เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1107
บทที่1107 ฉันไม่ได้เลือกกิน
ในห้องรับแขกนั้น พอเปิดประตูแล้วเงียบมาก แสงแดดยามบ่ายในฤดูหนาวอบอุ่นเป็นพิเศษ ฉายผ่านหน้าต่าง แสงครึ่งหนึ่งหักเหเข้ามาในห้อง
สาวน้อยคนนั้นนอนอยู่บนโซฟาเงียบๆ บนร่างกายคลุมด้วยเสื้อแจ็ตเก็ตของเธอ น่าจะเพราะว่าหนาว ก็เลยนอนขดตัว
ตอนที่หานชิงเข้ามาก็เห็นภาพนี้
เดิมทีโซฟาตัวนั้นพอเขานอนขาจะเลยออกมา ไม่คิดเลยว่ามันจะพอดีกับร่างกายของสาวน้อยคนนี้พอดี มันทำให้เธอดูน่ารักกะจุ๋มกระจิ๋มขึ้นเยอะเลย
เธอนอนในห้องรับแขก นี่เป็นเรื่องที่หานชิงนึกไม่ถึงเลย
ก่อนที่จะมาที่นี่ เขากำลังคิดว่ายัยตัวเล็กนี่น่าจะรอไม่ไหวแล้วก็กลับไปแล้ว ถึงยังไงการที่จู่ๆเธอมาหาเขาก็ทำให้เขาแปลกใจมากแล้ว
เพราะว่าหลังจากวันนั้นที่ไปส่งเธอกลับบ้าน ใบหน้าของเธอก็ดูชัดเจนมากว่าไม่อยากจะคบหากับเขาอีกต่อไปแล้ว
เขาเป็นคนเย็นชามาโดยตลอด ต่อให้จะเกิดอาการใจเต้น แต่ว่าเขาก็สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดีมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เธอพูดกับเขาเรื่องที่เธอจะทิ้งเขาอะไรแบบนั้น
ถ้าเกิดพูดว่า อยู่ให้ห่างจากเขาหน่อยจะทำให้เธอมีความสุขล่ะก็ ถ้ายังงั้นทำให้เธอสมปรารถนาก็ได้
เพราะว่าหลายๆอารมณ์ก็อยู่เหนือความหมายของตัวเขาเอง
โดยที่ทันรู้ตัว หานชิงก็เข้าใกล้สาวน้อยคนนั้นเข้าเรื่อยๆ สุดท้ายก็นั่งยองลงข้างๆเธอ หลังจากนั้นก็จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลของเธอ ใบหน้าของเขาก็ดูร้ายกาจ
เสี่ยวเหยียนหลับอย่างงงงวย ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าเหมือนกับว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องมาที่เธออยู่ ความรู้สึกนั้นมันรุนแรงมาก สัมผัสที่หกของเธอน่าจะรุนแรงเกินไป เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ท่าทางของหานชิงที่เดินเข้ามาแล้วมองหน้าเธอนั้นเหมือนถูกผีอำ ตอนนี้จู่ๆก็ต้องเผชิญหน้ากับเธอที่ลืมตาขึ้นมาพอดี อยากจะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันแล้ว แล้วอีกอย่างถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นก็คงเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรที่ต้องการจะปิดบัง ก็เลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ทั้งสองคนสบตากัน เสี่ยวเหยียนเพราะว่าพึ่งจะตื่นขึ้นมา ดวงตาก็ยังคงพร่ามัวเล็กน้อย จู่ๆก็เห็นใบหน้าของหานชิงปรากฏขึ้นตรงหน้า หัวใจเธอก็เต้นแรง เธอตาสว่างในแล้วลุกขึ้นนั่งในทันที เสื้อที่คลุมตัวของเธออยู่ก็ร่วงลงไปที่พื้น
“คุณๆๆๆ……คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
เพราะว่าตื่นเต้น เธอก็เลยพูดอ้ำๆอึ้งๆ กลายเป็นคล่องแคล่วปราดเปรียวขึ้นมาในทันที เธอหน้าแดงและมองไปที่หานชิงที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เธอยื่นมือไปสางผมของตัวเองให้เรียบร้อย “ฉัน เหมือนว่าฉันจะนอนเกินเวลาไปหน่อย”
เห็นได้ชัดว่าเธอกะจะแค่งีบเท่านั้น ไม่คิดว่าเธอจะหลับลึกอะไรขนาดนี้
