เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1156
บทที่1156 จัดการเรื่องของเธอให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน
บ้านจาง
“เป็นยังไงบ้าง? เยียนเหยียนได้บอกหรือเปล่าว่าลูกจะกลับมากี่โมง?”ที่จริงหลัวหุ้ยเหม่ยตื่นขึ้นมาทำโจ๊กตั้งแต่เช้าแล้ว สองสามีภรรยาเป็นห่วงลูกจนนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อเห็นว่าเช้าแล้วหลัวหุ้ยเหม่ยจึงตื่นขึ้นมาทำโจ๊ก เธอหวังว่า หลังจากที่ลูกสาวกลับมาจะได้กินเลย
ใครจะไปรู้ว่าพวกเขารอแล้วรอเล่าลูกสาวก็ยังไม่กลับมา แม้แต่โทรศัพท์ยังไม่โทรมาเลย
ทั้งสองคนจึงตัดสินใจโทรไปหาลูกสาวแทน หลังจากที่รู้ว่าเยียนเหยียนจะกลับมา หลัวหุ้ยเหม่ยเร่งให้พ่อจางรีบมากินโจ๊ก และกินให้เยอะๆหน่อย
“ลูกบอกว่าเดี๋ยวก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณจะเร่งทำไม กินโจ๊กของคุณไปเลย”
พ่อจาง: “ที่ผมนอนไม่หลับทั้งคืนก็เพราะเป็นห่วงลูก ตอนนี้ยังไม่ได้เจอหน้าลูก ผมจะกินลงได้ยังไง?”
“กินไม่ลงคุณก็ไม่ต้องกิน คุณมีแรงพูดตอนที่ลูกกลับมาก็พอแล้ว ถึงเวลานั้นอย่าให้เห็นว่ากินเหมือนคนตายอดตายอยากต่อหน้าลูกนะ”
พ่อจาง: “……..ไม่ใช่แบบนี้สิหุ้ยเหม่ย คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? ลูกเรามีเรื่องนี่ คุณไม่กังวลเลยหรือไง? ดูคุณกินแต่ละคำสิ คำโตขนาดนั้น หัวใจของคุณเจ็บปวดไม่เป็นเลยหรือไง?”
หลัวหุ้ยเหม่ยแทบจะบ้าตาย เธอไปเก็บถ้วยที่อยู่ตรงหน้าเขาทันที “คุณจะกินไม่กิน ถ้าไม่กินจะไปที่ไหนก็ไป หัวใจของฉันไม่เพียงแต่เจ็บปวดไม่เป็น แต่ยังดีมากเลยด้วย ทำไมไม่คิดว่าฉันเรียกคุณให้มากินเพราะอะไร คุณกินไม่อิ่มแบบนี้ เดี๋ยวถ้าเรื่องที่ลูกเล่าทำให้คุณโมโห แล้วคุณจะมีแรงไปสั่งสอนไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นแทนลูกได้ยังไง? เท่าที่ดูแล้ว หลี่ซือห้านต้องทำอะไรเสี่ยวเหยียนแน่ๆ มิเช่นนั้นจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง?”
เมื่อได้แบบนี้ พ่อจางเข้าใจขึ้นมาทันที
“เป็นแบบนี้นี่เอง! งั้นผมจะรีบกินเดี๋ยวนี้แหละ กินเยอะๆหน่อย ถ้าไอ้เด็กหลี่ซือห้านนั้นกล้ารังแกเสี่ยวเหยียน รับรองว่าผมจะส่งมันกลับไปทำนาที่บ้านเกิดแน่!”
พูดจบ พ่อจางก็ทำท่าจะไปเอาถ้วยในมือของหลัวหุ้ยเหม่ย หลัวหุ้ยเหม่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น“จะกินก็ไปตักเองสิ ไม่มีมือหรือไง?”
