เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1141
บทที่1141 ฉันพูดไปเรื่อยเอง
ห้าพันหยวน
ถ้าหากว่า ห้าพันหยวนจะสามารถ……ก็ไม่เป็นอะไร
กลัวแค่ว่าอีกเดี๋ยวเด็กคนนั้นจะใช้ลูกไม้อะไรอีก ถึงตอนนั้นอาจจะต้องเสียเงินมากกว่านี้
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆหลี่ซือห้านก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ตัวเองไม่น่าทำเรื่องเกินตัวเพียงเพราะกลัวเสียหน้าเลย
แต่ในเมื่อตอนนี้พาตัวเขาเข้ามาแล้ว ผู้ชายตัวโตอย่างเขาจะให้หิ้วเด็กตัวเล็กออกไปอีกรอบก็คงไม่ดีนัก
ในใจของหลี่ซือห้านรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็มองดูเสี่ยวหมี่โต้วนั่งสั่งอาหารอยู่ข้างๆอย่างปวดใจ อีกด้านก็คิดคำนวณอยู่ในใจ เพื่อปลอบใจตัวเอง
ช่างเถอะ ห้าพันก็ห้าพัน จะหาสะใภ้สักคนเงินแค่นี้ไม่พอหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกมาอยู่ในกำมือให้ได้
เมื่อคิดว่าสุดท้ายแล้วเสี่ยวเหยียนจะต้องแต่งงานกับเขา และหลังจากแต่งงานกันแล้ว เขาก็จะกลายเป็นเจ้าของร้านราเมนร้านนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อไปทำงานทุกวันอีกแล้ว จะได้กลายเป็นเถ้าแก่ และให้ผู้หญิงคนนั้นคอยซักผ้าทำอาหารให้ ดีจะตาย
หลังจากคิดแบบนี้แล้ว หลี่ซือห้านก็รู้สึกว่าห้าพันหยวนนี้คุ้มค่าอยู่พอตัว
พอเสี่ยวหมี่โต้วสั่งอาหารเสร็จแล้ว พบว่าหลี่ซือห้านไม่ได้ทำสีหน้าปวดใจ แถมยังเหมือนว่าจะตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองเสียอีก ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสีหน้าแบบนั้น แต่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
“คุณลุงกำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ”
จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็ส่งเสียงขึ้นมา หลี่ซือห้านถูกเสียงของเขาเรียกสติกลับมา เห็นเด็กน้อยนั่งมองเขาด้วยดวงตาใสแป๋ว เลยรีบจัดสีหน้าตัวเองใหม่
“ไม่ได้คิดอะไร เสี่ยวหมี่โต้วสั่งเสร็จแล้วเหรอ พอแล้วใช่ไหม”
เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มกว้าง
“พอแล้วฮะ ขอบคุณครับคุณลุง”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เสี่ยวหมี่โต้วเห็นอีกฝ่ายไม่ทุกข์ไม่ร้อน ก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงได้เปลี่ยนไป โทรศัพท์สั่นขึ้น เสี่ยวหมี่โต้วก้มหน้าลงไปมองทีหนึ่ง พบว่าเป็นข้อความจากคุณน้าที่ส่งมาทางวีแชท
“อยู่ไหน ?”
พอเห็นแล้ว ตาของเสี่ยวหมี่โต้วก็เป็นประกายทันที
ไชโย ในที่สุดคุณน้าก็มา !
