เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1069
บทที่1069 หล่อนเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ
คำพูดประโยคนี้ ทำให้เสี่ยวเหยียนตื่นขึ้นมาทันที
หล่อนกำลังทำอะไรอยู่? คุณชายเย่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่หล่อนกลับมานั่งเสียใจกับเรื่องของตัวเองอยู่ตรงนี้?
หล่อนเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!
เมื่อเสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมาได้จึงรีบพูดกับมู่จื่อ
“มู่จื่อ เธอไม่ต้องกังวลนะ แม้ว่าคุณชายเย่ยังไม่ฟื้น แต่หมอยังไม่ได้แจ้งเรื่องอะไรมา งั้นก็หมายความว่าคุณชายเย่ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว”
แม้ว่าหานมู่จื่อยังคงขมวดคิ้วอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเหยียน จึงหันไปยิ้มให้หล่อน
“อื้ม อีกไม่นานหรอก ผ่านมาแล้วหนึ่งคืน 24ชั่วโมงอีกไม่นานก็ครบแล้ว”
แม้ว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่าหลังจากผ่านไป24ชั่วโมงแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น แต่สำหรับหานมู่จื่อแล้ว ตอนนี้หล่อนขอเพียงแค่เย่โม่เซินจะผ่านช่วงสังเกตอาการไปได้อย่างปลอดภัย
จากนั้นบรรยากาศก็เงียบสงบลง เซียวซู่ซื้ออาหารเช้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
“คุณนายน้อย”
หานมู่จื่อหันไปพยักหน้าให้เขา เมื่อเห็นว่าในมือของเขาถือถุงมามากมาย กำลังคิดจะเข้าไปช่วย แต่เสี่ยวเหยียนกลับลุกขึ้นก่อน
เซียวซู่ซื้ออาหารเช้ามาให้พวกเขา แต่หานมู่จื่อกลับไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย จึงดื่มแค่นมร้อนหนึ่งแก้ว จากนั้นเสี่ยวเหยียนบังคับให้เธอกินแซนวิชหนึ่งชิ้น
“แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย ไม่กินอะไรบ่อยๆ ลูกจะโตได้ยังไง?” เสี่ยวเหยียนหยิบซาลาเปาขึ้นมากัด พลางดื่มน้ำเต้าหู้ จากนั้นหานมู่จื่อก็หันไปมองเซียวซู่
“เมื่อคืนพวกนายเฝ้ากันมาทั้งคืนแล้ว เดี๋ยวทานอาหารเช้าเสร็จ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ เสี่ยวเหยียน เธอกลับไปพร้อมเซียวซู่สิ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนเบิกดวงตากว้างขึ้นมาทันที
“ฉันก็ต้องไปด้วย? ทำไมล่ะ? ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“อย่าโวยวาย วันนี้ร้านของเธอเพิ่งจะเปิดกิจการเป็นวันที่สองเองนะ ถ้าเธอไม่ไป ต่อไปจะเปิดร้านยังไงล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนทำหน้าตาบอกว่าไม่เป็นไร: “ปิดวันสองวันคงไม่เป็นไรหรอก อีกสองสามวันค่อยเปิดใหม่ก็เหมือนกัน ขอเพียงแค่เส้นหมี่ของฉันอร่อย ลูกค้าก็มาเองแหละ ถ้าพวกเขาไม่อยากมา พวกเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเองนะ”
“ไม่ได้” หานมู่จื่อยังคงส่ายหน้า “เธอต้องกลับไป”
“ไม่ได้! ถ้าฉันกลับไปแล้วเธอจะทำยังไงล่ะ? คนท้องอย่างเธออยู่ในโรงพยาบาลคนเดียว ฉันไม่สบายใจหรอกนะ! ไม่ว่าวันนี้เธอจะพูดยังไง ฉันก็ไม่มีทางไปไหน”
หานมู่จื่อ; “..”
