เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1174
บทที่1174 ใครจะบอกชัดได้
หลินสวี่เจิ้งรู้เรื่องที่เสี่ยวเหยียนกับหานชิงทั้งสองคนคบกัน แล้วยังรู้มาจากทางประธานเฉินอีก
เจอกันในตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังดื่มชา เดิมทีเพียงแค่จะพยักหน้าทักทายกัน มากสุดก็พูดคุยกันไม่กี่ประโยค แต่หลังจากที่ประธานเฉินเจอหลินสวี่เจิ้ง ก็นึกถึงหญิงสาวคนนั้นที่อยู่กับหานชิงเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เขารู้ความสัมพันธ์ของหลินสวี่เจิ้งกับหานชิง ก็เลยอยากเข้าไปเม้าท์มอยด้วยสักหน่อย
ก็คนมั้ยล่ะ ถึงวัยกลางคนแล้วก็ไม่มีการแสวงหาอะไร อันที่จริงครอบครัวของเขาก็สุขสมบูรณ์ ลูกชายลูกสาวครบแล้ว นอกจากยังจะต้องลดไขมันทั้งร่างลงหน่อย เขาในตอนนี้เพียงแค่สนุกกับการเม้าท์มอยเท่านั้น
ดังนั้นแล้วในตอนที่เห็นหลินสวี่เจิ้ง ประธานเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปพูดกับเขา เห็นท่าทางไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นักของหลินสวี่เจิ้งแล้ว ประธานเฉินก็ลูบมืออย่างมีความสุขแทบไม่ไหวออกมา พร้อมทั้งรีบพูดออกมาทันที
“ประธานหลิน ถึงแม้ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานหานที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่คุณยังไม่รู้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ”
หลินสวี่เจิ้งแสดงสีหน้าสีหน้างงงวยสุดๆ ไม่เข้าใจเลยว่าตาเฉินกำลังมีความสุขอะไรอยู่ แต่คนเจนโลกก็ยังคงเป็นคนเจนโลกอยู่วันยังค่ำ เขาเองก็ไม่ได้รีบร้อน ทำเพียงยิ้มจางๆไม่พูดอะไรมองประธานเฉินไปอย่างนั้น รอให้เขาพูดเฉลยความจริงออกมาเองอยู่เงียบๆ
และก็เป็นไปอย่างที่คิด เห็นหลินสวี่เจิ้งไม่ถามออกมา เพียงไม่นานตาเฉินก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ทนรออวดเขาอยู่ไม่หวั่นไม่ไหว
“คนที่บ้านผมต้องการให้ผมไปวิ่งออกกำลังกายทุกวันใช่มั้ยล่ะครับ? อยากให้ผมไปลดเนื้อไขมันบนร่างพวกนี้ลง ทุกเช้าก็เลยให้ผมหาเวลาออกไปวิ่ง แต่ตอนกลับผมก็เจอกับประธานหาน คุณลองเดาดูสิว่าผมเห็นกับอะไรเข้า?”
หลินสวี่เจิ้งยังคงนิ่งอยู่ดังเดิม
ภายในใจก็อยากรู้สุดๆ เห็นอะไร ถึงได้ทำให้เขาประหลาดใจได้ขนาดนี้กัน? หรือว่าข้างตัวหานชิงจะมีผู้หญิงอีกคนเพิ่มมางั้นหรอ?
“หานชิงจะอยู่กับสาว”
ได้ยินอย่างนั้น หลินสวี่เจิ้งเลิกคิ้วออกมา “สาว?”
นึกไม่ถึงว่าจะถูกเขาจะเดาได้ถูกต้องว่ามันเกี่ยวกับผู้หญิง
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในตอนที่พูดคำว่าสาวออกมา ตรงหน้าของหลินสวี่เจิ้งก็ได้ปรากฏร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งออกมา เกี่ยวข้องกับหานชิง อีกทั้งยังสามารถทำให้เขาใส่ใจได้ และก็เป็นคนที่เขาหลินสวี่เจิ้งรู้จักด้วยอยู่คนนึง
“ใช่แล้ว เป็นสาวน้อย คาดว่าคงอายุมากกว่าลูกสาวผมอยู่เล็กน้อย คุณว่าอย่างท่านประธานหานเมื่อก่อนนี้ผมก็คิดว่าชาตินี้เขาคิดจะปล่อยให้เตียงว่างไปตลอดชีวิตแล้วใช่มั้ยล่ะครับ? แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะไร้ยางอายได้อย่างนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะลงมือกับผู้หญิงได้” พูดจบ ประธานเฉินก็ยังส่ายหน้าออกมาไม่หยุด ส่งเสียงจุ๊ๆออกมา
ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้ว หลินสวี่เจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ตาเฉิน คุณพูดอย่างนี้ต่อหน้าเขา?”