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น หานชิงก็พูดออกมาแบบเรียบๆ
“ต่อไปอย่ามาหลับที่ห้องรับแขกอีกนะ”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เขารังเกียจที่เธอมานอนที่นี่แล้วมันกระทบกับภาพลักษณ์ยังงั้นเหรอ? ยังไงที่นี่ก็คือห้องรับแขกวีไอพีของเขา และเธอก็ไม่ใช่แขกวีไอพี
พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเก้อเขิน “ขอโทษด้วย ฉัน……”
เธอกำลังอยากจะพูดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าหานชิงกับพูดเพิ่มขึ้นมาก่อน
“ตอนนี้เป็นหน้าหนาว มานอนที่นี่อาจจะเป็นวันหวัดได้ ถ้าเกิดว่าอยากนอนล่ะก็ ให้ไปนอนที่ห้องพักผ่อน”
เสี่ยวเหยียนกำลังเตรียมจะจัดแจงตัวเองและลุกขึ้น หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้วนั้นก็……หยุดการกระทำของตัวเอง หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหานชิงอย่างประหลาดใจ สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ แล้วก็ไม่มีความกล้าที่จะมองหน้าหานชิงอีก สายตาของเธอก็ได้แต่มองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นถุงที่วางอยู่บนโต๊ะ
ใช่สิ เธอเอาราเม็งมาให้หานชิง ให้เขากินราเม็งเพื่อให้สถานการณ์การผ่อนคลายลงก็ได้แล้ว
“คุณไม่ได้ให้ฉันเอาอาหารมาส่งให้ยังงั้นเหรอ? ฉันเอามาให้แล้ว นี่คือ……”
เธอยังไม่ทันจะพูดไม่จบ จู่ๆหานชิงก็ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนสามารถได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน ร่างกายของเสี่ยวเหยียนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น มองหน้าเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความงุนงง
“มี มีอะไร?”
“แผลหายดีแล้วเหรอ?” เขาสังเกตแก้มของเธออย่างใจเย็น มองไปตรงบริเวณที่เสี่ยวเหยียนบวมก่อนหน้านี้ เสี่ยวเหยียนถอยหลังอย่างแนบเนียน หลังจากนั้นก็พยักหน้า “อืม หายหมดแล้ว”
“ขาล่ะ? ก็หายแล้วเหรอ?”
น่าแปลก เสี่ยวเหยียนรู้สึกใจเต้นแรงมากเมื่ออีกฝ่ายถามประโยคนี้ออกมา เหมือนกับว่าไม่เชื่อเธออย่างงั้น เธอพยักหน้าอย่างจืดชืดยอมรับต่อไป
“ดีแล้ว”
“ดีแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนไม่กล้าพูดต่อ หลบตาเขาด้วยความรู้สึกผิด ที่จริงแล้วตอนที่เธอเดินนั้นก็ยังรู้สึกเจ็บขาอยู่ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เจ็บเท่ากับวันแรกอีกแล้ว ตอนนี้มันเจ็บแบบที่เธอสามารถทนได้
“ดูเหมือนว่ายังไม่ได้หายทั้งหมด ยังไม่หายทั้งหมดแล้วก็เที่ยววิ่งไปทั่วแล้วเหรอ?” หานชิงขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงแล้วก็พับขากางเกงเธอขึ้นมาเพื่อจะดูแล เสี่ยวเหยียนจับมือของเขาไว้เพื่อจะห้าม “ไม่ต้องดูแล้วแหละ วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ว่าก็ใกล้หายแล้วล่ะ กระดูกฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันก็เป็นแค่การบาดเจ็บทางผิวหนังภายนอกเท่านั้นเอง หายเร็ว”
