เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1077
บทที่1077 คนที่เธอรักมาก
คำพูดนี้ ทำเอาหานมู่จื่อหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“ฉันสามารถคลอดได้ขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” เสี่ยวเหยียนเข้ามาชิดมากขึ้น ถึงแม้ว่าภายในห้องมีเพียงพวกเธอสองคน แต่ตอนพูดกระซิบกระซาบกันก็ยังต้องเบาเสียงลง กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า
“คุณชายเย่เก่งกาจเสียขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเธออยากมีกี่คนก็มีเท่านั้นเลยหรือไง”
หานมู่จื่อส่ายหน้าออกมา
“ไม่ไหว สองคนก็พอแล้ว ถ้าเยอะกว่านี้อีกเลี้ยงไม่ไหวแน่”
“อู้ ดีจริง ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันเกิดพี่ชายมาโขยงนึง แล้วค่อยคลอดลูกสาวอีกคน ให้พวกพี่ๆดูแลน้องสาวไป อย่างนี้ล่ะก็ ลูกสาวก็จะเป็นเจ้าหญิงน้อยเพียงหนึ่งเดียวของบ้าน”
“งั้นเธอก็ต้องพยายามเข้าสิ รีบแต่งงาน อย่างนี้แล้วความปรารถนาก็จะเป็นจริงแล้ว”
ท่ามกลางความมืด จู่ๆก็เงียบสงัดลง
บรรยากาศเหมือนกับว่าจะหนักอึ้งขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ริมฝีปากของหานมู่จื่อยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม พอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดแปลกไปแล้ว ก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองได้พูดอะไรออกไปอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากเธออ้าออกมาเล็กน้อย เหลือบมองไปทางเสี่ยวเหยียน เปล่งเสียงออกไปอย่างยากลำบาก
“ขอโทษ…”
ได้ยินเธอขอโทษ ทางเสี่ยวเหยียนก็ได้ตอบสนองออกมาอย่างรวดเร็ว เอ่ยขัดเธอไปทันที
“เธอจะขอโทษอะไรกัน? ฉันคิดว่าเธอพูดได้ถูกสุดๆไปเลย ในเมื่อความปรารถนาของฉันคือสิ่งนี้ งั้นฉันก็จะต้องพยายามให้มันเป็นจริงขึ้นมา รีบแต่งงาน รีบมีลูก พยายามให้มีลูกชายหญิงครบคู่ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
คำพูดนี้พูดออกมาได้อย่างสบายๆ เหมือนกับว่าไม่ได้มีท่าทีทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อย แต่หานมู่จื่อกลับได้ยินแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เสี่ยวเหยียนฝืนยิ้มออกมาให้เธอไม่หยุด จุดนี้ทำไมเธอจะมองไม่ออกกัน
คนที่เธอชอบนั้นก็คือ คนที่มีความสัมพันธ์ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับตนอีก
ดูเหมือนว่าสำหรับเสี่ยวเหยียน ทุกวันต้องมาเจอเธอก็เป็นความทรมานอย่างหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังมาอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกวัน
คิดอย่างนี้แล้ว หานมู่จื่อก็เอื้อมมือออกไป คลำหาท่ามกลางความมืด จากนั้นก็ตบลงไปบนหลังของเสี่ยวเหยียนเบาๆ
“เสี่ยวเหยียนเด็กดี ในอนาคตเธอจะต้องหาคนที่รักเธอมากๆสักคนเจอแน่ๆ หลังจากนั้นก็เกิดลูกชายมาสักโขยงนึง แล้วค่อยคลอดลูกสาวมาสักคน แต่ละวันก็จะผ่านไปอย่างมีความสุขแน่”
