เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1028
บทที่1028ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
วินาทีที่พ่อจางถูกเสี่ยวเหยียนโผเข้ากอด ราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป เพราะลูกสาวของเขาไม่ได้กอดเขามานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่หล่อนโตขึ้นมา เป็นเพราะมีความแตกต่างกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ทำให้ลูกสาวคนนี้ไม่สนิทกับเขาเหมือนตอนเด็กๆแล้ว
แม้ว่าพ่อจางจะรักและเอ็นดูลูกสาวมาก แต่เขาก็ไม่สามารถกอดลูกสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วไว้ในอ้อมอกทุกวัน
รวมถึงหลังจากที่ทั้งสองทะเลาะกัน พ่อลูกก็ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
พ่อจางคิดมาโดยตลอดว่าเสี่ยวเหยียนคงไม่ยอมเจอเขาแล้ว เขาคิดถึงลูกสาวของตัวเองมาก แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะตอนนั้นคนที่บอกว่าตัดพ่อตัดลูกคือตัวเขาเอง ตอนนี้หากจะเอ่ยปากบอกให้หล่อนกลับมา นั่นก็คงเป็นการตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรือไง?
พ่อจางซึ่งรักศักดิ์ศรี คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเหยียนจะรักศักดิ์ศรีมากกว่าเขา
สองพ่อลูกขัดแย้งกันมาหลายปี มาวันนี้เสี่ยวเหยียนกลับมาโผกอดเขา น้ำตาจึงไหลรินไปทั้งใบหน้าของเขา
“ใช่ลูกจริงๆเหรอ?”พ่อจางค่อยๆยื่นมือออกไป อยากจะสัมผัสมือของเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนที่กำลังร้องไห้ จู่ๆนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบถอยออกมา
“ดูหนูสิ พอตกใจก็ลืมไปเลยว่าพ่อยังบาดเจ็บอยู่ พ่อคะ เมื่อครู่หนูทำให้พ่อเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ? พ่อไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? เพิ่งฟื้นขึ้นมา ดื่มน้ำหน่อยไหมคะ? หรือว่า ให้หนูเรียกหมอมาดู?”
เสี่ยวเหยียนถามเองตอบเองหลายประโยค จนไม่เหลือเวลาให้พ่อได้ตอบคำถาม เมื่อพูดจบก็รีบหันหลังวิ่งออกไปด้านนอก
เมื่อเห็นท่าทางของหล่อนพ่อจางจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ดูแล้วนี่คงไม่ใช่ความฝัน
ลูกสาวในฝันของเขาจะเหมือนจริงขนาดนี้ได้ยังไง คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านไปนานหลายปีแล้ว สาวน้อยคนนี้ยังไม่โตขึ้นเลย ไม่ว่าทำอะไรก็ใจร้อน ไม่มีความอดทนเสมอ
ไม่นานนักเสี่ยวเหยียนก็ไปตามคุณหมอมา เพราะก่อนหน้านี้คุณหมอได้กำชับไว้ว่า ถ้าคนไข้ฟื้นขึ้นมาแล้วให้ไปแจ้งเขามาดูอาการ
ดังนั้นเมื่อครู่เสี่ยวเหยียนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงรีบไปตามคุณหมอที่รักษาคุณพ่อมาที่นี่
หลังจากที่คุณหมอมาถึง เขาทำการตรวจร่างกายคุณพ่อ ซักถามอาการเล็กน้อย จากนั้นหันมามองเสี่ยวเหยียน: “คุณจาง พ่อของคุณดีขึ้นมากแล้ว ต่อไปต้องพักผ่อนในห้องนอนเพื่อพักฟื้นระยะหนึ่ง ช่วงนี้อย่ากินอาหารมันๆและอาหารรสจัด พยายามทานอาหารอ่อน จะเป็นประโยชน์ต่อแผลครับ”
เสี่ยวเหยียนรีบพยักหน้าลงทันที
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ หนูทราบแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร หากมีปัญหาเพิ่มเติมค่อยมาหาผมนะ”
หลังจากที่ส่งคุณหมอกลับไป ภายในห้องก็เงียบลงทันที เสี่ยวเหยียนเดินกลับมา แต่ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้เหมือนเมื่อครู่ หูและใบหน้าแดง คงเป็นเพราะเขินอายกับท่าทางของตัวเองเมื่อสักครู่
