เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1190
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1190 ฉันสามารถเรียนรู้ได้
หานมู่จื่อยิ้มแล้วพยักหน้า “ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมนิคะ ในเมื่อสำหรับเราสองสามีภรรยาแล้ว นามสกุลนั้นเป็นเพียงคำสรรพนามเท่านั้น จะใช้นามสกุลอะไรก็เหมือนกันค่ะ”
คนธรรมดาทั่วไปให้ความสำคัญกับนามสกุล แต่สำหรับคู่ของเย่โม่เซินและหานมู่จื่อที่เคยผ่านความยากลำบากนี้แล้ว ชื่อเสียงและความมั่งคั่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าให้พูดถึงเลย
เธอแค่หวังว่าในอนาคตจะได้ใช้ชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคงเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องคิดอะไรมาก
มองไปยังเย่โม่เซินครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าในแววตาของเขาไม่มีการต่อต้านเลยแม้แต่น้อย แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูมาทางเธอ หานมู่จื่อจึงเอ่ยปากปรึกษากับเขา
“ให้เสี่ยวหมี่โต้วใช้นามสกุลเดียวกับคุณตา ส่วนเสี่ยวโต้วหยาใช้นามสกุลเดียวกับนาย นายว่าไง?”
เมื่อเย่โม่เซินได้ยินก็ตัวสั่นเล็กน้อย เธอเสนอให้ใช้นามสกุลของเขาด้วย แต่เธอนั้นไม่ได้มีส่วนอะไรเลย
เธอคลอดลูกออกมาด้วยความยากลำบาก เย่โม่เซินเม้มริมฝีปาก และอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป
“นามสกุลหานนี่ยังมีพี่ชายของฉันอยู่นิ? เขากับเสี่ยวเหยียนคบกันแล้ว นายกำลังกังวลว่าจะไม่มีเด็กมาสืบทอดนามสกุลหานเหรอ?”
ก็ถูก เย่โม่เซินโล่งใจที่ได้ยินแบบนี้ แล้วยิ้มออกมาเจื่อนๆ
“และฉันคิดว่าชื่อเย่หยาหยามันน่าฟังกว่านะ เย่หยาหยา ดูสิน่าฟังและน่ารักมากแค่ไหน?
“โอเค เอาตามที่เธอพูดเลย”
ถึงแม้สองสามีภรรยาจะรับปากแล้ว ทว่าคุณท่านยู่ฉือก็ยังเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวหมี่โต้ว เขาก้มลงเล็กน้อยแล้วถามขึ้นว่า “เสี่ยวหมี่โต้ว หนูล่ะว่าไง? ยินยอมที่จะใช้นามสกุลเดียวกับคุณทวดไหมครับ?”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตา แล้วหันไปมองพ่อแม่ของตัวเอง จากนั้นก็พยักหน้า
ในเมื่อหม่ามี๊ไม่แคร์ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์แล้ว แค่ต่อไปต้องเขียนหนังสือเพิ่มอีกหนึ่งตัวเอง
หลังจากที่ตกลงกันเสร็จคุณท่านยู่ฉือก็มีความสุขมาก
เมื่อก่อน เขาเคยคิดที่จะรับสมัครลูกเขยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มีเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว เขายังต้องคิดอะไรมากอีก?
