เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1067
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1067 หนีไปไหนไม่พ้น
ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้กัน เซียวซู่ยื่นมือออกไปรับผ้าห่ม
เป็นเพราะห่างกันใกล้นิดเดียว เสี่ยวเหยียนยังรู้สึกได้ถึงไอเย็นจากตัวของเซียวซู่
ตอนที่รับผ้าห่มมา เซียวซู่ไม่ทันระวัง ปลายนิ้วจึงไปโดนมือของเสี่ยวเหยียน จนรู้สึกได้ว่านิ้วของเซียวซู่เย็นราวกับน้ำแข็ง
และเมื่อโดนปลายนิ้วของเสี่ยวเหยียนที่มีความอุ่น จนทำให้ใครต้องอิจฉา
เสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมาได้ จึงรีบเก็บมือกลับอย่างรวดเร็ว เซียวซู่ตกตะลึงไปสักพัก จึงรับผ้าห่มมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสี่ยวเหยียนเอาผ้าห่มมาสองผืน คิดจะแบ่งให้คนละผืน แต่หล่อนไม่อยากพูดคุยกับหานชิง จึงให้ผ้าห่มเซียวซู่ไปทั้งสองผืน ฝากให้เขาเอาไปให้แทนก็เหมือนกัน
“ให้ฉันไปเอาน้ำร้อนที่ห้องให้ไหม?”
หล่อนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เซียวซู่จ้องมองไหล่ที่เต็มไปด้วยอ่อนล้าของหล่อน จากนั้นจึงปฏิเสธหล่อนไป
“น้ำร้อนไม่ต้อง มีผ้าห่มก็ดีมากแล้ว ตอนกลางคืนหนาว เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องออกมาแล้ว”
เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไม่อยากพูดอะไรแล้ว ทำได้เพียงพยักหน้าลงจากนั้นจึงหันหลังกลับไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ หล่อนไม่ได้หันไปเหลือบมองหานชิงเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาเลย
เมื่อเสี่ยวเหยียนกลับไป เซียวซู่จึงหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงอยู่ทางนั้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาถูกซ่อนไว้ในเงา มองเห็นไม่ชัด ริมฝีปากเรียวบางที่ถูกกดทับไว้ ดูไปแล้วทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง
ไม่รู้ว่าเซียวซู่คิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าเหมือนมีรังสีความโกรธแผ่ซ่านอยู่รอบตัวเขา
เฮ้อ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
เพราะตอนแรกคนที่เป็นฝ่ายปฏิเสธเสี่ยวเหยียนก็คือเขา
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เซียวซู่จึงเอาผ้าห่มไปให้เขา
หานชิงยื่นมือไปรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์
“ตอนนี้หล่อนไม่มารบกวนคุณอีกต่อไปแล้ว ประธานหาน สมใจคุณแล้วสินะ”
หลังจากที่เซียวซู่เอาผ้าห่มไปให้เขา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บสักหน่อย
ความจริงแล้ว เขาก็ปวดใจมากเช่นกัน เพราะเห็นได้ชัดว่าท่าทางของเสี่ยวเหยียน ยังคงไม่ลืมหานชิง
ถ้าหล่อนไม่สนใจหานชิงแล้ว ก็คงเอาผ้าห่มไปให้เขาได้ด้วยตัวเอง จากนั้นก็ค่อยออกไป แต่ตอนนี้กลับเป็นเช่นนี้ แม้แต่มองก็ยังไม่มองหานชิงเลยสักนิด งั้นก็แสดงว่าในใจของหล่อนยังสนใจหานชิงอยู่มาก
ช่วงนี้ หล่อนบอกว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง
แต่เซียวซู่จะไม่เข้าใจได้อย่างไร ชอบคนคนหนึ่ง…บอกว่าจะไม่ชอบก็ไม่ชอบได้เลยหรือไง?