เพราะสองคนพ่อลูกไม่ได้เจอกันนานหลายปีขนาดนี้ เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาหล่อนก็บุกเข้าไปแบบนั้น ตอนนี้เสี่ยวเหยียนรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ทั้งๆที่ตอนนี้หล่อนเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ทันใดนั้นหล่อนนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ หยิบมือถือออกมา
“หนูขอโทรไปบอกแม่ว่าพ่อฟื้นแล้วนะ”
หลังจากพูดจบ กำลังจะออกไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพ่อจะเรียกหล่อนไว้เสียก่อน
“เหยียนเหยียน”
เสี่ยวเหยียนหยุดอยู่ที่เดิม เท้าไม่ขยับไปไหน รู้สึกเหมือนกรดไหลย้อนขึ้นภายในคอเมื่อได้ยินพ่อเรียกว่าเหยียนเหยียน ตาของหล่อนแดงขึ้นมาทันที
“พ่อไม่เจอเหยียนเหยียนมานานแล้ว มานั่งตรงนี้ก่อน ให้พ่อได้ชื่นชมลูกดีๆหน่อยสิ”
เสี่ยวเหยียนยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ สะอึกสะอื้น พูดอะไรไม่ออก
ชื่อเต็มของหล่อนคือจางเสี่ยวเหยียน
แต่ตอนที่หล่อนยังเด็ก พ่อชอบเรียกหล่อนว่า เหยียนเหยียน
บ้างก็ว่าเรียกเหยียนเหยียนยาวบ้าง สั้นบ้าง ต่อมาจึงกลายเป็นเสี่ยวเหยียน
คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านมานานหลายปีแล้ว หล่อนยังคงได้ยินคนเรียกชื่อเล่นของตัวเอง…
จางเสี่ยวเหยียนสะอึกสะอื้นจนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าหันหลังกลับไปพ่อจางทำได้เพียงมองดูหล่อนที่ยืนหันหลังให้ตัวเอง อีกทั้งตัวสั่นแรงมาก แต่เสียงร้องไห้อันเศร้าโศกนั้นราวกับเข็มทิ่มแทงหัวใจของพ่อ
เมื่อคิดว่าไม่ได้ติดต่อกันมาตลอดห้าปีพ่อจางก็น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมา
เสี่ยวเหยียนสะอื้นไห้จนตัวสั่นนานสักพักใหญ่ จึงพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้น: “หนู หนูไปรินน้ำให้พ่อนะคะ”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เดินออกไปพ่อจางรออยู่นานสักพักใหญ่ หล่อนจึงจะกลับมา เขาไม่ได้ว่าอะไรหล่อน เพราะเมื่อครู่หล่อนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จริงๆ
ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เสี่ยวเหยียนถือน้ำไปวางไว้ด้านหน้าของพ่อ เห็นได้ชัดว่าหล่อนใจเย็นขึ้นมากแล้ว นอกจากตาที่ยังแดงอยู่ อย่างอื่นถือว่าปกติดี
“พ่อ หนูประคองพ่อขึ้นมาดื่มน้ำนะคะ”
เสี่ยวเหยียนเดินเข้าไปประคองเขาขึ้นมา จากนั้นนำหมอนสองใบมาวางหนุนหลังให้เขาพ่อจางนอนมานานหลายวันขนาดนี้ รู้สึกว่าตัวเริ่มเกร็งแข็ง ดังนั้นจึงต้องออกแรงอย่างมาก
จากนั้นเสี่ยวเหยียนจึงยื่นน้ำให้เขาพ่อจางรับมาด้วยมือที่สั่นเทา
เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นว่ามือของเขาสั่น หล่อนเริ่มสะอื้นขึ้นอีกครั้ง และลุกขึ้นยืน: “มือของพ่อยังไม่ค่อยมีแรง หนูป้อนนะคะ”
เมื่อพูดจบหล่อนก็โน้มตัวลง หยิบแก้วขึ้นมายื่นไปไว้ตรงหน้าพ่อ ค่อยๆป้อนอย่างระมัดระวัง
พ่อจางก็ไม่ได้บอกปัดเช่นกัน
เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ คนที่เขาคิดถึงมาโดยตลอดก็คือลูกสาวคนนี้
ตอนนี้หล่อนยอมกลับมาหาเขา และยังอยู่ดูแลเขาอีกด้วย เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จ เสี่ยวเหยียนถามขึ้นต่อ: “พ่อไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ?”
