เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1084
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1084 ตื่นขึ้น
หลังจากที่ส้งอานพูดจบแล้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นมาก
ตึกตัก ตึกตัก
แทบจะทะลุออกมาจากอกแล้ว
ริมฝีปากของเธอขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกส้งอานเดาออกเสียก่อน “อย่าตื่นเต้นไปสิ ทำใจให้สงบไว้ เธอกำลังท้องอยู่นะ อย่าอารมณ์กระสับกระส่ายขนาดนั้น ต้องหัดควบคุมตัวเอง”
“ขออภัยค่ะ” หานมู่จื่อหัวเราะอย่างรู้สึกผิด ยกมือขึ้นมาทาบอก ปรับอารมณ์ของตัวเองให้คงที่แล้วเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะควบคุมตัวเองให้ดีค่ะคุณน้า รอให้หิมะหยุดตกแล้ว ฉันจะรีบกลับไปทันที”
“ไม่ต้องรีบหรอก ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”
หิมะตกอยู่สองวันเต็มๆถึงค่อยๆเบาลง ทางด่วนถูกปิด ถ้าจะกลับไปก็คงต้องช้าลง หานมู่จื่อเองก็ไม่อยากจะเร่ง เลยพักอยู่ที่เมืองใกล้เคียงสี่วันถึงจะกลับไป
เมื่อกลับไปถึงเมืองเป่ยอย่างแรกที่ทำก็คือไปโรงพยาบาล
“เธอรีบร้อนเกินไปแล้ว” ส้งอานพูดพร้อมขมวดคิ้ว
“คุณน้าคะ ฉันก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่างพวกเราอยู่ที่นั่นตั้งนาน หลายวันที่ผ่านมาต้องลำบากคุณน้าแล้วค่ะ ที่นี่ให้ฉันดูแลต่อเถอะค่ะ พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ส้งอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพาชายชรากลับไปพร้อมกัน
พอทุกคนกลับไปแล้ว หานมู่จื่อก็นั่งลงข้างๆเย่โม่เซิน แล้วจับมือเขาขึ้นมากุมไว้
“ไปขอพรให้คุณตั้งไกล ถ้าคุณได้ยินเสียงที่ฉันพูด ก็รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆสิ ห้ามเอาแต่หลับอยู่แบบนี้นะ”
เธอพูดพึมพำเสียงเบากับเย่โม่เซิน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ แต่ตอนนี้รอบตัวไร้ผู้คนแล้ว เธอก็แค่อยากพูดคำพวกนี้ให้เย่โม่เซินฟัง
“ฉันกับลูกต้องการคุณนะ ดังนั้นคุณรีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว จะจำเรื่องที่ผ่านมาได้หรือเปล่าก็ไม่เป็นไรแล้ว”
จากนั้นหานมู่จื่อก็พูดกับเย่โม่เซินอีกหลายต่อหลายประโยค สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปบนแขนของเขา ตอนที่เสี่ยวเหยียนมาถึงที่นี่ในช่วงกลางคืนแล้วได้เห็นฉากนี้เข้า ก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งเสียใจขึ้นมาทันที
ทั้งๆที่กำลังตั้งท้องอยู่ แต่กลับมาฟุบหลับแบบนี้ ก็ไม่กลัวว่าจะเป็นหวัดเลย
พอเซียวซู่ได้เห็นฉากนี้ ก็เม้มปากแน่น จากนั้นก็พูดว่า “เข้าไปปลุกคุณนายน้อยเถอะ นอนแบบนั้นไม่ดี”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า แล้วเข้าไปปลุกหานมู่จื่อ
หลังจากที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมา ก็ยกมือขึ้นขยี้ตาตามสัญชาตญาณ “เสี่ยวเหยียน เธอมาแล้วเหรอ”
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว หานมู่จื่อกำลังจะมองเวลา แต่เสี่ยวเหยียนกลับพยุงเธอขึ้นมาก่อน “ทำไมเธอถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างเลย มาหลับที่นี่ได้ยังไง”
ตอนที่ลุกขึ้นมา หานมู่จื่อก็รู้สึกขาชา จนต้องนั่งลงไปเหมือนเดิม
“เป็นอะไรไป ?”