และผลสรุปสุดท้ายก็คือ เสี่ยวหมี่โต้วใช้นามสกุลเดียวกับคุณท่านยู่ฉือ ส่วนเสี่ยวโต้วหยาใช้นามสกุลของเย่โม่เซิน
การแก้ไขนามสกุลนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ทว่า ด้วยอิทธิพลของคุณท่านยู่ฉือกับเย่โม่เซินแล้ว แค่หาคนมาจัดการแทนก็สามารถจัดการได้แล้ว
เมื่อจางเสี่ยวเหยียนรู้เรื่องนี้ก็ตกใจมาก “แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
เป็นเรื่องที่……พระเจ้าสร้างจริงๆ
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น หานมู่จื่อและคนอื่นๆก็กลับไปที่วิลล่าไห่เจียง ส่วนคุณท่านยู่ฉือนั้นดีใจมากที่รอบนี้ได้เหลนที่ใช้นามสกุลเดียวกันกลับมาด้วย นอกจากจะอยู่กับเสี่ยวหมี่โต้วทุกๆวันแล้ว ก็แวะเวียนมาดูเสี่ยวโต้วหยานี่แหละ
และเสี่ยวโต้วหยานั้นนอกจากนอนแล้ว ก็ลืมตาที่กลมโต จ้องมองไปยังผู้ที่มาเล่นด้วย ดูๆไปก็หัวเราะคิกคักออกมา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเด็กนั้นสะอาดและบริสุทธิ์จริงๆ
จู่ๆ หานมู่จื่อก็นึกถึงคำที่เสี่ยวหมี่โต้วเคยพูด
เพราะต้องอยู่เดือน และหานมู่จื่อก็ไม่อยากไปศูนย์อยู่เดือนด้วย ก็เลยกลับมาที่วิลล่า ส้งอานบอกว่าตัวเองเป็นน้องสาวของแม่ของเย่โม่เซิน ก็เลยอาสามาดูแลหานมู่จื่อในช่วงที่อยู่เดือน ตอนแรกหานมู่จื่อเกรงใจเล็กน้อย ทว่าคิดไปคิดมา พ่อแม่ของตัวเองก็เสียไปแล้ว เย่โม่เซินก็เหมือนกับเธอเลย เหลือแค่น้าสาวคนเดียว และเธอก็รู้เกี่ยวกับการแพทย์ด้วย ให้เธอช่วยดูแลช่วงที่อยู่เดือนมันเหมาะสมที่สุดแล้ว
ทว่าส้งอานอยู่แค่ตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็กลับไปพักผ่อน ส่วนลูกนั้นหานมู่จื่อเลี้ยงเอง และเย่โม่เซินก็มานอนกับเธอ มาช่วยดูแลลูกด้วย
ต้องบอกว่า การอยู่เดือนตอนที่คลอดเสี่ยวโต้วหยานั้นสบายกว่าการอยู่เดือนตอนคลอดเสี่ยวหมี่โต้วมากเลย คงเป็นเพราะตอนนั้นกำลังทุกข์ใจ ในช่วงอยู่เดือนก็เลยไม่มีวันที่สดใสและมีสีสัน
ทว่า ตอนนี้ที่เห็นท่าทางของเย่โม่เซินที่พยายามสงบสติอารมณ์เพื่อช่วยดูแลลูก และมือไม้ของเขาก็กำลังวุ่นวายกับการดูแลลูกแล้ว เธอก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบนั้นเต็มไปด้วยสีสันและความสดใส
ในเวลากลางคืน ตอนที่หานมู่จื่อกำลังนอน จู่ๆเสี่ยวโต้วหยาก็ร้องไห้ขึ้นมา เธอถูกรบกวนจนตื่น ทำท่าจะลุกออกจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ ทว่าเย่โม่เซินที่นอนอยู่ข้างๆนั้นตอบสนองเร็วกว่าเธอ เขารีบลุกขึ้นแล้วไปอุ้มเสี่ยวโต้วหยา ตบไหล่ลูกเบาๆเพื่อกล่อมเข้าสู่ห้วงนิทรา
แต่เสี่ยวโต้วหยาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร กล่อมยังไงก็ไม่หยุดร้อง
ที่จริงหานมู่จื่อนั้นเหนื่อยมาก หนังตาก็หนักมากเช่นกัน เธอลุกขึ้นนั่งแล้วพูดกับเย่โม่เซินว่า “ลูกน่าจะหิวแล้ว นายส่งลูกมาให้ฉันเลย”
ไม่มีทางเลือก เย่โม่เซินทำได้เพียงอุ้มเสี่ยวโต้วหยาไปหาหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อจะให้นมกับลูก แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เสี่ยวโต้วหยาไม่ยอมกินนม และยังคงร้องไห้ต่อไป
เวลาเด็กร้องไห้ เขาจะร้องออกมาสุดเสียงเลย ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ เสียงร้องไห้นั้นดังและฟังชัดมาก
เย่โม่เซินจ้องเสี่ยวโต้วหยาเป็นเวลานาน จากนั้นก็หันหลังเตรียมเดินออกไป
“จะไปไหน?”คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งหันหลังเดินได้เพียงสองก้าว ก็ถูกหานมู่จื่อห้ามไว้ เธอมองดูท่าทีของเขา “คงจะไม่คิดที่จะไปเรียกน้าเล็กหรอกนะ?”