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ ทั้งๆที่ควรจะใช้ชีวิตที่ปรารถนา แต่ในตอนนี้ภายในใจของเสี่ยวเหยียนกลับรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
เธอนั้นอยากมีลูกชายเป็นโขยงจริงๆ แล้วค่อยมีลูกสาวอีกคนนึง จากนั้นก็ให้พวกพี่ชายดูแลน้องสาวไป
แต่ภายในใจของเธอยังมีอีกคำพูดหนึ่งที่ยังไม่ได้พูดออกไป
เธอหวังว่าคนที่จะมีลูกกับเธอคนนั้น จะเป็นคนที่เธอรัก
“อืม”
ท่ามกลางความมืด เสียงของเสี่ยวเหยียนขึ้นจมูก หานมู่จื่อคาดเดาออกอย่างรวดเร็วว่าเธอน่าจะกำลังร้องไห้อยู่ แต่ในเวลานี้ไม่รู้ว่าจะต้องพูดปลอบเธอออกไปยังไง ทำได้เพียงตบหลังเธอเบาๆอยู่อย่างนั้น
ทั้งสองคนแอบอิงกันอยู่อย่างนั้น ภายในใจก็คิดจมอยู่กับเรื่องบางอย่างไปทั้งคู่
แต่ถึงอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจทนต่อความง่วงได้ จึงค่อยๆหลับไป
วันต่อมา เย่โม่เซินยังไม่ตื่นนอน
หมอบอกว่าสถานการณ์อย่างนี้อาจเกิดขึ้นได้ ให้คนในครอบครัวอดทนรออีกหน่อย
หานมู่จื่อถึงแม้ว่าจะร้อนใจไปบ้าง แต่ก็ได้ปลอบใจตัวเองไม่หยุด ถึงยังไงนี่มันก็เพิ่งจะเริ่ม พรุ่งนี้ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้โม่เซินคงตื่นขึ้นมาก็ได้
แต่อย่างไรก็ผ่านไปอีกวันนึงแล้ว เย่โม่เซินที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยยังคงเงียบนิ่งดังเคย วี่แววที่จะฟื้นขึ้นมาไม่มีเลยสักนิด
หานมู่จื่อหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เขาด้วยตัวเอง การกระทำนี้เป็นไปอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บเอาได้
ส้งอานที่อยู่ข้างๆมองภาพฉากนั้น อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมแล้วพูดแขวะออกมา
“โม่เซินคนนี้นี่มันจริงๆเลย ไม่รู้ว่าภรรยากับลูกของตัวเองกำลังรอเขาอยู่หรอ? หลายวันแล้วก็ยังไม่ฟื้น เขาอยากให้ทุกคนเขาร้อนใจตายกันหรือไง?”
มือของหานมู่จื่อก็ชะงักไป จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มจางๆ “เขาก็คงเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้เหนื่อยมากแล้ว ก็เลยอยากใช้โอกาสนี้พักผ่อนสักหน่อยล่ะมั้ง รอให้เขาพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็ฟื้นขึ้นมาเองนั่นแหละค่ะ”
“…”
คำแก้ตัวนี้ทำเอาส้งอานจุกจนพูดไม่ออกเลยสักคำเดียว
เหนื่อยเกินไป? ก็เลยถือโอกาสนี้พักผ่อนให้สบาย? ส้งอานอยากบอกมู่จื่อว่าเธออย่าหลอกตัวเองไปเลย ถ้าไม่ใช่มู่จื่ออยู่ที่นี่ ส้งอานอยากจะตบโม่เซินเจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ให้หลายฉาด แล้วด่าเขาฉาดใหญ่ออกไป
เจ้าหน้าเหม็น เมื่อก่อนทำเรื่องทำร้ายคนอื่นเขาไว้เยอะ มาตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา นายยังให้คนอื่นเขาต้องทนทุกข์ไปเท่าไหร่นายถึงจะสบายใจ?
แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าเหม็นของพวกเขาตกลงแล้วจะมีวาสนากับเขาหรือเปล่า ถึงต้องทำกับมู่จื่อขนาดนี้?
