เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1080
บทที่1080 ยึดมั่นเพียงคนเดียว
แล้วตัวเธอล่ะ?
เก็บแรงเอาไว้ก่อน เดินก้าวเข้าไปข้างหน้าทีละก้าวๆ อย่างนี้ถึงจะสามารถใช้เรี่ยวแรงของตัวเองออกไปได้อย่างเต็มที่ จึงจะมีหวังที่จะสามารถปีนขึ้นเขาไปได้
เห็นเธอยิ้มจางๆไม่พูดออกอะไรออกมา เสี่ยวเหยียนก็ยู่ปากอย่างไม่พอใจออกมา
“ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย!”
เซียวซู่ที่อยู่ข้างกันทนดูไม่ไหว จำต้องอธิบายออกไปให้หญิงสาวเอง
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเซียวซู่แล้ว เสี่ยวเหยียนก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา ระบายความโกรธไปที่เซียวซู่ไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งอับอายและทั้งโกรธ
“เดิมทีพวกเธอสองคนก็รู้กันอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมตอนแรกถึงไม่เตือนฉันล่ะ? มองฉันใช้แรงจนหมด เกินไปหรือเปล่า?”
คำพูดปากเปล่าแสดงออกมาได้ไม่เพียงพอ มือเท้าของเสี่ยวเหยียนก็ใช้กับเซียวซู่ไปพร้อมๆกัน
ริมฝีปากของเซียวซู่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกจนใจอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
สายตาของเขาแฝงไปด้วยความเอ็นดู มองไปทางเสี่ยวเหยียนแล้วเอ่ยออกไป
“ไม่เตือนเธอ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะเหนื่อย แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ใช้แรงไปจนหมดเลยนี่ ขอแค่ต่อจากนี้เธอใช้วิธีตามที่ผมบอก ฟื้นฟูกำลังพลางเดินออกไปพลาง ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรเกินไปแล้ว”
พูดจบ เซียวซู่ก็เงยหน้าขึ้นมองด้านบน
“แต่ความสูงระดับนี้ พวกเราคงต้องหยุดพักระหว่างทางอยู่หลายครั้ง”
ถ้าเป็นเขาล่ะก็ เขาก็คงขึ้นไปถึงยอดทีเดียวได้เลย
แต่ในทีมนั้นมีผู้หญิงสองคน
หญิงสาวคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว สมรรถภาพทางกายก็ย่ำแย่ คุณนายน้อยถึงแม้ว่าจะรู้จักเก็บแรงของตัวเอง แต่อย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเรี่ยวแรงของเธอจะมีเหลือเฟือ แม้ว่าเธอรู้จักรักษาและฟื้นฟูกำลัง แต่ก็มีตอนหมดแรงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังท้องอยู่ด้วย
ดังนั้นแล้วเซียวซู่ควรจะใช้เวลาช่วงก่อนที่เธอจะใช้เรี่ยวแรงไปจนหมด ให้พวกเธอหยุดพักกัน
ยิ่งเดินเข้าไปเรื่อยๆ คนที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แต่มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเดินตามหลังพวกเธอมาอย่างอุตสาหะ ทั้งสองคนประคองกันไป ด้วยท่าทางที่มีความสุข
เสี่ยวเหยียนหันกลับไปมองอยู่หลายครั้ง ดวงตาโตสวยเต็มไปด้วยความอิจฉา
เธอเองก็อยากมีความรักที่วิเศษอย่างนี้บ้างเหมือนกันนะ หึ
“อิจฉา?”
เสียงของเซียวซู่ดังเข้ามาจากข้างๆ สติของเสี่ยวเหยียนก็ถูกดึงกลับมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เซียวซู่ได้เดินมาอยู่ข้างๆเธอ ใกล้ตัวเธอเอามากๆ
“ถ้าเธอยินดี พวกเราก็ทำอย่างนี้กันก็ได้”
ในตอนที่พูดคำนี้ เขาก็โน้มตัวเข้ามา อีกทั้งเสียงก็ยังจงใจข่มต่ำลงอีก
เสี่ยวเหยียนก็ได้หันไปมองหานมู่จื่อทันที เธอเดินก้าวเข้าไปข้างหน้าต่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ยินคำพูดนั้นของเซียวซู่เมื่อกี้นี้หรือเปล่า
แต่เสี่ยวเหยียนก็ยังรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา กัดริมฝีปากตัวเองจ้องเซียวซู่ไม่วางตา
“ใครจะทำอย่างนั้นกับนายกัน?”