เมื่อได้ยินเขาพูดเหน็บแนม หานชิงจึงเงยหน้ามองเซียวซู่ ยังคงเม้มริมฝีปากอยู่เหมือนเดิม ไม่พูดอะไร และไม่ตอบคำถามเขา
ไม่สนใจเขาแล้ว…
นั่นสิ ตั้งแต่เจอกันครั้งที่แล้วจนถึงตอนนี้ หล่อนทำตัวดีมาตลอด
ครั้งที่แล้ว หล่อนยังทักทายตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้งนี้กลับเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ทักทาย แม้แต่มองก็ไม่มองเขาเลย
เฮ้อ หานชิงยับยั้งอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองไว้
เป็นแบบนี้ก็ดี
หานชิงหลับตาลง ในมือยังคงถือผ้าห่มที่เซียวซู่เอามาให้ ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความวิตกกังวล
เสี่ยวเหยียนกลับไปที่ห้องคนไข้ หลังจากปิดประตูเสร็จ หล่อนก็พบว่าสองคนที่อยู่ในห้องยังไม่นอนหลับ จึงส่งยิ้มให้และเดินเข้าไป
“พวกเธอยังไม่นอนอีกเหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้วส่ายหัวไปมา “ผมเฝ้าหม่ามี๊ไม่ให้ออกไปไหนอยู่ครับ”
หานมู่จื่อ: “…”
“เก่งจริงนะ หาข้ออ้างได้ดีจริงๆเลย หรือว่าคืนนี้ให้หนูเฝ้าทั้งคืนเลย ไม่ต้องนอน?”
“คุณน้าเสี่ยวเหยียน…”
“โอเค รีบไปนอนเถอะ ไม่ต้องเล่นตัวแล้ว พรุ่งนี้ยังอยากตื่นอีกไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วเหลือบมองดูหานมู่จื่อ จากนั้นก็หันมามองเสี่ยวเหยียน สุดท้ายตัวเองค่อยๆปีนขึ้นไปบนเตียงห่มผ้า
อืม นอนได้แล้วนะ
ทั้งสองมองดูเสี่ยวหมี่โต้วปีนขึ้นไปบนเตียง หานมู่จื่อก็หันมาสบตามองเสี่ยวเหยียน
“รีบนอนดีกว่านะ เธอท้องอยู่ อย่าคิดมาก นอนตื่นขึ้นมาแล้วคุณชายเย่ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เสี่ยวเหยียนพูดปลอบ
หานมู่จื่อไม่อยากให้พวกหล่อนต้องเป็นห่วงตัวเอง จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตา: “ก็ดีนะ ฉันก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน นอนกันดีกว่า เธอพูดถูก ฉันตื่นขึ้นมา เขาก็อาจจะตื่นขึ้นมาแล้วเหมือนกันเนอะ?”
เพราะยังไงเวลานอนก็ผ่านไปเร็ว
ถ้าไม่นอนเลย คงจะยิ่งทรมานมากขึ้น
ยิ่งดึกมากขึ้น โรงพยาบาลก็เงียบมากเป็นพิเศษ
หานมู่จื่อพยายามสะกดจิตให้ตัวเองง่วง หล่อนหนักตามาก แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
และไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หล่อนจึงผล็อยหลับไป
กระทั่งหล่อนได้ยินเสียงอีกครั้ง กลับกลายเป็นเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ด้านนอกหน้าต่างมีเสียงนกร้อง พวกมันเกาะอยู่บนต้นใหม่ใหญ่ที่โรงพยาบาลปลูกไว้ นกฝูงนั้นร้องเรียกเสียงแจ๋ว ร้องกันอย่างมีความสุข
ทำให้ห้องอันเงียบสงัดนี้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นด้วย
หานมู่จื่อลืมตาขึ้น เห็นว่าด้านนอกสว่างจ้าแล้ว แต่หล่อนยังคงหลับใหลเช่นนี้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เย่โม่เซินเป็นยังไงบ้าง ฟื้นแล้วหรือยัง?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หานมู่จื่อรีบสะบัดผ้าห่ม ลุกขึ้น จากนั้นไปแต่งตัว
คงเป็นเพราะหล่อนส่งเสียงดัง จึงทำให้เสี่ยวเหยียนที่นอนอยู่เตียงด้านข้างต้องตื่น หล่อนขยี้ตา ลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ “มู่จื่อ?”
