เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1167
บทที่ 1167 ไม่ว่าแฟนอยากทำอะไรก็ทำได้ตามที่ต้องการ
เสี่ยวเหยียนตกตะลึงตาค้างไปทันที
ตอนที่ผู้ชายตรงหน้าถามคำถามนี้ขึ้นมา ดูเหมือนจะตะล่อมเหยื่อให้ติดกับให้ได้
อะไรนะ? คุณจะจูบหรือไม่จูบผม? ถ้าไม่จูบ ต่อไปก็ไม่มีโอกาสแล้วนะ ไม่จูบจริงเหรอ? งั้นผมไปจูบคนอื่นแล้วนะ
และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็คิดบทสมมติพวกนี้ขึ้นมาในหัว คิดไปคิดมาว่าทำไมหานชิงถึงเป็นคนแบบนี้? หล่อนสะบัดหัวไปหา จากนั้นหันมามองใบหน้าเทพบุตรที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ทันใดนั้นหล่อนก็ยื่นหน้าเข้าไปหาเขา
“จูบ!”
แรงของหล่อนค่อนข้างมาก ตอนที่หล่อนประกบตัวเข้าหา หานชิงยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงใหญ่ถูกหล่อนผลักจนต้องถอยไปด้านหลัง หานชิงตกใจจนตัวเกร็งไปสักพัก จากนั้นก็โอบเอวของหญิงสาวไว้ หัวเราะอยู่ภายในใจ
ช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน
เสี่ยวเหยียนไม่สนใจว่าเขาจะคิดว่าสิ่งนี้คือความฝันหรือความจริง ในเมื่อเขาถามมาขนาดนี้แล้ว มีโอกาสให้แล้วไม่คว้าไว้ก็คือคนหน้าโง่!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนบ่ายหล่อนถูกใครบางคนจูบอยู่เป็นเวลานาน ตอนนี้มีโอกาสให้ตัวเองกลับกลายเป็นฝ่ายรุกบ้าง ทำไมหล่อนจะไม่เอาล่ะ?
ผ่านไปสักพักใหญ่
ปากของหานชิงถูกจู่โจมจนเลือดออก หัวก็ถูกกระแทกอยู่หลายครั้ง แต่สาวน้อยก็ยังคงกอดคอและจูบเขาไปทั่วอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ หานชิงจึงดึงแขนของหล่อนออกมา
“นี่คุณจูบเป็นรึเปล่า?”
ใบหน้าและหูของเสี่ยวเหยียนแดงขึ้นมาทันที เมื่อถูกฝ่ายชายถามเช่นนี้ หล่อนจึงพยักหน้าลงอย่างเคอะเขิน: “ปะ…เป็นแน่นอนสิ”
จากนั้นหล่อนก็เห็นรอยฉีกขาดบนปากหานชิงที่ถูกตัวเองบดขยี้ ยิ่งทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากขึ้น “หรือว่า ช่างมันไปก่อนเถอะ…ไว้ฉันกลับไปฝึกก่อน”
“กลับไปฝึก?” หานชิงหรี่สายตาลงถามหล่อน แววตาเต็มไปด้วยความดุดัน: “ไปฝึกกับใคร?”
เสี่ยวเหยีนน: “….มะ…ไม่ได้หาใคร แค่กลับไปหาเทคนิควิธี คุณสบายใจได้ ฉันจะต้องตั้งใจฝึกแน่นอน”
คำพูดแบบนี้….
ลูกกระเดือกของหานชิงขยับไปมา น้ำเสียงเข้มขึ้น “แน่นอนว่าต้องฝึกเยอะๆ แต่ตอนนี้ก็คือโอกาส เข้ามาสิ”
“???”
เขาหมายความว่าอะไรกัน เขาให้ตัวเองไปฝึกกับเขาด้วย?
“ผมก็ไม่เคยมีแฟน เรามาฝึกด้วยกันได้ ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”
หานชิงดึงหญิงสาวผู้ใสซื่อและยังคงรู้สึกตกตะลึงเข้ามา เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพด้านหน้าของหล่อนก็มืดสนิทขึ้นมาทันที และถูกเขาจูบอีกครั้ง
….
ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้ ทั้งสองฝึกกันในรถอยู่นานสักพักใหญ่
ตอนที่แยกจากกัน เสี่ยวเหยียนกระแอมออกมาด้วยความเขินอาย ซบตรงไหล่เขา ไม่กล้ามองตาเขาแม้แต่น้อย
“ตอนนี้รู้สึกเหมือนจริงขึ้นมาบ้างแล้วยัง?”
ความจริง? เป็นไปได้ยังไง? เสี่ยวเหยียนรู้สึกโล่งหัวตัวเบาไปหมด เหมือนโบยบินล่องลอยไปเหมือนเทพเซียน ยิ่งดูไม่เหมือนจริงมากขึ้น
หล่อนกลับไม่พูดอะไร แต่หานชิงพอคาดเดาความคิดของหล่อนไว้ได้ เขายื่นมือไปจับแขนของหล่อน “หืม?”
“ถ้ายังคงรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง งั้นคืนนี้ก็กลับไปกับผมเลยไหมล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนพูดตะโกนเสียงดัง “ไม่! ไม่ได้! เร็วเกินไป!”
เพิ่งคบกันตอนบ่าย กลางคืนจะกลับไปค้างคืนกับเขาแล้ว? นะ…นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง? แม้ว่าภายในใจของหล่อนเฝ้ารอมากเหลือเกิน แต่…แต่ทำไม่ได้เด็ดขาด!
หล่อนต้องรักนวลสงวนตัว!
เสี่ยวเหยียนเจ็บหน้าผาก ถูกปลายนิ้วของหานชิงเคาะใส่ เมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ หล่อนเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหานชิงที่จ้องมองมาหาหล่อน: “กำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่? ไปบ้านที่เคยไปเมื่อก่อน มีโคงโคงอยู่เป็นเพื่อนด้วยนะ เราแยกกันนอน”
เสี่ยวเหยียน: “…”
“หรือว่า คุณอยาก…”
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ไม่…ไม่อยาก!”
หล่อนรีบกลับไปซบที่ไหล่ของหานชิงอีกครั้ง ไม่ยอมมองตาของเขา
เสี่ยวเหยียนกอดเขาเงียบๆเช่นนี้ครู่ใหญ่ จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าดึกแล้ว หล่อนต้องกลับแล้ว อีกอย่างรถจอดอยู่ด้านล่างนานขนาดนี้แล้วไม่มีใครออกมา อาจจะถูกพูดนินทาว่ากล่าวไปต่างๆนานาก็เป็นได้ หล่อนไม่สนใจได้ แต่ยังไงก็ต้องนึกถึงหัวอกของพ่อแม่ด้วย
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนค่อยๆลุกขึ้นยืน: “เอ่อคือ ฉันต้องกลับแล้ว”
“อื้ม” หานชิงตอบเบาๆ จากนั้นค่อยๆจัดระเบียบผมและเสื้อผ้าให้หล่อน ท่าทางอ่อนโยนมาก สุดท้ายก็ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดริมฝีปากให้หล่อน จึงจะปล่อยตัวหล่อนออก “ไปเถอะ”
เสี่ยวเหยียนหน้าแดงลงจากรถไป เหมือนเต่าที่ค่อยๆคลานไปด้านหน้าช้าๆ แต่จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หล่อนวิ่งหันกลับมาอีกครั้ง เกาะหน้าต่างมองหานชิงด้วยสายตาเป็นประกาย
“เอ่อคือ…”
“หืม?”
“กลับถึงบ้านแล้ว ส่งข้อความบอกฉันด้วยได้ไหม?”
หานชิงตกใจตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็ยิ้มให้หล่อน “ได้แน่นอนสิ”
“คุณตกลงแล้ว? แล้วถ้าโทรล่ะ?” เสี่ยวเหยียนได้คืบจะเอาศอก หล่อนก็อยากรู้ว่าหานชิงจะรับหล่อนได้ถึงขั้นไหน
ใครจะไปคิดว่าหานชิงจะยื่นมือออกมาหยิกแก้มหล่อนเบาๆ จากนั้นพูดขึ้น
“คุณเป็นแฟนของผม คุณอยากได้อะไรก็ทำให้ได้หมดแน่นอนอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลมาก แต่กลับกระแทกใจหล่อนอย่างสุดขีด
ตุบ!