ใบหน้าของประธานเฉินได้แสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา
“นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง? ผมจะอยากวอนหาเรื่องตายไปพูดต่อหน้าเขาไปทำไมกัน? ให้ความกล้าผมมาสักสิบผมก็ไม่กล้าพูดอยู่แล้ว ผมเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าหาสาวสักคนมาได้ คุณว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเสน่ห์แรงมากเลยใช่มั้ย? ไม่อย่างนั้นแล้วต้นปรงแก่ที่ไม่ออกดอกมาเป็นหมื่นปีทำไมจู่ๆถึงได้บานออกมาได้ล่ะ? แปลกมากเลยจริงๆ”
“เรื่องของโชคชะตา” หลินสวี่เจิ้งยกแก้วน้ำชาขึ้นมา ค่อยๆจิบไปอย่างละเมียดละไม เอ่ยพูดเสียงเรียบออกมา “ใครจะบอกชัดเจนได้ สาวน้อยก็ดี หญิงสาวที่โตเต็มที่เองก็ช่าง ขอเพียงแค่เป็นโชคชะตาของหานชิงเขา จะต้องถูกต้องอยู่แล้ว”
“เฮ้ คุณพูดอย่างนี้มามันก็ใช่ แต่ทำไมคุณถึงได้นิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้ล่ะ? ต้นปรงแก่ออกดอก คุณไม่ควรประหลาดใจมากๆเลยหรือไง?”
ได้ยินแล้ว หลินสวี่เจิ้งยิ้มจางๆออกมา วางแก้วชาในมือลง “บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า ผมพอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะคบกันอยู่แล้ว?”
ตาเฉินร้องเสียงดังอย่างไม่พอใจออกมาทันที กล่าวโทษหลินสวี่เจิ้งว่าใจร้าย เดิมทีเขาก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงออกมาสักคำเดียว ทำร้ายกันเสียจนเขาคิดว่าตัวเองเหมือนกับว่าได้เบาะแสสำคัญอะไรมาแล้วกำลังคุยโวอย่างไม่กระดากอายอยู่นั่น
“เห็นประธานเฉินดูสนุกมากเลยไม่ใช่หรือไง? ไม่กล้าขัดออกไป ก็เลยให้คุณได้ตื่นเต้นอีกสักหน่อย”
ตาเฉิน “…”
ความรู้สึกที่ไม่อาจเป็นเพื่อนดีๆกันได้แล้ว การที่ความสัมพันธ์ของหานชิงและหลินสวี่เจิ้งพวกเขาทั้งสองคนนี้ดีที่สุดไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลย ทั้งสองคนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีอะไรเลย! เฮอะ!
หลังจากที่ดื่มน้ำชากันเสร็จ ช่วงบ่ายหลินสวี่เจิ้งก็ไปที่ร้านราเม็ง
ไม่มาอยู่ช่วงนึง การค้าของร้านราเม็งก็ยิ่งขายดิบขายดี ในตอนที่หลินสวี่เจิ้งเข้าไป กลุ่มคนที่บริษัทที่คิดจะมาก่อเรื่องให้กับเสี่ยวเหยียนพวกนั้นก็กำลังอยู่ด้านในร้านพอดี เห็นหลินสวี่เจิ้ง หลายคนก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็โค้งตัวก้มหน้ากัดหูฟังของกันและกัน
“คนนั้นไม่ใช่ว่าเป็นประธานหลินแห่งบริษัทตระกูลหลินหรือไง? ทำไมเขาก็มาที่นี่ด้วย? หรือว่าสาวส่งอาหารคนนั้นจะมีความสัมพันธ์กับท่านประธานหานของเราจริงๆ?”
“ประธานหลินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านประธานหานของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครเขาก็รู้กันทั่ว นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะมือไวขนาดนี้ หล่อนคิดจะอ่อยสองคนในครั้งเดียว หรือว่าจะมีเป้าหมายอื่น?”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์นั่งอยู่ในมุม สีหน้าดูขี้ขลาด “ฉันคิดว่า…คงเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นล่ะมั้ง? ถึงยังไงประธานหลินก็เป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียวนี่”
ตรงจุดนี้ทุกคนต่างก็รู้กัน หลินสวี่เจิ้งตั้งแต่ภรรยาเสียไป ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่อีก แล้วยังปฏิเสธการเข้าหาของผู้หญิงทุกคน
ไม่อย่างนั้นแล้วจากสถานะหน้าที่การงาน หน้าตาบุคลิกลักษณะของเขาจะยังโสดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง คนที่คนเข้าหาไม่ขาดสายผู้หญิงจะต้องไม่น้อยอยู่แล้ว เพียงแต่ภายในใจของเขาก็มีเพียงแค่ภรรยาที่จากไปคนนั้น ขอโทษนะใครจะไปสู้คนตายคนนึงได้?
ดังนั้นแล้วเป้าหมายของทุกคนจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวหลินสวี่เจิ้ง
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คิดแล้วคิดอีกแล้วก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง “ไม่งั้นแล้ว วันนี้พวกเรากินบะหมี่กันสักชามแล้วค่อยกลับกันเถอะ? ทำเป็นว่าออกมาหาอะไรกินกัน ประธานหลินอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราก่อเรื่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะจำพวกเราได้หรือเปล่า”
สีหน้าของคนอื่นๆก็ดูไม่ได้ขึ้นมา อันที่จริงก็ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงกันทั้งนั้นว่าหลินสวี่เจิ้งจะมา และมาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เจอเสี่ยวเหยียนเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วหล่อนหายหัวไปไหน
พอดีกับในตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วเดินออกมา เอาเมนูมาให้พวกเธอ
“พี่สาวสวัสดีฮะ~ นี่เป็นเมนูราเม็งของร้านนะฮะ พวกพี่สาวลองดูว่าอยากกินอะไรกัน?”
จู่ๆก็มีเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้หญิงหลายคนที่โต๊ะไป
เพียงแค่มองไปแวบเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดสบถออกมา
“เด็กน้อยน่ารัก ฉันแม่ง…”
หลายคนยังคงพากันแสดงความคิดเห็นกันออกมา แต่เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ส่งเมนูอาหารมาให้ จะปฏิเสธความต้องการของเด็กน้อยก็ไม่ได้ โดยเฉพาะหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างนั้นจึงเป็นเด็กที่เห็นแล้วทำเอาไร้หนทางที่จะต้านทานได้
หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้เก็บเมนูกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“โอเคฮะ พวกพี่สาวช่วยรอกันสักแป๊บนึงนะฮะ”
หลังจากคนออกไป ก็มีคนเอ่ยพูดออกมา
“เด็กคนนี้ใครกัน? หน้าตาก็หล่อเหลา คงไม่ใช่ลูกติดของยัยผู้หญิงส่งอาหารคนนั้นหรอกใช่มั้ย?”
มีใครบางคนอดไม่ได้ที่จะมองจ้องเธอ “เธอยกหล่อนสูงไปแล้ว หล่อนที่หน้าตาดาษดื่นอย่างนั้นจะมีลูกหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ได้? ยกยอหล่อนเกินไปแล้วมั้ยล่ะ”
“ก็ใช่”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์จ้องมองเบื้องหลังของเสี่ยวหมี่โต้วที่เดินออกไป คิดอยู่ได้สักพัก ก็ได้เอ่ยออกมาเบาๆ “พวกเธอคิดหรือเปล่าว่า…เด็กคนนี้หน้าตาคล้ายกับคนคนนึงมากเลย?”
คนอื่นที่เหลือ “ใคร???”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ลูบจมูกเบาๆ “ประธานเย่แห่งบริษัทตระกูลเย่”
“เย่โม่เซิน?”
มีใครบางคนร้องตกใจออกมา