เซียวซู่กะพริบตาออกมา “อย่างนั้น?”
“…”
คำพูดนี้ เหมือนกับว่าจะทำให้คนอื่นเขาคิดไปไกลได้ง่ายๆ
เสี่ยวเหยียนรีบแก้ตัวออกมา “ที่ฉันพูดถึงเป็นพวกเขาสองสามีภรรยาอย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นที่นายกำลังคิดอยู่นะ!”
เพราะว่าเดินมานาน ใบหน้าขาวๆของเสี่ยวเหยียนก็เลยก็แดงก่ำออกมา แต่ในตอนนี้ได้เป็นเพราะว่ากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มองดูแล้วช่างน่ารักไร้เดียงสาสุดๆ
เดิมทีเซียวซู่ก็เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา แต่ในตอนนี้เห็นท่าทางอย่างนี้ของเธอแล้ว ภายในใจก็เกิดความคิดอยากเย้าแหย่เธอขึ้นมา
ก็เลยพูดเสริมออกไป
“แบบนั้นที่ผมคิด? เธอรู้หรอว่าแบบนั้นที่ผมคิดเป็นแบบไหน?”
เสี่ยวเหยียน “นายรู้อยู่แล้วว่าแบบนั้นที่นายคิดอยู่เป็นแบบไหน ฉันคงไม่รู้ว่าแบบนั้นที่นายคิดอยู่เป็นแบบไหนหรอกนะ แต่แบบนั้นที่นายคิดไม่ใช่แบบนั้นที่นายคิดนะ ฉัน…”
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็ชะงักไป จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างลนลาน “ไอ๊หยา นี่มันบ้าอะไรกัน เหมือนกำลังฝึกพูดคำลิ้นพันไม่มีผิด ฉันไม่พูดกับนายแล้ว”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ได้วิ่งเหยาะๆไปอยู่ข้างๆหานมู่จื่อ ออกห่างจากเซียวซู่
รอยยิ้มตรงริมฝีปากของเซียวซู่เต็มไปด้วยความรักใคร่
ในตอนที่หานมู่จื่อเห็นเสี่ยวเหยียนวิ่งมาอยู่ข้างๆเธอ ใบหน้าก็ยังดูโกรธเกรี้ยวออกมา จึงเอ่ยถามออกไป “เป็นอะไรไป?”
เสี่ยวเหยียนฟ้องออกมา
“เซียวซู่คนนี้น่าเกลียดเสียจริงๆ มองดูเหมือนกับสุภาพบุรุษ แต่ความจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด”
“หืม?”
“เขา…ช่างเถอะ ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว”
หานมู่จื่อละจากเสี่ยวเหยียนหันไปมองเซียวซู่
ช่วงปีนี้ ท่าทีของเซียวซู่ล้วนอยู่ในสายตาเธอ อีกทั้งท่าทีที่เขามีต่อเสี่ยวเหยียนในช่วงนี้ ดูแล้วก็คงเอาจริงมาก ถ้าเสี่ยวเหยียนไม่อาจคบกับพี่ชายเธอได้ คบกับเซียวซู่ก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อกดเสียงต่ำออกไป
“เธอเคยพิจารณาเขาบ้างหรือเปล่า?”