หล่อนหันไปหาเซียวซู่ด้านข้าง ใช้สายตาบอกเป็นนัย หวังให้เซียวซู่ช่วยพูดกับเสี่ยวเหยียน
เมื่อได้รับสารจากคุณนายน้อย เซียวซู่ยิ้มเจื่อนทันที
พวกหล่อนสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังพูดโน้มน้าวกันไม่ได้ แล้วเขาผู้ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย จะมีสิทธิ์ไปพูดโน้มน้าวได้ยังไง? แต่เซียวซู่ก็ไม่ทำให้หานมู่จื่อต้องผิดหวังในความตั้งใจ
“ในเมื่อคุณนายน้อยให้เธอกลับ เธอก็กลับเถอะ ฉันคิดว่าคุณนายน้อยพูดถูก กว่าจะเปิดร้านได้ มันไม่ง่ายเลย วันที่สองก็จะปิดร้านแล้ว จะทำให้เสียลูกค้าเยอะ”
“เสียก็เสียสิ” เสี่ยวเหยียนพูดเช่นนี้ ทำให้เขาไม่ต่อไม่ถูกทันที: “สิ่งที่ฉันสูญเสียก็คือลูกค้าของฉัน ไม่ใช่ของนาย นายอย่ามาพูดแทรก”
โอเค เขาไม่อยากพูดให้สาวน้อยต้องโมโห
เพราะสาวน้อยผู้นี้อารมณ์รุนแรงเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าเซียวซู่พูดแค่ประโยคเดียวก็ถูกเสี่ยวเหยียนตอบโต้กลับมาเช่นนี้แล้ว หานมู่จื่อจึงรู้สึกสงสารเซียวซู่ขึ้นมา จนหล่อนยังคิดว่า เซียวซู่เป็นแบบนี้ ต่อไปถ้าจีบเสี่ยวเหยียนติดจริงๆ
คงจะ…ถูกข่มแน่ๆ
พูดคำไหนคำนั้น? บอกให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม?
คิดไปคิดมา รู้สึกว่าน่าสนใจดี
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้น
“เธอน่ะ อย่าโมโหแบบนี้บ่อยสิๆ”
เสี่ยวเหยียนตอบกลับ “ฉันโมโหที่ไหน…มู่จื่อ นี่เธอทำตัวสองมาตรฐาน”
เมื่อก่อนตัวเองขี้โมโหกว่าหล่อนตั้งเยอะ ตอนนี้มาหาว่าตัวเองขี้โมโห
สองมาตรฐานเหรอ? หานมู่จื่อย้อนคิดดู รู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองขี้โมโหมากจริงๆ ดูเหมือนว่าหล่อนไม่มีสิทธิ์ไปว่าเสี่ยวเหยียนอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนั้นจริงๆ
หล่อนยิ้มเจื่อนขึ้นมาทันที พูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “ฉันโทรบอกคุณปู่เรื่องนี้แล้ว วันนี้เขากับคุณน้าของโม่เซินจะมาที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวัน ดังนั้น…วันนี้เธอสามารถกลับไปเปิดร้านได้อย่างสบายใจแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าจะมีคนมา เสี่ยวเหยียนจึงสบายใจขึ้น “จริงเหรอ เธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
“มีอะไรน่าโกหกล่ะ? เขาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณปู่กับคุณน้าของเขาจะไม่มาเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่ามีเหตุผล
“ก็พูดถูกนะ ไม่มาไม่ได้หรอก แต่….” หล่อนยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“พอแล้ว เธอกลับไปเปิดร้านดีๆ ถ้าเป็นห่วง คืนนี้ค่อยมาก็ได้ ฉันไม่มีทางขัดขวางเธอ แต่ฉันมีหนึ่งเรื่องจะขอรบกวนเธอหน่อย”
“เธอว่ามา”