ตุบ!
ตุบ!!
หัวใจของเสี่ยวเหยียนเต้นแรงจนควบคุมจังหวะไว้ไม่ได้ หลังจากสบตามองกับหานชิงครู่หนึ่ง หล่อนก็หันหลังวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งหนีจากไป สายตาของหานชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนกระทั่งเงาของหล่อนหายไป รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็เลือนหายตามไปทันที จากนั้นกลับมาเย็นชาเหมือนเคย และขับรถกลับไป
*
เสี่ยวเหยียนเพิ่งกลับถึงบ้าน ก็ต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของพ่อและแม่
แม้ว่าก่อนกลับเข้าบ้าน หานชิงจะช่วยหล่อนจัดระเบียบให้เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ท่าทีของเสี่ยวเหยียนกลับดูเหมือนผิดปกติ ผิดธรรมชาติไปมาก แววตาของหล่อนยังดูหยาดเยิ้มอีกด้วย
“แฮ่มๆๆ!” พ่อจางกระแอมเสียงดัง จากนั้นลุกขึ้น: “พ่อไปห้องน้ำก่อนนะ แม่ลูกคุยกันเองล่ะ”
ไม่นานนักพ่อจางก็ไปแอบในห้องน้ำ
เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นเช่นนั้น จึงพูดขึ้น: “วันนี้ร้อนจังเลย หนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกหลัวหุ้ยเหม่ยเรียกไว้ก่อน
เสี่ยวเหยียนยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับไปไหน หลังจากนั้นก็หันมายิ้มให้หลัวหุ้ยเหม่ย: “แม่ ทำไมดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกคะ? วันนี้ที่ร้านยุ่งมากเลยใช่ไหมคะ? วันนี้หนูไปหามู่จื่อมาก ตอนนี้หล่อนท้องโตมาก เดือนหน้าคงได้คลอดแล้ว”
เมื่อได้ยินลูกสาวพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้ ไม่ยอมพูดเรื่องตัวเองสักที หลัวหุ้ยเหม่ยจึงพูดแทรกขึ้น: “ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น พูดเรื่องตัวเองก่อน”
เสี่ยวเหยียนกลัวขึ้นมาทันที: “นะ…หนูมีเรื่องอะไรให้พูดล่ะคะ?”
“มีแฟนแล้ว?”
“!!!”
เสี่ยวเหยียนตกใจตาโต “แม่รู้ได้ยังไงคะ?”
ตอนบ่ายเพิ่งตัดสินใจคบกันแท้ๆ ทำไมหลัวหุ้ยเหม่ยถึง…
“หึ ลูกคิดว่าแม่ตาบอดหรือไง? เมื่อกี้ตอนแม่ลงไปทิ้งขยะ บังเอิญเห็นลูกพอดี”
เสี่ยวเหยียน: “…”
หัวชาไปในชั่วขณะ เห็นหล่อนตอนลงไปทิ้งขยะเมื่อครู่? งั้นก็หมายความว่า…เห็นหล่อนอยู่ในรถกับหานชิง…
“แม่ แม่ ทำไมแม่…”
“ยังไง? ตอนนี้รู้จักอายขึ้นมาแล้ว? ชั้นล่างคนเดินไปมาเยอะแยะ ลูกกลับไม่รู้สึกอายบ้าง!” หลัวหุ้ยเหม่ยพูดเหน็บแนมหล่อน แต่อันที่จริงแล้ว หล่อนดีใจแทนเสี่ยวเหยียนอยู่ต่างหาก ลูกตัวเองมีความสุข หล่อนก็ไม่อยากจะไปสนใจว่าคนอื่นจะมองยังไง
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี หน้าแดงจนเส้นเลือดแทบแตกออกมา เพราะเมื่อรู้ว่าพ่อแม่เห็นสองคนรักใคร่จู๋จี๋กันขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าพวกเขาจะอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี