เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1120
บทที่ 1120 การดูแลอย่างดีที่สุด
“จริงด้วย หยูซานยังคิดไปซบประธานหานอีกแน่ะ แต่ผลสุดท้ายก็โดนเหวี่ยง…
“หยูซานช่างน่าสมเพชจริงๆ”
“เฮ้อซบอกผู้ชายต่อหน้าสาธารณชน ล้มลงไปก็ดี ครั้งหน้าเธอจะได้รู้ตัวซะบ้าง”
เมื่อหยูซานได้ยินประโยคนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นความอับอาย แต่เนื่องจากเธอเพิ่งขายหน้าต่อหน้าทุกคนเมื่อกี้นี้ ในตอนนี้เธอจึงไม่มีหน้าไปโต้เถียงกับทุกคนอีก เธอเดินจากไปด้วยความโกรธ พ่อของเธอจึงได้แต่รีบเดินตามไป ทางด้านพ่อของซูเหยาเหยาก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
“โชคดีที่แกไม่เป็นอย่างหยูซานนั่น ไม่อย่างงั้นล่ะก็ คนที่ขายหน้าในเวลานี้ก็คือแก”
เดิมทีซูเหยาเหยาก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว แต่พอเห็นหยูซานถูกทำให้โมโหไปแบบนี้ เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ถึงอย่างไรแม้เธอจะไม่ใช่ผู้โชคดีคนนั้น แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุด
เนื่องจากหยูซานเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเธอ 80% จากการแสดงละคร
“พ่อคะ เมื่อก่อนพ่อเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าประธานหานไม่เคยพาผู้หญิงออกงานเลย? งั้นผู้หญิงคนเมื่อกี้ล่ะ? หนูยังเห็นอยู่เลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายซบอกเขาก่อน?”
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คราวนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ดูไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย ไม่เคยเจอมาก่อน”
ซูเหยาเหยาหรี่ตาพลางนึกถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้น เมื่อครู่นี้มีคนในบรรดากลุ่มคนต่างคาดเดากันว่าที่ประธานหานพาผู้หญิงคนนั้นมาร่วมงานเลี้ยงก็เพื่อต้องการป่าวประกาศ
แต่ถ้าต้องการป่าวประกาศจริงๆ นั่นก็หมายความว่าทั้งสองน่าจะมีความสัมพันธ์คู่รักถึงจะถูก
แต่ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์แบบคู่รักแล้ว ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่จูงมือเขา อีกทั้งยังจับแขนเสื้อของเขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังราวกับว่าเธอกลัวที่จะสัมผัสเขาจนทำให้เขาไม่พอใจ
ซูเหยาเหยาคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เธอจ้องเสี่ยวเหยียนไม่วางตาก่อนจะกล่าวว่า “เป็นไปได้ไหมว่ามีผู้หญิงเข้ามายุ่มย่ามประธานหานมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหาใครสักคนมาออกงานเพื่อปิดปากทุกคน”
“ปิดปากทุกคน?”พ่อของซูเหยาเหยาได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “แบบนี้ก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ว่า…ถ้าเป็นคนอื่น เหตุผลนี้ก็พอจะเชื่อถือได้ แต่คนคนนั้นเป็นถึงท่านประธานหานคนที่ฉายเดี่ยวมาหลายปีแล้ว เขาจะมีเหตุผลอะไรที่จู่ๆก็หาผู้หญิงมาปิดปากทุกคนล่ะ มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
ซูเหยาเหยายังไม่ตายใจ “แต่ว่าพ่อคะ พ่อก็เห็นนี่ว่าพวกเขาดูไม่เหมือนคู่รักกันแม้แต่น้อย คนรักกันมันควรสนิทสนมกันมากๆไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างก่อนที่เราจะมากัน ประธานหานก็ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว”
“อืม แกพูดมาขนาดนี้ก็พอดูมีเหตุผลอยู่บ้าง”
“พ่อคะ จู่ๆหนูก็นึกสงสัยขึ้นมา พวกเราเข้าไปในงานกันเถอะ เดี๋ยวพ่อหาโอกาสช่วยหนูหน่อยนะคะ หนูจะลองถามผู้หญิงคนนั้นดูก็ได้”
“…แกคิดจะทำอะไรเนี่ย? ที่ฉันจะให้แกไปทักทายประธานหานก็เผื่อจะโชคดีเท่านั้น แต่เขาไม่มองแกเลย ถ้าเวลานี้แกไปทำอะไรอีกล่ะก็ มันจะทำให้เขาไม่พอใจเอาได้หรือเปล่า?”