หานมู่จื่อเหลือบมองดูหล่อน เห็นว่าหล่อนมองไปรอบๆอย่างมึนงง ดูเหมือนจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปหมดแล้ว หลังจากมองไปรอบๆแล้ว เหมือนว่าหล่อนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ อยากจะรีบลุกขึ้น แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เสี่ยวหมี่โต้วที่นอนอยู่ด้านข้างตกใจตื่น
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงต้องลุกอย่างระมัดระวัง ค่อยๆลงมาจากเตียงและสวมเสื้อแขนยาวและเสื้อคลุม
“กี่โมงแล้ว?”
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนแต่งตัวเสร็จก็เดินไปหยุดอยู่ด้านข้างหานมู่จื่อ และถามหล่อน
จากนั้นหล่อนก็หยิบออกมาดูเวลา
“หกโมงครึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ข้างนอกกันเป็นยังไงบ้าง?”
เดิมทีเสี่ยวเหยียนเป็นห่วงมากอยู่แล้ว แต่ตอนกลางดึกหล่อนง่วงไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงนอนหลับไป ตอนกลางคืนด้านนอกหนาวขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาผ่านกันไปได้ยังไง
“มู่จื่อ เธอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน ฉันจะออกไปดู”
“โอเค”
เสี่ยวเหยียนรีบเดินออกไป หล่อนคิดอยากจะไปแลกเวรเฝ้าแทนพวกเขา เพราะหล่อนตื่นแล้ว ส่วนเซียวซู่กับหานชิงเฝ้ามาทั้งคืนแล้ว ช่วงเวลาต่อไปหล่อนควรจะเป็นคนเฝ้าแทน จากนั้นให้เซียวซู่กับหานชิงพักผ่อน
แน่นอนว่า หล่อนยังคงไม่ยอมพูดกับหานชิง
เดี๋ยวตอนที่หล่อนเจอเซียวซู่ หล่อนจะอธิบายให้เซียวซู่ฟัง แล้วค่อยให้เขาไปบอกต่อ
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ตอนที่เสี่ยวเหยียนเดินไปถึง กลับเห็นเพียงเงาคนหนึ่งอยู่ที่โถงทางเดิน
หน้าตาดี หยิ่งยโส สุขุม เรียบร้อย
หานชิง
ส่วนเซียวซู่ไม่รู้หายไปไหน เมื่อเห็นฉากด้านหน้า เสี่ยวเหยียนถึงกับต้องกลืนน้ำลายลง ลืมคำพูดที่เตรียมไว้เมื่อครู่หมดแล้ว
ในเมื่อเซียวซู่ไม่อยู่ที่นี่ งั้นหล่อนกลับไปดีกว่า
แต่…ตอนที่หล่อนเดินมาเมื่อสักครู่ ต้องมีเสียงฝีเท้าแน่นอน ถ้าหล่อนจะหันหลังกลับไปตอนนี้ ก็คง…
เพราะมัวแต่ลังเล เสี่ยวเหยียนจึงหยุดเดินทันที
หล่อนยืนอยู่ที่เดิม มองดูผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือหน้าตา หล่อนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
หน้าตาเฉกเช่นนี้ ทำให้หล่อนต้องนึกถึงอยู่ทุกคืนวัน
เมื่อก่อนถ้าหล่อนเห็นเขา ต้องวิ่งเข้าหาแล้วพูดความในใจแน่นอน แต่ตอนนี้…หล่อนกลับอยากหลีกหนีไปให้พ้น แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้