มือของเธอกดลงอยู่ที่หลังมือที่อบอุ่นของหานชิง หานชิงสังเกตเห็นว่ามือของเธอใหญ่แค่ครึ่งหนึ่งของมือเขาเท่านั้น เขาสามารถจับมือทั้งสองข้างของเธอได้เพียงแค่มือเดียว
เสี่ยวเหยียนเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ก็มองดูมือของตัวเอง แล้วก็รีบดึงกลับอย่างตื่นตระหนก
“ขอ ขอโทษด้วย คุณ คุณกินข้าวก่อนเถอะ ฉันเอาอาหารมาให้”
เสี่ยวเหยียนรีบยืนขึ้นไปหยิบถ้วยราเม็งออกมาจากถุงนั้น ดูท่าทางตื่นเต้นของเธอ หานชิงก็ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
หลังจากเปิดฝาออก เสี่ยวเหยียนก็เห็นว่าราเม็งมันเละแล้ว แล้วก็เย็นชืดแล้วด้วย
ดังนั้นเธอก็เลยปิดฝาลงไปอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
“คือว่า……ของมันทำไว้นานแล้วความรู้สึกที่กินเข้าไปน่าจะไม่ค่อยดี คุณอย่ากินเลย”
พอได้ยินดังนั้น หานชิงก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ความรู้สึกที่กินเข้าไปไม่ดีงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า
พอคิดว่าสาวน้อยคนนี้มารออยู่ที่ห้องรับแขกนี้จนหลับไป หานชิงชำเลืองมองราเม็งในมือของเธอ แล้วก็อธิบายด้วยเสียงที่นิ่งเรียบ “ฉันไม่เลือกกิน”
ความหมายของเขาก็คือ ฉันไม่สนใจว่าความรู้สึกตอนกินอาหารเข้าไปจะเป็นยังไง ฉันกินได้ทั้งหมด
แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนเข้าใจ เธอเอาแต่ส่ายหน้า
“ต่อให้คุณไม่เลือกกินก็ไม่ได้หรอก มันเย็นแล้ว เดี๋ยวฉันเอาไปทิ้งดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เอากล่องราเม็งใส่ถุง ไม่ทันคิดว่าหานชิงจะขยับเหมือนกัน แล้วท่าทางของเขาก็ยังรวดเร็วกว่าเธออีกด้วย แล้วก็แย่งกล่องราเม็งที่เธอเตรียมจะทิ้งมาอย่างรุนแรง แล้วก็วางไว้ตรงหน้าของตัวเอง
“คุณคงไม่ได้จะกินจริงๆหรอกใช่ไหม? คุณประชุมตั้งนาน เส้นนี้มันต้มมานานแล้ว เมื่อกี้ฉันลองสัมผัสอุณหภูมิดู มันเย็นแล้ว กินไม่ได้”
เมื่อกี้เพราะว่าเธอตื่นตระหนก ถึงได้บอกให้เขากิน ถ้าเกิดว่าหานชิงจะกินจริงๆล่ะก็ เธอต้องเสียใจแน่ๆ
หานชิงนั่งลง แล้วก็เปิดฝาออกอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเป็นอย่างที่เธอพูด เส้นมันเละหมดแล้ว และพอผ่านฤดูหนาวมาความอุ่นมันก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มันกินไม่ได้แล้วจริงๆ
แต่ว่า จะทำให้สาวน้อยคนนี้เสียน้ำใจได้ยังไงกัน?
อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง
พอคิดได้แบบนี้ หานชิงก็หยิบตะเกียบขึ้นมา เสี่ยวเหยียนก็มองอยู่ข้างๆ ท่าทางที่คีบตะเกียบของเขาดูสง่างามมาก ดูไม่รีบร้อน สุดท้ายก็เอาตะเกียบคีบราเม็งขึ้นมา
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง “มันอาจจะท้องเสียได้นะ”
ก่อนที่เขาจะเอาราเม็งเข้าปาก เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปกอดมือของเขาไว้ “มันอาจจะท้องเสียได้จริงๆนะ อย่ากินเลย”
หานชิง:“……”
มือของเขาที่ถือตะเกียบอยู่นั้นถูกเธอจับไว้ ร่างกายครึ่งหนึ่งของสาวน้อยพิงอยู่บนร่างกายของเขา หานชิงค่อยๆหันไปมองเธอ สุดท้ายก็พูดออกมา “โอเค งั้นไม่กินก็ได้”