“เดี๋ยวตอนเธอกลับไป พาเสี่ยวหมี่โต้วไปกับเธอด้วยได้ไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะ? ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เสี่ยวหมี่โต้วยังเด็ก ฉันไม่อยากให้เขาเห็นอะไรแบบนี้ ให้ดีคืนนี้ก็ไม่ต้องพาเขามานะ”
เสี่ยวเหยียน “…”
“ฉันซึมเศร้า กลัวว่าจะกระทบกับอารมณ์ของเขา ดังนั้น…”
“ฉันเข้าใจความหมายของเธอแล้ว สบายใจได้นะ งั้นฉันกลับไปทำงานที่ร้านแล้วพาเขาไปที่นั่นด้วย”
“รบกวนเธอด้วยนะเสี่ยวเหยียน”
“คนกันเอง รบกวนอะไรกันล่ะ เธอเชื่อใจฉันขนาดนี้ ฉันดีใจมากเลย”
หลังจากนั้น ตอนที่เสี่ยวเหยียนกลับไป ก็พาเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปด้วย เซียวซู่รับผิดชอบไปส่งพวกเขา ตอนแรกเสี่ยวหมี่โต้วไม่ยอมกลับไป แต่เมื่อได้ยินว่าคุณปู่กับคุณย่าจะมาที่โรงพยาบาล เขาจึงยอมกลับไปพร้อมกับเสี่ยวเหยียนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว บรรยากาศรอบข้างก็สงบเงียบลงทันที
หานมู่จื่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโถงทางเดินลำพัง กำมือถือไว้ในมือ
เมื่อเช้าคุณน้าส่งข้อความมาหาหล่อนบอกว่าจะถึงโรงพยาบาลแปดโมงตรง
ตอนนี้ใกล้แปดโมงแล้ว หล่อนจึงนั่งรอต่อ
แต่หานมู่จื่อยังไม่ทันรอให้ส้งอานกับยู่ฉือจินมาถึง คุณหมอก็มาหาก่อน หลังจากถามถึงอาการเบื้องต้นเสร็จ จึงจะถอนหายใจโล่งอก เมื่อเห็นหานมู่จื่อยังคงมีท่าทีตึงเกร็ง คุณหมอก็ยิ้มให้หล่อน
“คุณนายเย่ใช่ไหมครับ? คุณไม่ต้องกลัวนะ เพียงแค่คุณเย่ผ่านช่วงเวลาที่เหลือไปได้ ก็คงไม่มีอันตรายอะไรแล้ว อีกอย่าง เมื่อสักครู่ผมลองตรวจดูแล้ว อาการของเขาไม่มีปัญหาอะไรมาก เมื่อคืนคุณอยู่เฝ้าทั้งคืนเลยเหรอ?”
หานมู่จื่อส่ายหน้า: “เปล่าค่ะ เพื่อนของฉันอยู่เฝ้าที่นี่ ตอนนี้พวกเขากลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ สีหน้าของคุณนายเย่ดูไม่ค่อยดีนะครับ แม้ว่าจะเป็นห่วงคุณผู้ชายมาก แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉัน…ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หลังจากผ่านช่วงอันตรายไปแล้ว เขาจะฟื้นขึ้นมาไหม? หรือว่า เขาฟื้นขึ้นมาแล้วจึงจะพ้นช่วงอันตราย?”
หานมู่จื่อรู้ดีว่าคุณหมอยุ่งมาก คงไม่มีเวลามาพูดอะไรกับหล่อนเยอะ แต่ตอนนี้นอกจากหล่อนจะถามเรื่องนี้แล้ว ก็คงทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้
เพียงแค่ถาม จากนั้นเมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน หล่อนจึงจะสบายใจ
แต่ที่คาดไม่ถึงคือเมื่อคุณหมอได้ยินคำถามของหล่อน เขาไม่มีท่าทีรำคาญเลย กลับยื่นมือขึ้นมาขยับแว่นของตัวเอง พูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “คุณนายเย่ ในเมื่อคุณถามมาแบบนี้แล้ว งั้นผมก็พูดตามความจริงนะ อาการของคุณเย่ในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก แต่อาการที่เกิดขึ้นทุกครั้งก็ไม่เหมือนกัน”