หานมู่จื่อมีสีหน้าลำบากใจ “น่าจะเป็นเพราะอยู่ในท่านั้นนานไป ขาก็เลยชา” พอพูดจบ เธอก็ยื่นมือไปบีบนวดต้นขาของตัวเอง เสี่ยวเหยียนเลยต้องช่วยเธออีกแรง แล้วบ่นเธอไปด้วย
หลังจะนวดเสร็จแล้ว เซียวซู่ก็พูดขึ้น
“ที่นี่ปล่อยให้ผมเฝ้าต่อเถอะครับ”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วคู่งาม “แต่ว่าเมื่อคืนคุณขับรถนะ คุณได้พักผ่อนบ้างแล้วหรือยัง”
“คุณนายน้อยวางใจเถอะครับ วันนี้ผมกลับไปนอนพักแล้ว ตอนนี้พลังเต็มเปี่ยม อีกอย่างตอนนี้คุณชายเย่อาการคงที่แล้ว กลางคืนผมจะหาเวลาให้ตัวเองพักผ่อนเองครับ”
วันที่สอง หานมู่จื่อก็คอยอยู่พูดคุยข้างๆเย่โม่เซินอีกหลายประโยค พูดจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวผล็อยหลับไปอีกครั้ง จากนั้นหานมู่จื่อก็เข้าสู่ความฝัน
ในความฝัน เย่โม่เซินตื่นขึ้นมา แต่เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด แล้วยังไม่ยอมรับเสี่ยวหมี่โต้วอีกด้วย แม้กระทั่งลูกในท้องของหานมู่จื่อเองเขาก็ไม่ยอมรับว่าเป็นลูกของเขา จากนั้นก็ยังพูดกับหานมู่จื่ออย่างเย็นชาว่า ยัยผู้หญิง อย่าคิดว่าจะใช้คำโกหกพวกนี้มาหลอกลวงฉันได้ ผู้หญิงแบบเธอ จะเข้าตาฉันได้อย่างไร
จากนั้นก็ผลักหานมู่จื่อทิ้งอย่างแรง หานมู่จื่อก็เลยกลิ้งตกลงมาจากบันได
หานมู่จื่อตกใจตื่นขึ้นมา เหงื่อท่วมไปทั้งตัว ตอนที่ตื่นขึ้นอย่างแรกที่ทำก็คือยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง
ท้องไม่ได้ปวด และไม่มีอะไรเกิดขึ้น หานมู่จื่อถึงได้ค่อยๆสงบใจลง
ส่วนเย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้าก็ยังนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย สีหน้าดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
ที่แท้ก็เป็นแค่ฝันเท่านั้น ทำเอาตกใจเสียเปล่าจริงๆ
หานมู่จื่อยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ใจยังคงเต้นระรัว เธอทำได้แค่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้ตัวเองสงบลง
จนสงบลงได้บ้าง หานมู่จื่อถึงได้คว้ามือของเย่โม่เซินมากุมไว้อีกครั้ง
มือของเธอชุ่มเหงื่อเพราะความตื่นเต้น แต่ฝ่ามือของเย่โม่เซินทั้งแห้งและอบอุ่น แตกต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง
“ฉันฝันร้าย ทำเอาฉันตกใจแทบแย่ ฉันรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในฝันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง คุณไม่มีทางทิ้งฉันแน่ๆ ดังนั้น……คุณรีบตื่นขึ้นมาได้ไหม”
“ทุกคนเป็นห่วงคุณมาก คุณหมอบอกว่าคุณจะตื่นได้ในเร็ววัน และมีโอกาสที่จะไม่ตื่นอีกนาน ฉันจะบอกคุณนะเย่โม่เซิน ก่อนหน้านี้ฉันต้องพบเจอกับความยากลำบากมากมาย ครึ่งชีวิตที่เหลือฉันไม่อยากจะต้องคอยอยู่ข้างๆคนที่นอนเป็นผักตลอดชีวิตหรอกนะ ดังนั้น…..ดังนั้น……ถ้าคุณจะกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ……”
พูดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็หลุบตาลงต่ำ ดวงตาเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เบื้องหน้าเต็มไปด้วยม่านหมอก เธอ จนเธอแทบจะมองภาพเบื้องหน้าไม่ชัดแล้ว
ริมฝีปากสีชมพูขยับเล็กน้อย
“ฉันจะทิ้งคุณจริงๆแล้วนะ……”
เพิ่งสิ้นเสียง หานมู่จื่อก็รู้สึกว่านิ้วของเย่โม่เซินดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย เธอแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า จากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองมือใหญ่ของเย่โม่เซิน แล้วหัวใจก็เต้นรัวอย่างรุนแรง
เธอคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมเมื่อครู่นี้ถึงได้รู้สึกว่ามือของเย่โม่เซินขยับอยู่ทีหนึ่ง……
ตอนนั้นเอง เสียงแหบพร่าอ่อนแรงเสียงที่แสนคุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เธอกล้าทิ้งฉันก็ลองดูสิ”
“……”
!!!!
หานมู่จื่อแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับเขยื้อน ขนตาก็สั่นระริกอย่างแรง เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปทางเย่โม่เซิน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้ว ทั้งที่หลับมายาวนานแต่แววตาเขาก็ยังกระจ่างใส ล็อกเธอไว้กับทีราวกับโซ่เหล็กกล้า ส่วนริมฝีปากของเย่โม่เซินนั้นซีดเผือด ตอนที่เห็นเธอมองมานั้น ในใจกลับสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ และริมฝีปากบางก็เริ่มขยับอีกครั้ง
“เมื่อกี้เธอบอกว่า จะทิ้งฉันเหรอ”
หานมู่จื่อไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว ทั้งตกใจและดีใจ ทั้งโกรธทั้งร้อนรน หลังจากนั่งอึ้งอยู่ราวสิบวินาที เธอก็ได้สติกลับมา แล้วลุกขึ้นโผกอดเย่โม่เซินเอาไว้แน่น
เย่โม่เซินรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้ามืดไป ทั่วทั้งร่างถูกหานมู่จื่อโอบกอดเอาไว้
จากนั้นน้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลเข้าไปในซอกคอของเขา
ลมหายใจของเย่โม่เซินหยุดชะงักไป รู้สึกปวดร้าวในใจขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้……
“ในที่สุดคุณก็ตื่น ฮือ……ฉันนึกว่าคุณจะหลับอยู่อย่างนี้ตลอดไปเสียอีก ดีจังเลย ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว”
เห็นเธอร้องไห้เพื่อตัวเอง เย่โม่เซินก็รู้สึกปวดใจมาก ยกมือขึ้นโอบเอวเธอไว้อย่างยากลำบาก แล้วโอบกอดเธอเอาไว้
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะทิ้งเธอไว้ได้ยังไง”
อาจจะเป็นเพราะหลับมาเป็นเวลานาน น้ำเสียงของเขาก็เลยแหบพร่ามาก เดิมทีหานมู่จื่อรู้สึกอารมณ์ร้อนขึ้นมา ยังอยากจะกอดเขาแล้วร้องไห้อีกสักพัก แต่พอได้ยินเสียงเขาแบบนี้ ก็เลยปล่อยเขาออก จากนั้นก็เช็ดคราบน้ำตา
“เดี๋ยวฉันไปรินน้ำให้คุณนะ”
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นมารินน้ำให้เย่โม่เซิน แล้วก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ไม่ใช่สิ ฉันต้องรีบไปเรียกคุณหมอมาดูอาการให้คุณ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรค่อยป้อนน้ำให้คุณ”