คำพูดพวกนี้แน่นอนว่าส้งอานทำได้เพียงบ่นอยู่ในใจ แต่ในความเป็นจริงไม่กล้าเอ่ยออกไปแม้แต่คำเดียว
กลัวว่าพูดมากไป จะทำให้หานมู่จื่อกระวนกระวายใจขึ้นมา ถึงยังไงตอนนี้เธอก็เป็นคนท้องคนนึง
หวังว่าเจ้าหน้าเหม็นจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆ แล้วรื้อฟื้นความทรงจำทั้งหมดขึ้นมาได้ จากนี้ไปอย่าได้เกิดเรื่องอีกเลย
พระเจ้า ฉันส้งอานชั่วชีวิตนี้ไม่เคยขออะไร แม้แต่ตอนที่พี่สาวเกิดเรื่องฉันก็เพิ่งรู้ซึ้งเมื่อสายไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันอยากขอความเมตตาจากนาย อย่าเล่นกับความรักของคนสองคนอีกเลย
ส้งอานหลับตาลง วอนขอออกไปด้วยศรัทธาอันแรงกล้าอยู่นานก็ได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็มองหานมู่จื่อที่กำลังดูแลเย่โม่เซินอยู่ข้างๆอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
หานมู่จื่อเช็ดตัวให้กับเย่โม่เซินทุกวัน ถึงแม้ว่าในระหว่างนั้นส้งอานได้บอกให้หาพยาบาลพิเศษมาให้เย่โม่เซิน แต่หานมู่จื่อก็ปฏิเสธออกมา ยืนกรานว่าจะทำเองให้ได้ คนอื่นก็ทำได้เพียงแค่ยอมแพ้ไป
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
ชั่วเวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เย่โม่เซินก็ยังคงนอนอยู่บนเตียง
แม้แต่ตอนที่หมอเข้ามาก็ยังขมวดคิ้วออกมา แต่ก็ยังให้กำลังใจญาติผู้ป่วย
“ผู้ป่วยมีภาวะนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร คนในครอบครัวต้องเชื่อมั่นในตัวเขา ไม่แน่ว่าตอนนี้เขากำลังพยายามที่จะฟื้นขึ้นมาก็ได้ คนคุ้นเคยกันก็หมั่นพูดคุยกับเขาให้มาก ถ้าผู้ป่วยได้ยิน ก็จะสามารถเพิ่มสติให้ตื่นขึ้นมามากขึ้น”
หลังจากนั้น ในวันวันนึงหานมู่จื่อนอกจากเวลากินนอนแล้ว ก็อยู่เป็นเพื่อนเย่โม่เซิน ไม่เช็ดตัว ก็พูดกับเขา บางครั้งก็ถึงขนาดที่กุมมือของเขาฟุบหลับอยู่ข้างเตียงเขาเลยทีเดียว
ส้งอานเห็นหานมู่จื่อที่เป็นอย่างนี้แล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ อดไม่ได้ที่จะบ่นกับยู่ฉือจินออกมา
“เห็นแล้วหรือยังล่ะ? หลานสะใภ้อย่างนี้คุณจะไปหาคนที่สองมาจากที่ไหนกัน? ตอนนั้นคุณยังคิดอยากให้พวกเขาเลิกกัน!”
ยู่ฉือจินยื่นมือออกมาสัมผัสจมูกตัวเองอยู่หลายครั้ง สีหน้าดูกระดากอาย ในตอนแรกเขาก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าความรู้สึกของเด็กทั้งสองคนนี้จะลึกซึ้งได้ขนาดนี้
หลังจากที่ต่อมาเขาได้ค่อยๆยอมรับหานมู่จื่อขึ้นมาช้าๆ ก็ได้พบความดีของหลานสะใภ้คนนี้ บวกกับช่วงนี้อีก ยู่ฉือจินนั้นเรียกได้ว่าความรู้สึกดีๆต่อหานมู่จื่อระเบิดออกมาได้เลยทีเดียว
ตอนนี้อย่าว่าแต่จะให้ทั้งสองคนเลิกกันเลย เรื่องจำพวกนี้เขาไม่มีทางทำแน่ ถ้ามีคนคิดจะมาทำให้สองสามีภรรยาคู่นี้ต้องเลิกกัน เขายู่ฉือจินนี่แหละที่จะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
น่าเสียดาย หลานชายของเขาไม่ฟื้นขึ้นมาสักที
ยู่ฉือจินคิดอยู่แวบนึง แล้วหันไปพูดกับส้งอานลูกสาวตน “โม่เซินในสถานการณ์แบบนี้ เอาอย่างนี้มั้ย…พวกเราไปไหว้พระที่วัดกันหน่อย?”
ได้ยินอย่างนั้น ส้งอานก็อดไม่ได้ที่กลอกตาออกมา
“ฉันว่านะตาแก่ ดีเลวยังไงคุณก็เป็นนายทุนผู้มีชื่อเสียงคนนึงนะ มาเชื่องมงายอย่างนี้จะดีจริงๆน่ะหรอ? ไหว้แล้วจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้งั้นหรอ?”