เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1103
บทที่1103 ปวดใจ
เอ้ะ! ทำไมเขาไม่คืนให้เธอนะ?
ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้จำผิดล่ะก็ เขาเอายากับโทรศัพท์ของเธอใส่กระเป๋าใบเดียวกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเอายามาคืนให้เธอ แต่ว่าลืมโทรศัพท์ได้ล่ะ?
พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงเขาก็ไปแล้ว ทำได้แค่ใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาหลัวหุ้ยเหม่ย
หลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินว่าเธอกลับบ้านก่อน ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ
“เกิดอะไรขึ้น? อยู่ดีๆทำไมลูกถึงกลับบ้านก่อนล่ะ? หรือว่ามีตรงไหนที่ไม่สบายรึเปล่าเสี่ยวเหยียน?”
“ไม่มีหรอกค่ะแม่ หนูแค่เดินเล่นเหนื่อยไปหน่อย ที่ร้านเสียงดังเกินไป หนูก็เลยอยากจะกลับบ้านมาแอบหลับ แม่คงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เสี่ยวเหยียนก็แลบลิ้นใส่โทรศัพท์ ทำหน้าทำตา
แค่พอทำหน้าทำตาแล้วก็กลายเป็นโศกนาฏกรรม เพราะว่าไปโดนแผลเข้า เจ็บจนเธอถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เหยียนเหยียน เป็นอะไรไป?” หลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินเสียงเธอสูดลมหายใจอย่างละเอียด
เสี่ยวเหยียนรีบชี้แจงทันที
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมื่อกี้ไม่ทันระวังก็เลยเผลอเตะโต๊ะเข้า เจ็บจะตายอยู่แล้ว……”
“เจ้าเด็กนี้ โตขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักระมัดระวังหน่อย เตะโต๊ะเข้าอีก นี่มันเป็นเรื่องที่มีแต่เด็กทำกันไม่ใช่เหรอ?” หลัวหุ้ยเหม่ยเริ่มบนลูกสาวทางโทรศัพท์อีกแล้ว
“โถ่แม่ หนูก็แค่ไม่ทันระวังไม่ใชห่รอ? แม่ไม่ต้องบ่นซ้ำบ่นซากแล้ว ขี้หูหนูเปียกหมดแล้ว โอเค หนูเหนื่อยมากแล้วจริงๆ อยากจะไปนอนแล้ว ไม่คุยกับแม่แล้วนะ”
“ได้ ยัยเด็กคนนี้เปิดร้านแล้วยังรู้จักขี้เกียจ โชคดีที่แม่กับพ่อของลูกยังวัยรุ่นอยู่ก็เลยทำงานได้ ถ้าเกิดว่าพวกเราอายุมากกว่านี้คงจบเห่แน่นอน”
“คิๆ คุณแม่กับคุณพ่อยอดเยี่ยมที่สุด หนูรักพวกคุณ โอเค ไม่คุยแล้วจริงๆนะ บ้ายบายจุ๊บๆ”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็วางสายอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับเดินปวกเปียกกลับไปที่ห้องของตัวเอง
หลังจากเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็นอนพักผ่อน
พอนอนลงก็หลับตา ในหัวกลับมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องส่วนตัวปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
ผู้ชายที่คาบบุหรี่คว้าผมของเธอไว้ แล้วก็ลากเธอเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็ตบหน้าของเธอจนเห็นดาว
สมควรตายจริงๆ ทำไมถึงมีคนที่รุนแรงขนาดนี้ อย่างกับฝันร้ายจริงๆ
คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนก็เข้าสู่ห้วงของความฝัน
