เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1066
บทที่1066 ไปส่งผ้าห่ม
โชคดีที่ผ่านไปไม่นานมู่จื่อก็กลับมา
เมื่อเห็นมู่จื่อ เสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวหมี่โต้วทำท่าทางเหมือนลูกอ๊อดเจอแม่ รีบเดินเข้าไปหา ตัวติดกับหล่อนทันที
“มู่จื่อ”
“หม่ามี๊”
หานมู่จื่อที่เพิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ใจเย็นลง คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อออกมาจะเจอกับเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้ว หล่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ตั้งสติกลับมาได้
เสี่ยวเหยียนจะมาที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่หล่อนคาดเดาไว้อยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้หล่อนก็อยากตามมาด้วย เพียงแต่มู่จื่อไม่ให้มา
คิดไม่ถึงว่า…สุดท้ายหล่อนยังจะ
“วันนี้เพิ่งเปิดกิจการ เธอก็ต้องรีบมาที่นี่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“มู่จื่อ เธอไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปิดร้านแล้ว ตอนนี้เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญ”
หานมู่จื่อยิ้ม “ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ? ถ้าเป็นวันปกติคงไม่เป็นไร แต่วันนี้…”
“พอแล้ว เรื่องที่ร้านถ้าไม่โอเคยังไงค่อยหาใหม่ได้ แต่เธอมีแค่ตัวคนเดียว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะไม่มาหาเธอได้ยังไง? อาการของคุณชายเย่ พวกเราทราบแล้ว ฉันไปนั่งเป็นเพื่อนเธอนะ”
หล่อนชี้ไปที่เก้าอี้ทางด้านข้าง หานมู่จื่อพยักหน้าลง ไม่พูดยืดเยื้ออะไรต่อ
ทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้
คงเป็นเพราะช่วงเวลาคับขัน เสี่ยวหมี่โต้วจึงเรียบร้อยและนิ่งเป็นพิเศษ นอกจากจะกุมมือของหม่ามี๊และลูบเบาๆเพื่อคอยปลอบใจ เขาก็ไม่พูดอย่างอื่นอีก
แต่ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง และอีกสามคนที่นั่งอยู่ ไม่นานนักก็ตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบ
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเย่โม่เซินจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป แต่หากจะเป็นอะไรไปตอนนี้ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นเวลาจึงผ่านไปเช่นนี้นาทีแล้วนาทีเล่า
นั่งไปเรื่อยๆ ดูเหมือนอุณหภูมิรอบตัวต่ำลงเยอะมาก
เสี่ยวเหยียนรู้สึกหนาวเล็กน้อย แต่หล่อนไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกมา อีกอย่างตอนนี้คนที่หล่อนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือมู่จื่อ
เพราะหล่อนตั้งท้องอยู่ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสี่ยวเหยียนจึงพูดขึ้น: “มู่จื่อ หรือว่า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่กลับแน่นอน”
“ไม่ใช่…เธอเข้าใจผิดแล้ว” เสี่ยวเหยียนยิ้ม: “ฉันไม่ได้บอกให้เธอกลับบ้าน อยู่กับเธอมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันไม่รู้นิสัยของเธอหรือไง? ฉันจะบอกว่า ยังไงคุณชายเย่ยังต้องเฝ้าดูอาการอยู่ในห้องคนไข้ พวกเราจองห้องคนไข้ด้านข้างกันไหม ในห้องมีเตียง เธอจะได้เข้าไปนอนสักคืน”
“คุณนายน้อย ผมว่าแบบนี้ก็ได้นะครับ คุณร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่อากาศหนาวที่สุด ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก หากรอให้ดึกกว่านี้จะยิ่งหนาวมากขึ้น ถ้าถึงตอนนั้นคุณชายเย่ฟื้นขึ้นมา คุณนายน้อยกลับไม่สบายขึ้นมา พวกเราคงไม่มีทางสู้หน้าคุณชายเย่ได้”
ที่พูดมาล้วนแล้วแต่คือเรื่องจริง อุณหภูมิในโถงทางเดินนี้ช่างต่ำเหลือเกิน
ถ้ารอให้ถึงตอนกลางคืน คงจะหนาวมากกว่านี้
ตัวหล่อนเองยังทนได้ แต่ลูกที่อยู่ในท้องคงทนไม่ได้ อีกทั้งข้างกายหล่อนยังมีเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวหมี่โต้ว หล่อนคงไม่อยากให้ทั้งสามต้องอดนอนไปกับตัวเองหรอก
คิดได้เช่นนี้ หานมู่จื่อจึงพยักหน้าลง: “งั้นก็ได้ ทำตามนี้แล้วกัน”
เป็นเพราะพวกหล่อนขอห้องVIPไป จึงได้ห้องเดี่ยว ด้านในมีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครัน แอร์และน้ำร้อนก็มีพร้อม เพียงแต่ทุกคนไม่ได้เอาเสื้อมาเปลี่ยน จึงต่างพากันขี้เกียจอาบน้ำ