เขารีบออกจากหน้าต่างแชทที่คุยกับหานชิง แล้วเข้าไปที่หน้าต่างแชทของน้าเสี่ยวเหยียนทันที จากนั้นก็ส่งโลเคชั่นไปให้
ณ เวลานี้ ให้น้าเสี่ยวเหยียนรีบมา ถึงเวลานั้นทั้งสองฝ่ายก็จะได้เจอหน้ากัน
อีกอย่างให้คนที่ดูตัวกับน้าเสี่ยวเหยียนคนนี้ได้เจอกับคุณน้า หลังจากนี้เขาก็จะได้รู้จักคำว่าล่าถอยบ้าง
เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จหมดแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็กลับมาที่หน้าต่างแชทของหานชิงอีกครั้ง จากนั้นก็พูดออดอ้อนเขาคำหนึ่ง
“คุณน้า จะมาหาผมเหรอครับ”
“ก็นายเรียกฉันไปหาไม่ใช่หรือไง”
“เปล่าครับ คุณน้าดูเหมือนจะไม่เต็มใจมาเท่าไหร่ งั้นเสี่ยวหมี่โต้วไม่บอกคุณน้าดีกว่า”
ณ เวลานี้ ด้านนอกของโรงแรมห้าดาวมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ หานชิงอยู่ตรงเบาะหลังของรถ มองดูข้อความนั้นแล้วเม้มปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบนวดขมับที่ปวดตุบตุบของตัวเอง
เจ้าเด็กนี่ คิดอยากจะบีบให้ตัวเองสารภาพว่าเขาอยากมาใช่ไหม
เป็นเด็กเป็นเล็ก ใครสอนให้เขาทำแบบนี้กัน
เอาเถอะ เรื่องบางเรื่องอย่างไรก็ต้องทำ ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องยอมรับอยู่ดี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานชิงก็จิ่มนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ฉันอยากมาเอง พอใจหรือยัง”
“คุณน้าพูดเองแล้วนะครับ”
“ส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน”
ในที่สุดเสี่ยวหมี่โต้วก็พึงพอใจ จากนั้นก็เรียกพนักงานมาเพื่อถามเลขห้องส่วนตัว แล้วไปบอกกับหานชิง
รอหลังพนักงานออกไปแล้ว หลี่ซือห้านก็แสดงแววตาประหลาดใจออกมา
“ยังมีคนจะมาอีกเหรอ”
“ใช่ครับคุณลุง ผมเรียกคุณน้ามาด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่ซือห้านก็ขมวดคิ้ว แล้วสีหน้าก็เผยความไม่พอใจออกมาทันที ไม่อยากจะแสดงความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ เลยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “ทำไมทำแบบนี้ วันนี้คุณลุงเป็นคนเลี้ยงนายนะ”
“ก็ใช่ไงครับ แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วสั่งอาหารมาเยอะเกินไป ผมกับคุณลุงกินไม่หมดหรอก เพื่อไม่ให้เป็นการฟุ่มเฟือย ผมก็เลยเรียกคุณน้ามากินด้วยกัน”
หลี่ซือห้าน “……”
ถ้ามีคนมาเพิ่ม ก็ต้องสั่งกับข้าวเพิ่มอีก จากนั้นก็ต้องใช้เงินเขาจนหมดเกลี้ยงแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่ซือห้านก็เผลอขึ้นเสียง
“เสี่ยวหมี่โต้ว คุณลุงบอกว่าจะเลี้ยงแค่นาย ถ้าคุณน้านายมา……จะไม่นับรวมในนี้นะ”
แค่ห้าพันหยวนเขาก็ปวดใจแทบตายแล้ว ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว เดิมทีเขาไม่คิดจะเสียเงินด้วยซ้ำ แต่เพราะคิดถึงสิ่งที่จะได้รีบในภายหลังแล้ว ถึงได้ฝืนใจควักเงินห้าพันหยวนออกมา ถ้ามากไปกว่านี้ เขาคงยอมรับไม่ได้แล้ว
“คุณลุงวางใจเถอะครับ คุณน้าของผมรวยมาก เขาคงไม่ยอมใช้เงินของคุณลุงหรอก ให้คุณน้าของผมเป็นคนเลี้ยงก็ได้นะครับ”
หลี่ซือห้าน “……”
ประโยคนี้ ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนคนยากจน
เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งย่ำแย่