ในที่สุดความฝันก็เต็มไปด้วยภาพของตัวเองที่ถูกทำร้ายและถูกทุบตี ในฝันนั้นไม่มีใครมาช่วยเธอ เธอถูกกระชากผม เสื้อผ้า อาการบาดเจ็บต่างๆบนร่างกาย เสี่ยวเหยียนร้องตะโกนมากมายจนเสียงแหบแห้ง แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเธอเลย
“อย่า อย่า……อย่าทำแบบนี้กับฉัน อย่าเข้ามานะ……”
“เหยียนเหยียน แม่เอง รีบตื่นขึ้นมาเร็ว”หลัวหุ้ยเหม่ยนั่งอยู่ข้างเตียง มองลูกสาวของตัวเองที่กำลังฝันร้ายอย่างปวดใจ จับไหล่ของเธอและเขย่าเบาๆ พยายามจะปลุกเธอ
แต่ว่าเสี่ยวเหยียนเหมือนกับโดนผีอำยังไงยังงั้น ไม่ว่าหลัวหุ้ยเหม่ยจะเรียกเธอยังไง เธอก็ไม่ตื่น แถมสถานการณ์กลับแย่ลง เธอร้องไห้ไปด้วยพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือไปด้วย
“เหยียนเหยียน นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง รีบตื่นขึ้นมาเร็ว”
เสี่ยวเหยียนร้องกรี้ดออกมา ในที่สุดเธอก็ลืมตา
พอลืมตาขึ้นมา ภาพลวงตาที่น่าหวาดกลัวทั้งหมดในความฝันนั้นก็หายไป แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยห้องนอนที่อบอุ่นและสว่างสดใส รอบข้างไม่มีใบหน้าและเสียงที่น่ารังเกียจ มีแต่ใบหน้าที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความกังวลที่กำลังจ้องมองเธออยู่
“แม่!”
ปฏิกิริยาแรกของเสี่ยวเหยียนก็คือลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดหลัวหุ้ยเหม่ยไว้แน่น จากนั้นก็ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาได้
หลัวหุ้ยเหม่ยอึ้งไปทั้งตัว
ตั้งแต่เสี่ยวเหยียนเป็นผู้ใหญ่ ก็น้อยมากที่จะร้องไห้ต่อหน้าเธอ ถึงแม้ว่าลูกสาวคนนี้จะเอาแต่ใจบ้าง ปากแข็ง แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยแสดงความทุกข์ใจและความเจ็บปวดให้แม่เห็นเลย
และก็เพราะว่าเธอเป็นแบบนี้ ดังนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยก็เลยรู้จักเสี่ยวเหยียนดี
เมื่อกี้ตอนที่คุยโทรศัพท์อยู่นั้นเธอสังเกตได้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติ เพราะฉะนั้นพอวางสายแล้วก็ปรึกษาหารือกับพ่อจาง แล้วตัวเองก็กลับบ้านมาดูเธอหน่อย
พอกลับบ้านมาแล้วก็เห็นว่ารองเท้าของเสี่ยวเหยียนอยู่ที่นี่จริงๆ หลัวหุ้ยเหม่ยถึงได้วางใจ
ดังนั้นเธอก็เลยมาหาเสี่ยวเหยียนที่ห้อง ตอนที่เห็นเธอนอนหลับนั้นก็นึกว่าตัวเองคิดมากไป แต่พอเข้ามาใกล้ถึงได้พบว่าใบหน้าของเธอบวมตุ่ย
พอหลัวหุ้ยเหม่ยเห็นแผลนั้น ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ตอนที่กำลังคิดว่าจะโทรไปหาตาจางนั้น ก็กลับได้ยินเสียงร้องของเสี่ยวเหยียนซะก่อน
ที่แท้เสี่ยวเหยียนก็ฝันร้าย
พอมารวมกับปฏิกิริยาทั้งก่อนและหลังของเธอนั้น ก็เหมือนกับว่าหลัวหุ้ยเหม่ยจะแน่ใจ ว่าลูกสาวของตัวเองโดนรังแก
เสี่ยวเหยียนร้องไห้อยู่นานมาก พอร้องไห้ได้ครึ่งหนึ่งจู่ๆอารมณ์ของเธอก็หยุดลง เธอเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วก็ถอยมา มองหลัวหุ้ยเหม่ยด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“แม่ ทำไมจู่ๆถึงกลับมาล่ะ?”