พ่อจางส่ายหน้า
“งั้นถ้าพ่อไม่สบายตรงไหน ต้องบอกหนูนะคะ เดี๋ยวหนูไปเรียกคุณหมอมาให้”
“ไม่เป็นไร พ่อไม่เป็นอะไร เมื่อครู่ลูกไม่ได้ฟังหมอหรือไง เขาบอกพ่อดีขึ้นมากแล้วไงล่ะ”
“เขาก็พูดแบบนี้ แต่…”
“เอาเถอะ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ เมื่อครู่ลูกบอกว่าจะโทรหาแม่ไม่ใช่เหรอ? ไปเถอะ ไปบอกแม่ว่าพ่อฟื้นแล้ว แม่จะได้ไปต้องเป็นห่วงพ่ออยู่ที่บ้าน”
เมื่อครู่จางเสี่ยวเหยียนกำลังคิดจะโทรไป แต่ต่อมาร้องไห้จนลืมทุกอย่าง ตอนนี้ถูกพ่อจางพูดเตือนขึ้นมา จึงรีบหยิบมือถือออกไปโทรหาหลัวหุ้ยเหม่ย
ตอนนี้หลัวหุ้ยเหม่ยกำลังทำอาหารกลางวันอยู่ในห้องครัว เมื่อได้ยินว่าพ่อจางฟื้นแล้ว จึงรีบปิดแก๊สทันที
“ฟื้นแล้ว? จริงเหรอ? แม่จะไปเดี๋ยวนี้เลย”
“แม่” จางเสี่ยวเหยียนเรียกหล่อนให้หยุด: “แม่ไม่ต้องรีบร้อนมาที่นี่ ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว แม่ทำอาหารให้เสร็จแล้วค่อยมาหาก็ได้ค่ะ อีกอย่างเมื่อครู่คุณหมอก็บอกแล้วว่า ต่อไปอาหารของพ่อห้ามมันเกินไป พยายามทานอาหารอ่อนเป็นหลัก ดังนั้น…”
“แม่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวไปให้ลูกกับพ่อนะ เสร็จแล้วจะไปหาที่โรงพยาบาล ลูกดูแลพ่อดีๆนะ อย่าทำให้เขาโมโห เข้าใจไหม?”
จางเสี่ยวเหยียน: “แม่! หนูไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
แม้ว่าจางเสี่ยวเหยียนจะมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่หล่อนก็เลือกเวลา ตอนนี้หล่อนไม่มีทางทำตัวแบบนั้นแน่นอน
“โอเค อยู่รอแม่กับพ่อดีๆนะ”
เมื่อวางสายเสร็จ เสี่ยวเหยียนก็ถอนหายใจออก จากนั้นเก็บมือถือใส่กระเป๋า
“แม่บอกว่าจะทำอาหารมาให้ค่ะ”
“อืม”
ภายในห้องพักผู้ป่วยกลับมาเงียบอีกครั้งหนึ่ง เสี่ยวเหยียนรู้สึกทำตัวไม่ถูก คิดไปคิดมาจึงพูดขึ้น: “พ่อ หนูเช็ดหน้าให้พ่อไหมคะ?”