ตอนที่หานมู่จื่อเข้าไปด้านใน ยังหันกลับมามองเซียวซู่และหานชิง
เซียวซู่และหานชิงสบตามองกัน พูดขึ้น
“พวกเราเฝ้ายามอยู่ที่นี่ เธอพักผ่อนอย่างสบายใจได้”
สุดท้ายหานมู่จื่อพยักหน้าลง หันไปสบตาแสดงความขอบคุณทั้งสอง
“เดี๋ยวฉันเอาผ้าห่มมาให้พวกนายนะ”
แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนต้องเข้าไปในห้องคนไข้กับหานมู่จื่อ
หลังจากรอให้พวกหล่อนออกไป เซียวซู่จึงพูดขึ้น: “พรุ่งนี้คุณหานยังต้องทำงานใช่ไหมครับ เรื่องตรงนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไร” หานชิงตอบกลับด้วยท่าทีเนิบนิ่ง
เซียวซู่เหลือบมองดูหานชิง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
จากนั้นชายทั้งสองก็อดทนเฝ้ายามตลอดทั้งคืนไป
ส่วนอีกสามคนที่อยู่ในห้องคนไข้ แม้ว่าจะมีที่ให้ได้นอนพักผ่อน แต่ก็นอนไม่หลับ หานมู่จื่อเป็นห่วงเย่โม่เซิน หล่อนนอนห่มผ้า แม้ว่าจะหลับตาลง แต่จิตใจและความคิดยังคงกระสับกระส่ายไม่สบายใจ แน่นอนว่าหล่อนรู้สึกง่วง แต่พอนอนไปสักพักก็ฝันเห็นเย่โม่เซินนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน จึงตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับเสี่ยวเหยียน เดิมทีเขาอยากนอนกับหม่ามี๊ แต่เมื่อคิดว่าหม่ามี๊ท้องอยู่ เขากลัวทำให้หม่ามี๊เจ็บ สุดท้ายจึงไปนอนกับน้าเสี่ยวเหยียน
ภายในห้องไม่ได้ปิดไฟ ทั้งสองนอนหันหน้าเข้าหากัน สบสายตามองกันและกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็ยื่นมือไปลูบหัวของเสี่ยวหมี่โต้ว พูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“รีบนอนเถอะ”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาปริบๆ มองหล่อนด้วยแววตาใสซื่อ
เขาไม่พูดอะไร และไม่ได้หลับตานอนตามคำสั่ง
เสี่ยวเหยียนหันไปมองหานมู่จื่อ รู้สึกเป็นห่วงหล่อน สุดท้ายหล่อนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“ช่างเถอะ ไม่นอนก็ไม่ต้องนอน แต่เดี๋ยวง่วงแล้วต้องนอนนะ”
หล่อนเองก็นอนไม่หลับ ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวหมี่โต้ว
เสี่ยวหมี่โต้วจึงพยักหน้าตอบกลับ
ทั้งสองนอนมองกันไปมาเงียบๆ จู่ๆเสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงตะกุกตะกักดังขึ้น เมื่อหันไปมองตามเสียงก็เห็นว่าหานมู่จื่อตื่นแล้ว
“มู่จื่อ?”
เสี่ยวเหยียนเห็นเช่นนั้น จึงรีบลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว “เป็นอะไร? หรือมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของเสี่ยวเหยียน หานมู่จื่อจึงต้องพูดอธิบาย
“เมื่อครู่ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พวกเขาสองคนอยู่ด้านนอกคงหนาวมาก ก็เลยจะเอาผ้าห่มออกไปให้”
ระหว่างที่พูด หานมู่จื่อก็ยกผ้าห่มขึ้นมา เสี่ยวเหยียนกลับยืนขวางหน้าหล่อนไว้
“เธอนอนไปแล้ว และใส่เสื้อบางขนาดนี้ ให้ฉันเอาไปให้เองดีกว่า”
“แต่…”
“เธอท้องอยู่นะ ต้องดูแลตัวเองดีๆ ด้านนอกหนาวขนาดนั้น ถ้าเธอเป็นหวัดขึ้นมา ลูกน้อยจะทำยังไงล่ะ? ฉันไม่เหมือนเธอ ฉันไปเอง”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็แย่งผ้าห่มจากมือมู่จื่อไป จากนั้นก็หันหลังมาพูดกับเสี่ยวหมี่โต้ว
“เสี่ยวหมี่โต้ว ดูแลหม่ามี๊ดีๆนะ อย่าให้แม่ออกไปไหนล่ะ”
หานมู่จื่อ: “…”
ทำไมรู้สึกว่าเป็นคนท้อง แล้วคนอื่นมองหล่อนเหมือนเป็นเด็กน้อยเลยล่ะ?
“หม่ามี๊ ห้ามออกไปไหนนะครับ”
แม้ว่ายังคงรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่การกระทำของสองคนนี้กลับทำให้หานมู่จื่อยิ้มทั้งน้ำตาได้
ที่โถงทางเดิน เซียวซู่กับหานชิงแยกกันยืนคนละที่ ตั้งแต่หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนออกไปนอนในห้อง พวกเขากลับยังไม่หาที่นั่งกันเลย
ตอนที่เสี่ยวเหยียนออกมาแล้วเห็นภาพนี้ยังรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ยืนนานขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง?
อีกอย่าง…อยู่ในห้องนานแล้ว พอออกมาจึงรู้สึกว่าด้านนอกหนาวเป็นพิเศษ
สายลมพัดผ่านเข้ามา เสี่ยวเหยียนหนาวจนต้องหดคอลง เซียวซู่บังเอิญหันไปเห็นพอดี จึงขมวดคิ้วขึ้น
“เธอออกมาทำไมล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนยิ้มและเดินเข้าไป พูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “เอาผ้าห่มมาให้ ด้านนอกหนาวมากจริงๆ ถ้าพวกนายหนาวก็เอาไปห่มนะ อย่าเป็นหวัดล่ะ”