“……”
ทำอย่างไรได้ล่ะ เพราะเมื่อสักครู่เขาทำให้หลัวหุ้ยเหม่ยโกรธ ตอนนี้เขาก็เลยโดนเธอด่า พ่อจางกลัวจนไม่กล้าทำอะไร ทำได้เพียงเดินตรงไปยังห้องครัว
หานชิงมาส่งเสี่ยวเหยียนที่ชั้นล่าง เสี่ยวเหยียนปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปมองหานชิง
“ขอบคุณที่มาส่งนะ แล้ว…….. เรื่องเมื่อคืนก็…..ขอบคุณนะ”
หลังสิ้นสุดคำพูด เสี่ยวเหยียนก็เห็นหานชิงปลดเข็มขัดนิรภัยเช่นกัน
เธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า “นายทำอะไรน่ะ?”
“จะขึ้นไปเป็นเพื่อน และช่วยอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอง”
เสี่ยวเหยียน:“!!!”
มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ถ้าให้หานชิงขึ้นไปด้วย หลัวหุ้ยเหม่ยต้องเข้าใจผิดแน่เลย เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รีบพูดขึ้นเพื่อห้ามเขา
“ตอนนี้ก็เก้าโมงแล้ว นายไม่ไปทำงานเหรอ?”
“เลื่อนตารางงานทั้งหมดออกแล้ว ตอนเช้าฉันว่าง”
“แต่ว่า นายเป็นประธานบริษัทนะ ไม่ไปทำงาน………มันไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”
เสี่ยวเหยียนยังคงพยายามอธิบาย ทันใดนั้นหานชิงก็หยุดการกระทำทั้งหมด แล้วหันมามองเธอเงียบๆ
เมื่อสักครู่เธอยังพยายามพูดอยู่เลย แต่ตอนนี้ เมื่อสายตาที่เยือกเย็นของเขาจ้องมายังเธอ เธอเกรงจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ไม่รีบ”เขามองเสี่ยวเหยียนแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆทีละคำว่า “จัดการเรื่องของเธอให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”
“……”
เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากตัวเอง เธอกำลังวุ่นวายใจ แต่เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นให้เขามาช่วยจัดการเรื่องของตัวเองก็ได้ เขากระทืบคนๆนั้นจนเข้าโรงพยาบาลแล้วนิ ฝั่งนั้นคงไม่กล้ามาทำอะไรตัวเองแล้ว
“จริงๆแล้ว………”
เสี่ยวเหยียนอยากจะพูดอะไรอีก ทว่าหานชิงนั้นเปิดประตูรถและลงไปจากรถแล้ว เธอยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม เมื่อคิดว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจทำนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้นอย่างแน่นอน เธอจึงทำได้เพียงลงจากรถไปพร้อมกับเขา
ไปพร้อมกันก็ไปพร้อมกัน ถึงเวลาค่อยจัดการตามสถานการณ์ก็ได้
ขณะที่ทั้งสองเตรียมตัวที่จะขึ้นไปข้างบน ก็มีเสียงที่แหลมเล็กดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ว้าวๆ ฉันว่าแล้วว่าลูกสาวบ้านจางต้องมีแฟนแล้วแน่ๆเลย ก่อนหน้านี้ยังมีหน้าพูดว่าตัวเองนั้นโสด ฉันอุตส่าห์แนะนำคู่ให้เธอ ใครจะไปรู้ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก ก็ไม่ควรทำให้คนอื่นเสียเวลานิ”
เสียงของป้าจางลอยมาแต่ไกล
ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ได้ยิน
เพื่อนบ้านหลายคนยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู บางคนนั้นกำลังเล่นกับลูก และบางคนก็กำลังจับกลุ่มเม้าท์มอยกัน นี่คือภาพของเพื่อนบ้านของเสี่ยวเหยียนที่พบบ่อยที่สุด ป้าจางตะโกนมาแต่ไกลแบบนี้ ก็เพราะอยากให้คนนั้นได้ยิน
ว่าร้ายคนอื่น แล้วทำให้ตัวเองดูดีงั้นเหรอ?
เธอไปมีแฟนตอนไหน? เพียงเพราะหานชิงยืนอยู่ข้างๆเธอตอนนี้เหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะหานชิงช่วยไว้ เมื่อคืนเธอก็คง……….
