เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1036
บทที่ 1036 ไม่จำเป็นต้องให้หนูเข้มแข็งมาก
เมื่อพูดถึงมู่จื่อ เสี่ยวเหยียนก็นึกถึงคนคนนั้นโดยอัตโนมัติ
แสงสว่างในดวงตาของเธอ ก็มืดลงไม่น้อย จากนั้นเธอก็ยิ้มจางๆ “ตอนนี้เธอท้องแล้ว ทารกในครรภ์ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ฉันไม่วางใจให้เธอไปไหนมาไหน ดังนั้นรอให้เธอคลอดเสร็จแล้วกัน ถึงเวลานั้น จะต้องแนะนำให้พ่อแม่รู้จักแน่นอน”
“ได้”
เรื่องนี้จึงตกลงกันอย่างนี้
เดิมทีเสี่ยวเหยียนคิดว่า พ่อแม่จะคัดค้านไม่ให้เธอเปิดร้าน ก่อนที่เธอจะมา ได้หาข้อโต้แย้งมากมาย คิดว่าหากพ่อแม่ไม่เห็นด้วย เธอก็จะยกตัวอย่างมาพูด
แค่คิดไม่ถึงว่า จะราบรื่นขนาดนี้
เพราะจะเปิดร้าน ดังนั้นเรื่องที่ต้องจัดเตรียมมีมากมาย หลังจากที่เสี่ยวเหยียนได้หารือกับพ่อแม่แล้ว ก็เริ่มมองหาทำเลบริเวณรอบๆ ใช้เวลาวันสองวัน แต่ยังหาไม่เจอร้านที่เหมาะสม
สุดท้ายยังเป็น หลัวหุ้ยเหม่ยที่บอกกับเธอ
“ช่วงเช้าตอนที่ฉันไปสวนสาธารณะ ได้เจอกับเพื่อนสองสามคน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พวกเธอก็มีข่าวคราวบ้าง บอกฉันว่าทางปากซอยใต้มีหน้าร้านหนึ่ง ที่เหมาะสมกับเรามาก ถ้าเรามีเวลาว่าง เราสามารถไปดูได้”
“ปากซอยใต้?” เสี่ยวเหยียนย่นจมูกโดยไม่รู้ตัว ที่จริงแล้วเธออยากจะซื้อที่โดยตรงเลย อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องกังวลกับการจ่ายค่าเช่าทุกปี และเธอก็สามารถอาศัยอยู่บนชั้นสองของร้านด้วย
ตามเงินในมือของเธอแล้ว เธอน่าจะสามารถซื้อทำเลขนาดกลางได้ ทำเลที่แย่เกินไป เธอไม่อยากได้ แพงเกินไป ก็ซื้อไม่ไหว
ในเวลานี้ ได้ยินปากซอยใต้ เสี่ยวเหยียนมีความลังเลในทันที
เพราะเธอเคยศึกษาทางนั้นแล้วปากซอยใต้เป็นถนนการค้าที่มีผู้คนมากที่สุด เพียงร้านอาหาร ก็มีหลายร้านแล้ว ในย่านถนนการค้าแบบนี้ ส่วนใหญ่จะไม่ขายโดยตรง จะให้เช่าหรือแบ่งให้เช่าเท่านั้น ซึ่งถือเป็นรายได้ระยะยาว
ค่าเช่าสูง ร้านค้าเล็ก แรงกดดันจากการแข่งขันก็สูงมากด้วย
“หนูกำลังคิดอะไรอยู่?” หลัวหุ้ยเหม่ยเห็นว่าเธอนั่งเงียบไม่มีปฏิกิริยา จึงเอ่ยถามขึ้น “ฉันเคยถามแล้ว แม้ว่าทางปากซอยใต้จะมีการแข่งขันสูงมาก แต่ถ้าหนูอยากได้ ทำเลที่มีการแข่งขันสูง การค้าขายถึงจะดี อีกอย่างฝีมือการทำอาหารของหนูดีขนาดนี้ หนูยังจะกลัวคนอื่นอีกเหรอ?”
“แต่ว่าแม่……”
“โบราณเคยว่าไว้ ทองแท้ย่อมไม่กลัวถูกไฟ หรือว่าเหยียนเหยียนบ้านเราไม่มั่นใจกับฝีมือทำอาหารของตัวเองเหรอ?”
จางเสี่ยวเหยียนกลอกตามองบนอย่างหมดคำพูด เธอจะไม่มีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองได้อย่างไร เธอแค่คิดว่า ทำเลในถนนสายการค้า ค่าเช่าสูง การแข่งขันสูงไม่ว่า ถึงเวลานั้นทำการค้าขายจะต้องยุ่งมากแน่นอน อีกอย่างถ้าจะต้องแข่งขันกับร้านอื่น ก็ต้องเพิ่มวัตถุดิบ และยังต้องปรับราคาด้วย
ยังไงแล้วเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่า ทำงานมากขึ้น ได้กำไรน้อย
แต่ถ้าอยู่ในทำเลที่เงียบ นั่นก็คือทำงานน้อย แน่นอนว่ารายได้ก็น้อยด้วย
เสี่ยวเหยียนชั่งน้ำหนักในใจแล้ว ทำเลในถนนสายการค้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เธอแค่อยากจะเปิดร้านเล็กๆ สามารถเลี้ยงดูตัวเองและพ่อแม่ก็พอแล้ว
เธอก็ไม่เคยคิด ว่าจะร่ำรวยอะไร
แต่หลัวหุ้ยเหม่ย ไม่ทราบความคิดในใจของเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยืนเหม่อลอยอยู่ที่นั่นตลอด เลยควงแขนของเธอเสียเลย แล้วพูดว่า “อาศัยในช่วงเวลานี้ ที่ยังไม่ถึงเที่ยง เรารีบไปดูหน่อย ถ้าทำเลดี ทางด้านเงิน ฉันกับพ่อของหนู สนับสนุนหนู”
เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็ถูกหลัวหุ้ยเหม่ยลากไปแล้ว
*
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรื่องในบริษัทของหานมู่จื่อ ในที่สุดก็มั่นคงแล้ว และเย่โม่เซินก็กลัวว่าเธอจะทำงานหนัก ดังนั้นจึงให้ เซียวซู่หาคนมาจัดการบริษัทให้เธอเป็นพิเศษ ต่อไปให้เธอจะไปบริษัทก็ไป ไม่อยากไปก็พักผ่อนอยู่บ้าน
หานมู่จื่อก็ไม่ขัดข้องอะไร เพราะยังไงเธอเองก็รู้ดีว่า การตั้งครรภ์ของเธอในครั้งนี้ไม่แข็งแรง เพราะในระหว่างตั้งครรภ์ ได้เจอกับเรื่องมากมายเหลือเกิน ได้รับแรงกระทบกระเทือนมากไป
ดังนั้นหลังจากที่หานมู่จื่อได้ฟังคำพูดของหมอแล้ว เธอเองก็รู้ว่า ถ้าสามารถเลี้ยงทารกในครรภ์อย่างไร้ความกังวล เธอก็จะเลือกที่จะเลี้ยงดูทารกในครรภ์อย่างสบายใจ
ยกเว้นบางครั้ง ที่เธอต้องทำด้วยตัวเอง
ส่วนทางด้านของเย่โม่เซิน หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ แม้ว่าเธออยากจะรับเสี่ยวหมี่โต้วมาอยู่ข้างกายเร็วๆ
แต่ความคิดที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ หานมู่จื่อไม่เคยพูดออกมาเลย
เพราะหลังจากที่กลับมาในประเทศ เรื่องของทั้งสองบริษัท ก็ทำให้คนเหนื่อยล้าทั้งใจและกายแล้ว บวกกับเย่โม่เซินยังช่วยเธอจัดการเรื่องของบริษัทเรียบร้อยแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งเหล่านี้ แค่เรื่องของความทรงจำของเย่โม่เซินถูกกระทบกระเทือน ก็ได้ทำลายร่างกายและจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก
ดังนั้นในเวลานี้ หานมู่จื่อจึงไม่กล้าพูดถึงเรื่องของเสี่ยวหมี่โต้วและนายท่านยู่ฉือ
แต่ตอนที่อยู่ในบ้าน กำลังวิดีโอคอลกับเสี่ยวหมี่โต้ว
“หม่ามี๊ๆ แดดดี้ตัวร้ายจะมารับหนูและคุณทวดกลับไปเมื่อไหร่?”
