาเยาไม่รู้เลยว่าในหัวของหวังอานตอนนี้นั้นได้วาดฝันอะไรออกมา เอ่ยออกมาอย่างเหี้ยมโหด “ฉันเลื่อมใสศรัทธาเทพธิดาของฉัน นั่นเป็นความรู้สึกของการเลื่อมใสอย่างนึง นายเข้าใจหรือเปล่า? ช่างเถอะ พูดกับไอ้คนสมองหมูอย่างนายไปนายก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก! หึ สรุปเลยก็คือฉันอิจฉาคุณชายเย่ยังไงล่ะ!”
หลังจากที่หวังอานถูกผลักร่างออกไปนั้น ก็ก้มลงมองเนคไทของตัวเองอย่างอารมณ์ค้าง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีความคิดแปลกๆอย่างนี้ขึ้นมา หวังว่าเลิงเยาเยาจะด่าเขามากกว่านี้อีกหน่อย
อืม ใช้ระยะห่างที่ใกล้มากๆอย่างนั้นของเมื่อสักครู่นี้
หึ…
หวังอานนวดหน้าผากของตัวเองเบาๆ ดูเหมือนว่าเขายังมีเส้นทางอันยาวไกลที่ต้องเดินเชียวล่ะ
*
หานมู่จื่อที่จากเดิมนั้นง่วงมาก แต่ได้ผ่านเรื่องในออฟฟิศพวกนั้นมารบกวน จนหลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว เธอก็ไม่ได้มีความง่วงงุนอีกเลย ในตอนที่เย่โม่เซินโน้มตัวลงมาคาดเข็มขัดให้เธอ หานมู่จื่อก็ได้หลุดเสียงเอ่ยออกมาเบาๆ “เอ่อ…”
“หืม?”
เย่โม่เซินหยุดการกระทำลง เลิกสายตามองเธอ
“ดูเหมือนว่าฉันจะตื่นเต็มตาแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ง่วงเลยสักนิด”
เย่โม่เซินได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ได้เลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย “งั้นก็ดี กลับไปก็จะได้กินข้าว”
หานมู่จื่อ “…ความหมายของฉันก็คือฉันอยากกลับไปทำงานต่อ”
แกรก——
เสียงที่ดังตามหลังคำพูดของเธอนั้น เป็นเสียงของการกดล็อกเข็มขัดนิรภัยนั่นเอง
คิ้วสวยของเธอนิ่วออกมา เห็นแววตาของเย่โม่เซินมีความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอได้กลับไป แต่หานมู่จื่อก็ยังคงดึงดันขึ้นมา
“เอ่อ ตอนนี้งานมันเยอะมากเลยนะ อีกอย่างเมื่อตอนบ่ายฉันก็นอนอิ่มแล้ว ตอนนี้มีแรงที่จะไปทำงานแล้ว”
เย่โม่เซินเอ่ยกับเธอออกมาอย่างไร้ความเมตตา
“ไปกินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วค่อยพูดเรื่องอื่น”
รถขับออกไปแล้ว หานมู่จื่ออ้าปากออกมา แต่ก็ต้องหุบลงไปอีกครั้ง มองไปนอกหน้าต่างอย่างสิ้นท่า
เฮอะ ช่างมัน ตอนนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอลงจากรถไป รอให้กินข้าวเสร็จแล้ว เขาจะยังปล่อยให้เธอมาอีกยังไงกัน?
ภายในรถเงียบไปสักพักนึง จู่ๆหานมู่จื่อก็หลุดเสียงเอ่ยออกมา “เสี่ยวเหยียนลาออกแล้ว”
“อืม” เย่โม่เซินตอบออกมาอย่างสงบนิ่ง เหมือนกับว่าไม่ได้ประหลาดเลยแม้แต่น้อย