“คุณลุงฮะ คุณกับคุณน้าเสี่ยวเหยียนเป็นแฟนกันเหรอครับ” จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็ถามขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่ซือห้านก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขาอยากจะตอบว่าใช่ แต่ก็กลัวว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะกลับไปพูดอะไรมั่วซั่ว เหมือนที่เมื่อกี้เขาพูดว่าร้านเป็นของตัวเอง
จะปล่อยให้เด็กทำเสียเรื่องไม่ได้
ท้ายที่สุดเขาก็เลยปฏิเสธออกมา
“ยังไม่ใช่หรอก แต่ว่า……”
“งั้นก็ดีแล้วฮะ” เสี่ยวหมี่โต้วกุมอกตัวเอง ทำท่าเหมือนตกอกตกใจ “ถ้าคุณเป็นแฟนกับน้าเสี่ยวเหยียนคงไม่ดีแน่”
“หมายความว่ายังไง” หลี่ซือห้านสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“เพราะว่าน้าเสี่ยวเหยียนชอบคุณน้าของผมนี่ฮะ” เสี่ยวหมี่โต้วพูดพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความใสซื่อ
หลี่ซือห้าน “……”
ผู้หญิงคนนั้นมีคนที่ชอบแล้ว ไม่ใช่โสดอยู่หรอกหรือ เป็นไปได้อย่างไร
“เสี่ยวหมี่โต้ว ความหมายของนายคือ เสี่ยวเหยียนกับคุณน้าของนายเป็นแฟนกันเหรอ”
“อ๋อ ตอนนี้ยังไม่ใช่หรอกฮะ แต่ว่าน้าเสี่ยวเหยียนชอบคุณน้าของผมมาตั้งนานแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็คงอยู่ด้วยกันแล้ว คุณลุงฮะ คุณกับคุณน้าเสี่ยวเหยียนรู้จักกันได้ยังไงเหรอฮะ ทำไมช่วงนี้ถึงมาช่วยงานที่ร้านล่ะ คุณเป็นพนักงานที่น้าเสี่ยวเหยียนรับเข้ามาเหรอฮะ”
“ไม่ใช่ !” หลี่ซือห้านปฏิเสธพร้อมกับอดกลั้นความโกรธเอาไว้ “คุณลุงจะเป็นพนักงานได้ยังไงกัน” เถ้าแก่น่าจะใกล้เคียงกว่า พนักงานกับผีสิ เดิมทียังอยากจะเสแสร้งจนถึงที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างทางเสียก่อน
“คุณลุงไม่ใช่พนักงาน แล้วคุณลุงเป็นใครครับ”
“……เป็นคู่ดูตัวของคุณน้าเสี่ยวเหยียนของนายไง หรือก็คือคู่แต่งงาน รู้ไหม เมื่อกี้ที่นายพูดว่า เสี่ยวเหยียนชอบคุณน้าของนาย เป็นเรื่องจริงเหรอ”
ส่วนเสี่ยวหมี่โต้วตอนที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แต่งงานของเสี่ยวเหยียน ก็เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง นานสองนานก่อนจะปล่อยมือ แล้วพูดกับหลี่ซือห้าน
“ขอโทษนะฮะคุณลุง เสี่ยวหมี่โต้วพูดผิดไปแล้ว ที่จริงน้าเสี่ยวเหยียนไม่ชอบคุณน้าของผมเลยสักนิด แล้วก็ไม่เคยแอบจูบคุณน้าของผมตอนเมาเหล้าด้วย แถมยังพักอยู่ที่บ้านของคุณลุง……อ๊าก!”
พูดไปแค่ครึ่งเดียว เสี่ยวหมี่โต้วก็ยกมือขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง
“อะไรนะ ?”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ สีหน้าของหลี่ซือห้านก็ขมุกขมัวทันที คิ้วขมวดกันแน่น ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่รักนวลสงวนตัวขนาดนี้ ให้ตาย เป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายจริงๆ
“คุณลุง……ผมพูดผิดไปแล้ว ที่ผมพูดไปเมื่อกี้ผมพูดไปเรื่อยเองครับ” เสี่ยวหมี่โต้วทำสีหน้าหดหู่เหมือนใกล้จะร้องไห้
แต่หลี่ซือห้านกลับโมโหจนปวดขมับ กำลังอยากจะพูดอะไร น้ำเสียงเย็นชาของชายคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา
“ถ้ารู้ว่าตัวเองพูดผิดแล้ว ก็ขอโทษให้เรียบร้อยซะ”