เช่นเดียวกับวันนี้ ตอนที่ทั้งสองแม่ลูกวิดีโอคอลในWeChat เสี่ยวหมี่โต้วก็ถามหานมู่จื่อในวิดีโอคอล อย่างปรารถนายิ่งนัก
เมื่อเผชิญกับสายตาที่ปรารถนาอย่างยิ่งของลูกชาย ในใจของหานมู่จื่อรู้สึกทนไม่ได้แล้ว จึงทำได้เพียงพูดเสียงเบา “รออีกหน่อยนะเสี่ยวหมี่โต้ว รอเรื่องในประเทศจัดการเสร็จเรียบร้อย
แล้วก็รับหนูกับคุณทวดกลับมา โอเคไหม?”
เดิมทีเสี่ยวหมี่โต้วยังจะถามอะไรหน่อย แต่ทันใดนั้นก็เห็นแววตาเศร้าหมองระหว่างคิ้วของหานมู่จื่อ คำพูดที่มาถึงปาก ก็กลืนกลับไปในทันที เปลี่ยนเป็น “ก็ได้ ยังไงเสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป ต่างประเทศก็สนุกดี แต่ละวันคุณทวดพาหนูไปหลายที่เลย ถ้าถึงเวลาที่หม่ามี๊จะรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับไป อย่าลืมว่าต้องแจ้งเสี่ยวหมี่โต้วล่วงหน้านะ เสี่ยวหมี่โต้วจะไปเล่นอีกหลายที่”
เขาพูดอย่างดีใจมาก แม้แต่สีหน้าก็ระบายไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าดีใจมากจริงๆ
ในชั่วขณะหนึ่ง หานมู่จื่อก็แยกไม่ออกว่าเสี่ยวหมี่โต้วคือดีใจจริงๆ หรือว่าไม่ดีใจ
ต่อมาเธอคิดดู เด็กน่าจะไม่มีอารมณ์ความคิดมากขนาดนี้
บางที เขาอาจจะชอบอยู่ต่างประเทศจริงๆ?
“เสี่ยวหมี่โต้ว ถ้าหนูรู้สึกน้อยใจ ก็บอกแม่หม่ามี๊ หม่ามี๊จะหาทางให้หนู หม่ามี๊…… หวังว่าหนูจะเป็นเด็กที่พึ่งพาหม่ามี๊ ไม่จำเป็นต้องให้หนูเข้มแข็งมาก รู้หรือเปล่า?”
ตอนที่พูดคำเหล่านี้ นิ้วมือของหานมู่จื่อ ลูบแก้มของเสี่ยวหมี่โต้วจากหน้าจอเบาๆ
แต่สิ่งเหล่านี้ เสี่ยวหมี่โต้วไม่สามารถรู้สึกได้
“หม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วไม่น้อยใจ คุณทวดกับแดดดี้หม่ามี๊ก็เหมือนกันหมด และไม่ช้าเสี่ยวหมี่โต้วก็สามารถอยู่เคียงข้างหม่ามี๊แล้ว”
ยังไงก็เป็นเด็ก หลังจากที่หานมู่จื่อพูดคำเหล่านี้ เสี่ยวหมี่โต้ว รู้สึกอยากจะร้องไห้ เหมือนมีอะไรเข้าตา
และในเวลานี้ ข้างนอกมีคนเรียกเขาพอดี เสี่ยวหมี่โต้วจึงถือโอกาสพูดว่า “หม่ามี๊ ต้องเป็นคุณทวดที่จะพาเสี่ยวหมี่โต้วออกไปเที่ยวเล่นอีกแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วไปก่อนนะ ตอนกลางคืน กลับมาส่งรูปให้หม่ามี๊”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นหนูระวังความปลอดภัยด้วยนะ”
หลังจากนั้น ก็วางสายวิดีโอคอล
ในห้องขนาดใหญ่ ลูกผู้ชายคนตัวเล็ก นั่งอยู่บนโซฟา ตอนแรกเขาจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากนั้นสักพัก ร่างเล็กๆก็ขดตัวเป็นลูกบอล เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหมี่โต้วฝังหน้าเข้าไปที่เข่าตัวเอง
เมื่อกี้หลังจากที่หม่ามี๊พูดคำเหล่านั้นจบ เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกเศร้าใจมาก อยากจะร้องไห้……
แต่ไม่ได้ หม่ามี๊ลำบากมาโดยตลอด เลี้ยงเขาด้วยตัวเอง
แต่เธอไม่เคยพูดอะไรเลย และไม่เคยอารมณ์เสียกับเสี่ยวหมี่โต้ว แม้แต่ครั้งเดียว เพราะความลำบากเหล่านี้