“หา? อะ อะไร?” แววตาของเสี่ยวเหยียนก็ดูร้อนรนขึ้นมาทันที “มู่จื่อ เธอจะบอกว่า…”
“ใช่” หานมู่จื่อพยักหน้า แววตาและสีหน้าสงบนิ่งอย่างมาก “เธอไม่อาจผูกคอตายอยู่บนต้นไม้ไปทั้งชีวิตได้หรอกนะ เธอยังสาวยังแซ่ ไม่เห็นต้องมาเสียเวลาอยู่กับพี่ชายฉันเลย วัยสาวของผู้หญิงก็ควรทำตามใจตัวเองหน่อยสิ ถ้าเธอปิดกั้นหัวใจตัวเองไม่พิจารณาคนอื่นบ้าง วัยสาวก็พ้นผ่านจากเธอไปนะ”
เสี่ยวเหยียน “…”
“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสถานะที่จะมาแนะนำเธอ เพราะว่าตัวฉันเองก็เป็นคนจำพวกดันทุรังจำพวกนั้นเหมือนกัน ได้แน่วแน่กับสิ่งหนึ่งแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะเกิดหรือตาย ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนอีกแล้ว แต่…ฉันก็ยังอยากเตือนเธอสักหน่อย ถ้าเธอยอมรับฟังอ่ะนะ”
“เลิกพูดเถอะ” เสี่ยวเหยียนพูดขัดเธอออกมาเบา “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถฉลาดอย่างเธอได้ ไม่สามารถเป็นนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมเหมือนอย่างเธอได้ แต่…ฉันเองก็มีความมุ่งมั่นและความทะนงตัวของตัวเองอยู่เหมือนกัน ฉันชอบเขาก็คือชอบเขา ไม่มีทางไปเลือกคนที่ฉันไม่ได้ชอบมาเป็นตัวสำรองได้หรอกนะ เซียวซู่…เขาเป็นคนดีมาก แต่ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดจะผูกคอตายอยู่กับต้นไม้ต้นนี้ไปตลอดเสียหน่อย ตั้งแต่วันนั้นที่กลับมาจากต่างประเทศ ฉันก็ได้ตัดสินใจว่าจะตัดใจจากพี่ชายของเธอแล้ว”
หานมู่จื่อพอจะคาดเดาได้หลายส่วน แต่ก็ยังเอ่ยออกไป “แต่จากท่าทีของเธอที่ฉันเห็น ก็ชัดเจนแล้วว่ายังยอมแพ้ไปไม่ได้เลย”
“ใช่ ตอนนี้ฉันยังไม่ตัดใจจากเขาไปโดยสมบูรณ์ แต่ฉันก็ดีกว่าเมื่อก่อนแล้ว เธอดูสิ…ตอนนี้ฉันไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามกับเขาแล้ว มู่จื่อ ตอนนี้ฉันพัฒนาขึ้นแล้วนะ”
หานมู่จื่อถูกเธอพูดออกมาจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี ทำได้แค่เพียงเงียบอยู่อย่างนั้น
เสี่ยวเหยียนคว้ามือของเธอ เสียงต่ำลงกว่าเดิม
“คำพูดเมื่อกี้นี้ เธออย่าพูดออกมาอีก ถ้าให้เขาได้ยินเข้า มันจะน่าอึดอัดเกินไป”
คนที่เธอหมายถึงก็คือเซียวซู่นั่นเอง
ถึงแม้ว่าช่วงนี้เซียวซู่จะแสดงความรู้สึกต่อเธอออกมาอย่างชัดเจน ถึงขนาดที่เอ่ยปากบอกเธอ แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนก็มีเขินอายเป็นเด็กสาวออกมาเป็นธรรมดา แต่ว่านั่นไม่ใช่ความรัก
ตัวเธอเองรู้ดีว่าต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร
ถ้าเธอคบกับเซียวซู่จริงๆ อย่างนั้นแล้วมันจะเป็นการทำร้ายเซียวซู่อย่างหนึ่ง
หานมู่จื่อมองท่าทางอย่างนั้นของเสี่ยวเหยียน ภายในใจก็ทอดถอนหายใจอย่างจนใจออกมาทันที
บนโลกนี้ความรักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของคนทั้งสองนั้นน้อยมาก ถึงแม้ว่ามี ก็ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงไป มากกว่านั้นก็คือคนจำพวกที่รักเขาข้างเดียวอย่างเสี่ยวเหยียนกับเซียวซู่นั่นเอง
แต่พวกเขาก็ยังพึ่งความหวังเดียวที่อยู่ก้นบึ้งภายในใจ เฝ้ารอคอยอยู่อย่างนั้น
เฝ้ารอคอยการพัฒนาที่ไม่เหมือนเดิม
บางทีอาจจะมีสักวันนึง เป็นจริงขึ้นมาก็ได้?
หานมู่จื่อหลุบตาลง หลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้วก็ไม่ได้พูดเรื่องความรู้สึกกับเสี่ยวเหยียนอีก เธอคิดยังไงก็ให้เป็นอย่างนั้นไปเถอะ