พอได้ยินดังนั้น หลัวหุ้ยเหม่ยก็เอ่ยปากพูดอย่างปวดใจ “ลูกสาวแม่ร้องไห้ขนาดนี้ แล้วแม่จะไม่กลับมาได้ยังไง? ทำไม หรือว่าถ้าเกิดว่าแม่ไม่กลับมา ลูกก็คิดจะปิดบังแม่ใช่ไหม? ยัยเด็กนี้ แม่เป็นแม่ของลูกนะ คลอดลูกและเลี้ยงมาจนโตขนาดนี้ ลูกได้รับบาดเจ็บแล้วทำไมถึงไม่บอกแม่?”
พอเสี่ยวเหยียนโดนอบรม ก็อดไม่ได้ที่จะสูดน้ำมูก “หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง”
“อ้อ พอได้รับบาดเจ็บก็ปิดบัง นี่เรียกว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วงงั้นเหรอ? แล้วลูกรู้ไหมว่าถ้าเกิดว่าพวกเรารู้แล้วจะปวดใจแค่ไหน? ถ้าเกิดว่าไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วงวิธีที่ถูกต้องก็คือต้องรีบบอกพวกเราให้เร็วที่สุด แล้วพ่อกับแม่จะได้พาลูกไปโรงพยาบาล”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ที่ทำแบบนี้อาจจะดี แต่ว่าการปิดบังพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องจริงๆ ยังไงพวกเขาก็จะเป็นห่วงเธอ
“โอเค เห็นลูกร้องไห้ซะขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ตอนนี้บอกแม่ได้แล้วใช่ไหม?”
พอคิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลัวหุ้ยเหม่ยฟัง ตอนแรกหลัวหุ้ยเหม่ยยังคงใจเย็นได้ แต่ว่าพอได้ยินแล้วดวงตาของเธอก็แทบลุกเป็นไฟ หลังจากนั้นเธอก็กระโดดลงจากเตียง แล้วก็พุ่งออกไปด้านนอก
“แม่ จะทำอะไร?” เสี่ยวเหยียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ขาแล้วก็ไปขวางเธอไว้
“อย่มาห้ามแม่ แม่จะไปสับนิ้วไอ้สารเลวพวกนั้น กล้ามารังแกลูกสาวฉัน เห็นว่าหลัวหุ้ยเหม่ยเป็นคนง่ายๆหรือว่ายังไงกัน ไอ้พวกชั่ว ถ้าฉันไม่เปิดกระโหลกพวกมันออกแสดงว่าฉันไม่ได้นามสกุลหลัว!”
ลูกสาวของตัวเองต้องทนทุกข์ทรมาน หลัวหุ้ยเหม่ยโมโหมากจริงๆ จนมีความรู้สึกอยากจะฆ่าคน
“แม่ พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว เดี๋ยวตำรวจจัดการเองแหละ แม่อย่าไปทำให้มันวุ่นวายเลยนะ”
“อยู่สถานีตำรวจแล้วยังงั้นกัน? แม่เป็นแม่ จะแก้แค้นให้ลูกสายไม่ได้หรือยังไงกัน?”
“พวกเขาจะถูกลงโทษตามกฎหมาย แม่อย่าเป็นแบบนี้เลย หนูเจ็บขา ลากแม่ไม่ไหว……”
พอหลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป แล้วก็ก้มหน้ามองขาของลูกสาวตัวเอง
“ขาลูกก็เจ็บเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “ฟกช้ำน่ะ แต่ว่าเอ็กซเรย์แล้ว หมอบอกว่ากระดูกไม่ได้เป็นอะไร พักไม่กี่วันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ต่อให้โกรธแค่ไหน พอหลัวหุ้ยเหม่ยพบว่าขาของลูกสาวตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่ได้อยากจะไปเอาชนะคนพวกนั้นอีกต่อไป ได้แต่ประคองลูกสาวของตัวเองกลับไปนั่งที่เตียง หลังจากนั้นก็ดูแผลให้เธอ
“แน่ใจนะว่ากระดูกไม่ได้หัก? หรือว่าเปลี่ยนไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลอื่นดูหน่อยไหม? ระวังหน่อยถึงจะดี