“พ่อ นี่พ่อคิดอะไรอยู่เนี่ย? ถึงสาวน้อยคนนั้นจะเป็นอะไรกับเขาจริงๆ แต่หนูก็แค่คุยกับเธอแค่สองสามคำ ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นแค่นั้นเอง ไม่ได้ทำร้ายเธอเสียหน่อย แล้วอีกอย่างถ้าทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะทำอะไรตระกูลซูเราได้”
พอพ่อซูคิดไปคิดมาก็เห็นด้วย “แล้วแต่แกแล้วกัน”
*
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินตามหลังหานชิงเข้าไปในสถานที่จัดงานเลี้ยงก็ดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนมาก ส่วนมากแล้วเป็นการสำรวจมองด้วยความสงสัยเพราะเนื่องจากจู่ๆหานชิงก็พาผู้หญิงคนนี้ออกงาน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าประหลาดใจ
สิ่งแรกที่จางเสี่ยวเหยียนรู้สึกได้ก็คือสายตานับร้อยนับพัน
มิน่าล่ะซูจิ่วถึงได้บอกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เฉิดฉายที่สุดภายในงานคืนนี้
เมื่อเดินบนพรมแดงครั้งแรกมีเพียงไม่กี่สายตาเท่านั้นที่มองมาที่เธอ แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะแทบทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่เธอ
ทุกคนล้วนรู้จักหานชิง แต่ตอนนี้ทุกคนกลับไม่ได้มองมาทางหานชิง มองเพียงคนที่อยู่ข้างๆเขาด้วยความกระตือรือร้น
ภายใต้สายตาที่มองมาแบบนี้ทำให้เสี่ยวเหยียนอายเล็กน้อยพลางกัดริมฝีปากล่าง แรงดึงแขนเสื้อหานชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
หานชิงรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของเธอ ตอนที่เขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังดึง หานชิงก็หยุดเท้าลงและเหลือบมองสาวน้อย
“มีอะไร?”
การเคลื่อนไหวของเสี่ยวเหยียนเมื่อครู่นี้เป็นไปด้วยความไม่ตั้งใจ พอเขาถาม เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสร้างผลกระทบให้เขา เธอจึงรีบส่ายหน้า
“เปล่าค่ะ!”
สาวน้อยเหมือนนกตกใจ เมื่อถูกเขาถาม เธอก็ตอบกลับด้วยความตึงเครียด
หานชิงเม้มริมฝีปากและหันไปเผชิญหน้ากับสาวน้อย “ประหม่ามากเลยเหรอ?”
“…เปล่าค่ะ ไม่ได้ประหม่า”
“เป็นเพราะทุกคนกำลังมองอยู่เธอสินะ?” หานชิงไม่สนใจปัญหาของเธอ เขาถามเธออีกประโยคไปตรงๆ
เสี่ยวเหยียนรู้ดีว่าหานชิงไม่เชื่อที่ตัวเองบอกว่าไม่ได้ประหม่า สุดท้ายจึงพยักหน้าและอธิบายเบาๆ “อืม คนมองเยอะไปหน่อยก็เลยทำตัวไม่ถูก แต่ว่า…ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่กับเขามาก่อน
แม้ตอนนั้นเขาคิดจะพาหานมู่จื่อไปแต่ต่อมากลายมาเป็นเธอ ทุกคนก็มองเธอด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงครั้งนั้นคืองานเลี้ยงที่หานชิงตั้งใจจัดให้น้องสาวตัวเองเป็นพิเศษ ดังนั้นคนที่ไปล้วนแต่เป็นคนที่รู้จักกันดี
จึงไม่มีใครเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างหานชิงกับเสี่ยวเหยียน
แต่วันนี้แตกต่างกันนิดหน่อย
“นี่ก็ไม่ได้เป็นงานเลี้ยงใหญ่โตอะไร เธอจะกลัวไปทำไม แล้วต่อไปจะทำยังไงล่ะ?” หานชิงพูดขึ้นมากะทันหันโดยไม่รู้ตัว
“อะไรนะคะ?” เสี่ยวเหยียนไม่เข้าใจไปสักพัก เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ
คำพูดนี้หมายความว่ายังไง? ต่อไปจะทำยังไง? อะไรที่เรียกว่าต่อไป?
ขณะนี้เจ้าภาพในงานเลี้ยงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพ
“ประธานหาน วันนี้ประธานหานยอมสละเวลามาได้ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง”
แม้จะเป็นคำพูดที่เป็นพิธีรีตอง แต่มันก็เป็นความจริง การที่หานชิงมาร่วมงานได้ก็สามารถเชิญนักธุรกิจรายใหญ่ระดับโลกหลายคนได้
“เกรงใจแล้วครับ” หานชิงพยักให้กับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
ไม่นาน เจ้าภาพก็มองมายังเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างหานชิง เขาถามอย่างยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”
เมื่อเสี่ยวเหยียนสบตากับคนคนนั้นเธอก็แอบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหานชิงโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นศีรษะออกมามองพวกเขา เหตุการณ์นี้เป็นที่อย่างคาดไม่ถึง
หานชิงไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มจางๆ
“พาเธอมาออกงานน่ะ”
เจ้าภาพงานเลี้ยงเข้าใจได้ทันทีและพยักหน้า “แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วๆ ไม่ทราบว่าจะให้เรียกคุณผู้หญิงท่านนี้ว่าอะไรดีครับ?”
เสี่ยวเหยียนสบตาหานชิง เมื่อเห็นเขาพยักหน้า เธอจึงแนะนำตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันแซ่จางค่ะ”
“คุณจางนี่เอง งานเลี้ยงคืนนี้ไม่ต้องเกรงใจไปนะครับ ทานดื่มได้เต็มที่ ถ้าไม่มีอะไรที่คุณชอบก็สั่งพวกเราได้เลยนะครับ”
เสี่ยวเหยียน “…”
เกรงใจเกินไปแล้ว ถึงขนาดสั่งได้โดยตรง…
เธอยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความกระดากอาย “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“คุณจางเกรงใจเกินไปแล้ว คืนนี้ประธานหานเป็นแขกคนสำคัญที่สุดของพวกเรา คุณเป็นคู่ควงของคุณหาน แน่นอนว่าต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”