เธอเดาความคิดของเขาถูก เย่โม่เซินลูบจมูกของตัวเอง แล้วพูดขึ้นเสียงต่ำ “แต่น้าเล็กมีความรู้มากกว่าเรา”
“นายลืมแล้วเหรอ?”
“หิม?”
“น้าเล็กไม่เคยมีลูก และไม่เคยเลี้ยงลูก”
เมื่อพูดแบบนี้ออกไป เหมือนจะมีเหตุผล แต่ว่า……..
ในตอนที่หานมู่จื่อกำลังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง จู่ๆก็ได้กลิ่นแปลกๆ เพราะเมื่อสักครู่คิดแต่จะให้นมเสี่ยวโต้วหยาจึงไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้เมื่อก้มหน้าลงก็ได้กลิ่นที่เหม็นมาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อจึงกระแอมเบาๆ “เสี่ยวโต้วหยาน่าจะ……….”
เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่แล้วคิดอีกครั้ง เสี่ยวโต้วหยาก็เป็นลูกของเย่โม่เซินเหมือนกัน ทำไมเธอต้องรู้สึกประหม่าด้วย? หานมู่จื่ออุ้มเสี่ยวโต้วหยาแล้วลุกขึ้น เมื่อเย่โม่เซินเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นว่า “จะทำอะไร? เดี๋ยวฉันทำเอง”
“อันนั้น……นายไม่ค่อยถนัด”หานมู่จื่อพูดอธิบายเสียงเบา
เย่โม่เซินจ้องเข้าไปในตาของเธอ “ฉันสามารถเรียนรู้ได้”
“แน่ใจเหรอว่านายจะเรียนรู้?”หานมู่จื่อมองเขาอย่างสงสัย ที่จริงก็รู้สึกว่าให้เย่โม่เซินได้เรียนรู้ก็ดี ในเมื่อเรื่องแบบนี้ให้เขาไปทำก็ไม่มีอะไรเสียหาย? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ส่งเสี่ยวโต้วหยาที่กำลังร้องไห้ให้กับเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินอุ้มทารกไปแต่โดยดี
“อุ้มไว้ดีๆนะ ตอนนี้นายไม่ได้กลิ่นแปลกๆอะไรเหรอ”
ที่จริงเย่โม่เซินนั้นได้กลิ่นเหม็นตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แค่แปลกใจที่กลิ่นในห้องนี้แรงไปหน่อย พรุ่งนี้ต้องให้คนรับใช้มาทำความสะอาดดีๆแล้ว
เมื่อถูกหานมู่จื่อพูดเตือนแบบนี้ เย่โม่เซินอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ประมวลผลออกมาได้
“เธอหมายความว่า?”แววตาของเขามีความลังเลเล็กน้อย
หานมู่จื่อยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือให้เขา “นายบอกว่านายจะเรียนรู้เองนะ งั้นก็ฝากด้วยนะ สู้ๆ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็กลับไปนอนบนเตียง เหลือไว้เพียงเย่โม่เซินที่ยังยืนอยู่กับที่
เขาอุ้มเสี่ยวโต้วหยาไว้ และมีกลิ่นแปลกๆอยู่ใกล้ตัวเขา ส่วนตัวของเขานั้นแข็งทื่อราวกับโดนฟ้าผ่า
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเย่โม่เซินแล้ว หานมู่จื่อที่นอนอยู่บนเตียงก็อดที่จะแอบยิ้มออกมาไม่ได้
แค่นึกถึงภาพที่เย่โม่เซินจะต้องเผชิญในไม่ช้า หานมู่จื่อก็อยากจะหัวเราะออกมาเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหัวเราะ รอให้เขาจัดการทุกอย่างเสร็จค่อยว่ากันดีกว่า