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ในใจของเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเคืองเล็กน้อย เธอกำมือทั้งสองข้างแน่น
เธอรอให้ป้าจางเดินเข้ามาหาด้วยความเงียบสงบ
ถึงแม้ว่าป้าจางจะอายุมากแล้ว ทว่าเมื่อเธอก็ไม่ได้เดินช้าขนาดนั้น ไม่นานเธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเหยียน ตอนแรกเธอคิดที่จะพุ่งเข้าหาเสี่ยวเหยียนโดยตรง แต่พอเห็นชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเสี่ยวเหยียนแล้ว เธอก็หยุดความคิดนั้นทันที และรักษาระยะห่างจากเสี่ยวเหยียน
“ยัยเด็กบ้านจาง เธอเป็นอะไรไป? เธอมีแฟนอยู่แล้วแบบนี้ทำไมถึงยังให้ป้าจางแนะนำคู่ให้ล่ะ? เสี่ยวหลี่เป็นเด็กขยันและแน่วแน่ แถมไปช่วยที่ร้านเธอทุกวัน หลังเลิกงานเขาก็ไปที่ร้านเธอทุกวัน เป็นเด็กคนหนึ่งที่ซื่อสัตย์และพึ่งพาได้ เขาจริงจังกับเธอมาก แม้เธอจะไม่ชอบเขาก็ควรบอกเขาดีๆสิ ทำไมถึงให้แฟนตัวเองทำร้ายเขาจนเข้าโรงพยาบาลล่ะ? ตอนนี้เขานอนอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยสภาพที่จะตายแหล่มิตายแหล่ โอ้พระเจ้า บาดเจ็บสาหัสเลยนะนั่น ฉันได้ยินหมอบอกว่ากระดูกหักไปหลายซี่เลย”
“…………”เสี่ยวเหยียนแสยะยิ้มมุมปาก ในใจคิดว่าเธอกำลังสร้างเรื่องโกหก กระดูกหักไปหลายสิบซี่แล้วเขายังมีชีวิตอยู่ได้เหรอ? ไม่ใช่ว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่แค่อยู่ในสภาพที่จะตายแหล่มิตายแหล่
ที่จริงสำหรับเสี่ยวเหยียนแล้ว หลังจากที่เมื่อคืนหลี่ซือห้านทำเรื่องแบบนั้น เธอก็เกลียดคนๆนั้นเข้าไส้ เพราะถ้าหานชิงไม่มา ผลมันจะเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเธอควรทำอย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของเสี่ยวเหยียนก็เย็นชาลงครู่หนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นไปมองป้าจางด้วยแววตาที่ไม่มีความกลัวใดๆทั้งสิ้น
“ป้าจางคะ ป้าเปิดประเด็นมาก็พูดว่าแฟนฉันทำร้ายเขาจนเข้าโรงพยาบาล ขอถามหน่อยค่ะว่าป้าเห็นมันกับตาเหรอคะ?”
เสียงของเธอนั้นไม่ได้เบา ดังพอที่จะทำให้พวกที่กำลังซุบซิบนินทานั้นได้ยิน
และเพื่อนบ้านที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นชัดเจนก็ค่อยๆเดินเข้ามายืนล้อมพวกเขาสามคน
เสี่ยวเหยียนรู้ดีว่า ถ้าวันนี้ไม่พูดให้มันชัดเจน พวกเพื่อนบ้านก็จะไปนินทาลับหลัง แม้คนเหล่านี้จะว่าร้ายลับหลังจนเสียหาย เธอก็ไม่สน
แต่เธอไม่สามารถทนเห็นพ่อแม่ของตัวเองมาตกเป็นขี้ปากของคนอื่นได้
ป้าจางอึ้งไปเลย เธอไม่คิดว่าเสี่ยวเหยียนจะโต้ตอบเธอ หลังจากที่อึ้งไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้เห็นกับตา คนแก่อย่างฉันอยู่บ้านทั้งวัน จะไปเห็นเหตุการณ์ได้ยังไง? แต่วันนี้เสี่ยวหลี่โทรมาบอกฉันว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ ฉันก็ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลมาแล้ว อาการสาหัสเลย!”